(ที่มา:มติชนรายวัน 23 ก.ค.2556)
กลายเป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวครึกโครมขึ้นมาชั่วระยะเวลาไม่กี่วัน หลังจากเกิดกระแสโจมตีโครงการ
รับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต่อเนื่องเลยเถิดมาจนถึงขั้นเกิดข่าวลือในสังคมออนไลน์แพร่สะพัด
ออกไปว่า ข้าวไทยมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเจือปน
บานปลายยิ่งขึ้นเมื่อพิธีกรชื่อดังออกมาโพสต์ข้อความอันตรายจากการใช้สารเคมีในข้าวถุง แม้ว่าต่อมา
จะมีการออกมาขอโทษขอโพย ในความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นไปแล้ว
แต่ล่าสุดมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบพบสารเคมีตกค้างในข้าวถุงต่อเนื่องอีก
ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ สร้างความกังวลใจให้กับคนไทยไม่น้อย
ทางออกของปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ควรใช้วิธีตอบโต้ไปมา แต่ควรจะพิสูจน์ให้
ข้อเท็จจริงปรากฏขึ้นว่าที่จริงแล้วข้าวถุงอันตรายจริงหรือไม่
หน่วยงานที่ควรจะรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง และสร้างความเชื่อมั่นได้ดีที่สุดให้กับประชาชนก็คือ
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย.
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข
ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ดูแลตรวจสอบคุมเข้มในเรื่องนี้ จึงเดินหน้ายกเลิกการใช้สารเมทิล
โบรไมด์ (Methyl Bromide) รมควันข้าว ภายใน 2 ปีนี้ เพราะเป็นประเด็นว่ามีสารดังกล่าวตกค้างในข้าวถุง
และเป็นสารทำลายบรรยากาศ ไม่ได้ห้ามใช้เพราะความเป็นพิษ และสารชนิดนี้ก็มีอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว
โดยจะนำสารฟอสฟิน (Phosphine) มาใช้รมควันแทน
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดค่าตกค้างของสารรมควัน
ในข้าวสารบรรจุถุงฉบับใหม่ อ้างอิงตามมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ หรือโคเด็กซ์ (Codex)
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้บริโภคข้าวอย่างมั่นใจ จึงได้ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
จัดประชุมชี้แจงแนวทางและการอนุญาตข้าวบรรจุถุงแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด ในวันที่ 26 กรกฎาคม
2556 นี้ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ
รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข จะเร่งยกระดับมาตรฐานการผลิตข้าวสารให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานจีเอ็มพี ทั้งหมด
ภายใน 6 เดือนนี้ เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 342 พ.ศ.2555 ว่าด้วยเรื่องวิธีการ
ผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหารแปรรูป ที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย กำหนด
ให้สถานผลิตข้าวสารที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่ายต้องมีมาตรฐาน เพื่อคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภค
ทางด้าน นายแพทย์บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการ อย. ก็ออกมาให้ความมั่นใจว่า อย.มีมาตรการเพิ่มเติม
ในการควบคุมการใช้หรือปริมาณสารตกค้างของสารฆ่าแมลงชนิดรมในข้าวอย่างเข้มงวด
สำหรับการแสดงฉลากข้าวสารที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่ายต่อผู้บริโภคต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ว่าด้วย
เรื่อง ฉลาก เช่น แสดงข้อมูล ชื่อผลิตภัณฑ์/ วันเดือนปีที่ ผลิต/ หรือวันเดือนปี ที่หมดอายุ/ ข้อมูลสถานที่
ผลิตหรือนำเข้า/น้ำหนักสุทธิ เป็นต้น ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทาง
http://www.fda.moph.go.th/
ถึงขนาดกระทรวงสาธารณสุขออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่าข้าวไทยปลอดภัยขนาดนี้ จึงไม่ควรไปตื่นตระหนก
กับข่าวลือข่าวปล่อยที่กำลังระบาดอย่างหนักในสังคมไทยในขณะนี้
เพราะผลกระทบจากข่าวลือดังกล่าว ไม่ได้เกิดเฉพาะผู้ประกอบการข้าวถุงเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงชาวนา
โรงสี ผู้ส่งออก รวมถึงคนไทยทั้งประเทศอีกด้วย
ลองนึกดูว่าถ้าต่างชาติเชื่อข้อมูลที่ออกมาแล้ว ข้าวไทยจะมีสภาพเป็นอย่างไรในสายตาชาวโลก
อยากถามคนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ออกมาว่า สนุกกับการเผาบ้านตัวเอง นักหรือไง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374578258&grpid=&catid=02&subcatid=0207
เห็นกระทู้เรื่องข้าว ของคุณคนชาย หลังจากนั้น ก็เห็นบทความนี้ ใน "มติชน" ก็เลยต้องเก็บตก มาให้
คุณคนชาย และเพื่อนๆ อ่านกันพร้อมถามคำถามเดียว กับที่บทความถาม .....
สนุกกับการเผาบ้านตัวเอง นักหรือไง
อ้างอิงกระทู้นี้ค่ะ:
ผมมั่นใจ คนไทย 15 ล้านคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยจะกินข้าวเน่าและข้าวรมยา
แต่ไม่เคยเห็นรัฐบาล+เสื้อแดง จะบอกความจริง
http://ppantip.com/topic/30755671
ได้เวลา สธ.ลุย โดย สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา ....... มติชนออนไลน์ ..... ถามคุณ คนชาย สนุกกับการเผาบ้าน ไหม?
กลายเป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวครึกโครมขึ้นมาชั่วระยะเวลาไม่กี่วัน หลังจากเกิดกระแสโจมตีโครงการ
รับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต่อเนื่องเลยเถิดมาจนถึงขั้นเกิดข่าวลือในสังคมออนไลน์แพร่สะพัด
ออกไปว่า ข้าวไทยมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเจือปน
บานปลายยิ่งขึ้นเมื่อพิธีกรชื่อดังออกมาโพสต์ข้อความอันตรายจากการใช้สารเคมีในข้าวถุง แม้ว่าต่อมา
จะมีการออกมาขอโทษขอโพย ในความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นไปแล้ว
แต่ล่าสุดมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบพบสารเคมีตกค้างในข้าวถุงต่อเนื่องอีก
ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ สร้างความกังวลใจให้กับคนไทยไม่น้อย
ทางออกของปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ควรใช้วิธีตอบโต้ไปมา แต่ควรจะพิสูจน์ให้
ข้อเท็จจริงปรากฏขึ้นว่าที่จริงแล้วข้าวถุงอันตรายจริงหรือไม่
หน่วยงานที่ควรจะรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง และสร้างความเชื่อมั่นได้ดีที่สุดให้กับประชาชนก็คือ
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย.
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข
ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ดูแลตรวจสอบคุมเข้มในเรื่องนี้ จึงเดินหน้ายกเลิกการใช้สารเมทิล
โบรไมด์ (Methyl Bromide) รมควันข้าว ภายใน 2 ปีนี้ เพราะเป็นประเด็นว่ามีสารดังกล่าวตกค้างในข้าวถุง
และเป็นสารทำลายบรรยากาศ ไม่ได้ห้ามใช้เพราะความเป็นพิษ และสารชนิดนี้ก็มีอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว
โดยจะนำสารฟอสฟิน (Phosphine) มาใช้รมควันแทน
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดค่าตกค้างของสารรมควัน
ในข้าวสารบรรจุถุงฉบับใหม่ อ้างอิงตามมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ หรือโคเด็กซ์ (Codex)
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้บริโภคข้าวอย่างมั่นใจ จึงได้ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
จัดประชุมชี้แจงแนวทางและการอนุญาตข้าวบรรจุถุงแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด ในวันที่ 26 กรกฎาคม
2556 นี้ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ
รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข จะเร่งยกระดับมาตรฐานการผลิตข้าวสารให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานจีเอ็มพี ทั้งหมด
ภายใน 6 เดือนนี้ เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 342 พ.ศ.2555 ว่าด้วยเรื่องวิธีการ
ผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหารแปรรูป ที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย กำหนด
ให้สถานผลิตข้าวสารที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่ายต้องมีมาตรฐาน เพื่อคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภค
ทางด้าน นายแพทย์บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการ อย. ก็ออกมาให้ความมั่นใจว่า อย.มีมาตรการเพิ่มเติม
ในการควบคุมการใช้หรือปริมาณสารตกค้างของสารฆ่าแมลงชนิดรมในข้าวอย่างเข้มงวด
สำหรับการแสดงฉลากข้าวสารที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่ายต่อผู้บริโภคต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ว่าด้วย
เรื่อง ฉลาก เช่น แสดงข้อมูล ชื่อผลิตภัณฑ์/ วันเดือนปีที่ ผลิต/ หรือวันเดือนปี ที่หมดอายุ/ ข้อมูลสถานที่
ผลิตหรือนำเข้า/น้ำหนักสุทธิ เป็นต้น ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทาง
http://www.fda.moph.go.th/
ถึงขนาดกระทรวงสาธารณสุขออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่าข้าวไทยปลอดภัยขนาดนี้ จึงไม่ควรไปตื่นตระหนก
กับข่าวลือข่าวปล่อยที่กำลังระบาดอย่างหนักในสังคมไทยในขณะนี้
เพราะผลกระทบจากข่าวลือดังกล่าว ไม่ได้เกิดเฉพาะผู้ประกอบการข้าวถุงเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงชาวนา
โรงสี ผู้ส่งออก รวมถึงคนไทยทั้งประเทศอีกด้วย
ลองนึกดูว่าถ้าต่างชาติเชื่อข้อมูลที่ออกมาแล้ว ข้าวไทยจะมีสภาพเป็นอย่างไรในสายตาชาวโลก
อยากถามคนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ออกมาว่า สนุกกับการเผาบ้านตัวเอง นักหรือไง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374578258&grpid=&catid=02&subcatid=0207
เห็นกระทู้เรื่องข้าว ของคุณคนชาย หลังจากนั้น ก็เห็นบทความนี้ ใน "มติชน" ก็เลยต้องเก็บตก มาให้
คุณคนชาย และเพื่อนๆ อ่านกันพร้อมถามคำถามเดียว กับที่บทความถาม .....สนุกกับการเผาบ้านตัวเอง นักหรือไง
อ้างอิงกระทู้นี้ค่ะ:
ผมมั่นใจ คนไทย 15 ล้านคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยจะกินข้าวเน่าและข้าวรมยา
แต่ไม่เคยเห็นรัฐบาล+เสื้อแดง จะบอกความจริง
http://ppantip.com/topic/30755671