เป็นบทความที่ผมแปลมาจาก Hal Croasmun เห็นว่าน่าสนใจเลยเอามาแบ่งปันเผื่อจะมีใครสนใจกันบ้าง
เริ่มกันเลยครับ
บทบัญญัติ 10 ประการของการเขียนบทภาพยนตร์
ผู้คนส่วนมากรู้จักการเขียนบทภาพยนตร์ แต่หากว่าคุณทำลายกฎเหล่านี้ จิตวิญญาณของคุณจะถูกสาปแช่งให้เป็นพวกมือสมัครเล่นตราบชั่วนิรันดร์
หรืออาจยากเกินไปที่จะเป็นมือโปร ไม่ว่าทางใด คุณก็ต้องพิจารณอย่างรอบคอบเอาเองกับการชี้แนะเหล่านี้ไม่ว่าจะไปเขียนหรือจะไปรีไรท์บทของคุณ
เขียนบทภาพยนตร์ตามข้อบัญญัติ
เขียนบทภาพยนตร์ตามข้อบัญญัติ
1.สร้างความเพลิดเพลิดให้มากและมากขึ้น
ความบันเทิงเป็นเหตุผลแรกที่จะทำให้คนออกไปดูหนัง ผู้ผลิตทุกคนรู้ดี ดังนั้นควรใส่ใจกับข้อ 1 ในบทของคุณ จงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการสร้างตัวละครหรือสถานการณ์ความเพลิดเพลินขึ้น และคุณก็จะได้เป็นนักเขียนในแบบที่ต้องการ
บอกไว้เลย หากมีอะไรในบทของคุณไม่ได้สร้างความเอนเตอร์เทน
“แก้ไขมันซะ”
2. ทำให้ทุกๆสิ่งน่าสนใจ
อุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยนักอ่านที่ถูกเลี้ยงด้วยอาหารเลิศรสจากนักเขียนบทมืออาชีพ หากคุณต้องการโดดเด้งออกมา ควรหว่านเสน่ห์ความสนใจต่อพวกเขาและทำให้พวกเขาลืมว่ากำลังทำงานอยู่
ควรที่จะทำต่อไปไม่หยุดยั้ง ทำให้ซีนของคุณน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตัวละครของคุณน่าสนใจ ทำให้บทสนทนาน่าสนใจ ทำให้ทุกสิ่งน่าสนใจ
3. ทำให้เราไม่สามารถหยุดติดตามตัวละครเอกได้
นักเขียนบทมืออาชีพตั้งใจสร้างตัวละครที่พวกเราอยากติดตาม มีความพิเศษแถมน่าสนิทสนมด้วย พวกเราสามารถเกี่ยวก้อยกับเขาและต้องการร่วมทางไปกับตัวละคร
หลักการทั่วไป ตัวละครเอกของคุณควรเป็นบุคคลที่เพอร์เฟ็กค์ที่พาเราจมลึกลงไปในเรื่องและความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น อย่าทำแค่ให้มันดี แต่ทำให้มันยอดเยี่ยมกระเทียมดองไปเลย
4. สัญญากับพวกเราว่านี่คือสิ่งพิเศษที่กำลังมอบให้
ด้วยวิธีใดก็ตาม คุณต้องทำให้คนอ่านบทของคุณไปจนถึงหน้าสุดท้าย และนี่คือการแก้ปัญหา
15 ปีที่แล้ว ผมเคยอ่านหนังสือชื่อ “A Story Is A Promise” โดย บิลล์ จอห์นสัน ตั้งแต่นั้นมา ผมจะมองหาบทจากมุมมองว่า “อะไรคือคำสัญญาที่คุณจะให้กับคนอ่าน/ผู้ชมและคุณดำเนินไปในทางที่ไม่เหมือนใครได้อย่างไร”
หัวใจสำคัญคือคุณคาดหวังต่อความสำเร็จจากตัวละครเอกหรือการเผชิญหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในองค์ 3 ระหว่างตัวเอกและตัวร้าย ถ้าสัญญายังซื่อสัตย์พอ พวกเราจะอ่านทุกหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
5.แสดงให้เห็นถึงความหมายอันลุ่มลึก
ความหมายสามารถใส่เข้าไปในพล็อต,ตัวละคร,สถานการณ์,การกระทำ และบทสนทนาของบทฯ มันไม่จำเป็นต้องลึกซึ้ง เพียงอยู่ด้านล่างต่อการรับรู้ของผู้ชม
ผู้ชมและคนอ่านไม่ได้ชื่นชมการเขียนที่ตรงจนเกินไป ความหมายซ่อนนัย(Subtext)เปิดโอกาสให้พวกเขาได้สัมผัสกับภาพยนตร์ พวกเขาจะได้รับประสบการณ์ข้างในของเรื่องราว เพราะว่าพวกเขากำลังตีความว่าอะไรที่บทสนทนาและการแสดงหมายถึงจริงๆ
เนื่องจากว่ามีความสำคัญที่จะต้องดูแล Subtext ของเรื่อง ดีกว่าสร้างเรื่องบนพื้นผิวแต่เพียงอย่างเดียว
6. วางตัวละครที่ของคุณอย่างสะบักสะบอม
พ่อแม่ที่ดีจะดูแลลูกน้อยไม่ให้ใครมาทำอันตราย เช่นกันนักเขียนที่ยิ่งใหญ่จะวางตัวละครในสถานที่ย่ำแย่ที่สุดที่เป็นไปได้เพื่อท้าทายความเชื่อและข้อจำกัดด้านร่างกายของเขา
อย่าหลงผสมสองสิ่งเข้าด้วยกันหล่ะ ผู้ชมไม่ต้องการดูหนังเพื่อเห็นตัวละครอยู่สุขสบายปลอดภัย พวกเขาต้องการเห็นตัวละครเสี่ยงภัย,ประสบอันตราย,โอกาสหนีรอดน้อยมากจากสิ่งที่ท้าทาย
อาชีพนักเขียนบทภาพยนตร์จะทำให้คุณทำงานได้อย่างอึดทนทาน โดยร่างสุดท้าย ตัวละครของคุณจะเกลียดคุณสำหรับความเลวร้ายทุกสิ่งที่คุณมอบให้กับเขา จงไปทรมานตัวละครที่คุณรักซะ
7. ปล่อยบทสนทนาของคุณไปจะช่วยสะท้อนตัวละครได้มากขึ้น
นักเขียนมือใหม่มักจะใส่บทสนทนาของพวกเขาด้วยการอธิบายรายละเอียดของเรื่อง นี่เป็นการลดค่าของตัวละครและความสร้างสรรค์ที่จะแสดงออกมาผ่านบทสนทนา ดังนั้นจงอย่าทำ
ใส่การอธิบาย,ข้อมูล และรายละเอียดเรื่องเข้าไปในการกระทำและสถานการณ์แทน
ยกตัวอย่างแทนที่พี่เลี้ยงนักมวยใหม่จะคอยพร่ำบอกซึ่งนั่นเป็นเป็นวิธีการที่ไม่ได้ผล ให้ลองใส่ตัวละครเข้าไปในเวทีมวยและเรียนรู้การถูกเตะ คราวนี้แหละพี่เลี้ยงไม่ต้องคอยสอนแล้ว ตามความจริงแล้วเขาจะมีอิสระในการพูดทุกสิ่ง – อาหารเช้า,การเมือง,หมาตัวโปรด และอื่นๆ เพราะว่าความหมายที่แท้จริงจะถูกบอกผ่านการกระทำเท่านั้น
มันช่วยให้คุณมีอิสระขึ้นซึ่งจะทำให้คุณเจิดจ้าทางความมากขึ้นกว่าเดิมด้วยบทสนทนาอย่างแน่นอน
8. ใส่ความคลิเช่เข้าไปในไอเดียสดใหม่
ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ คำว่า คลิเช่ (cliché) หมายถึง “บางอย่างที่เคยเห็นมาก่อนแล้ว” หากคุณเขียนบทด้วยพล็อดเดิม ตัวเอกคนเดิม หรือสถานการณ์คล้ายเดิม คนดูจะสะดุดไป
คนดูต้องการเห็นเรื่องราวเดิมๆในหนทางที่แปลกใหม่และตัวละครตัวเดิมมีบางสิ่งพิเศษ นั่นหมายความตัวละคร,สถานการณ์,การกระทำ และบทสนทนาของคุณจำเป็นต้องไม่ซ้ำกับใคร
ความท้าทายของคุณ : ตามล่าหาคลิเช่นในบทของคุณและระดมสมองหาวิธีการที่ไม่ซ้ำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ให้ใครก็ได้ช่วยบิดหรือดัดในหลายๆเสียงที่แตกต่างกัน มันเป็นชิ้นส่วนเล็กของงานก็จริง แต่มันได้ผลทันทีในบทของคุณ
9. อนุญาติให้ตัวเองเขียนร่างแรกได้ห่วยๆ…
….และทำให้ตัวคุณเขียนร่างสุดท้ายได้อย่างเยี่ยมยอดสมบูรณ์ ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ
นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนบทดีกว่าการพยายามทำให้ดีตั้งแต่ร่างแรกและทำให้ตัวเองเขียนต่อไปไม่ได้(หัวตัน)
ร่างแรกเป็นเวลาสำหรับการปลดปล่อยความอิสระแห่งการแสดงออก อย่าไปวิพากษ์งานของคุณ คุณต้องค้นหาเกี่ยวเรื่องของคุณ,ตัวละคร และอื่นๆ
วิธีอื่น นักเขียนมักส่งบทไปให้กับโปรดิวเซอร์ทั้งที่ยังไม่พร้อม เพราะนั่นเป็นเวลาที่จะวิจารณ์และเป็นร่างที่สมบูรณ์จริงๆ
คุณต้องเชื่อมต่อกับกระบวนการสร้างสรรค์ในตัวคุณ เร็วเท่าไหร่ยิ่งได้รับความสำเร็จมากเท่านั้น
10. คิดย้ำๆเกี่ยวกับบทของคุณ จนกระทั่งเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่สุดที่สามารถเป็นได้
นี่เป็นความท้าทายสุดท้ายของนักเขียนบทมือชีพ นั่นคือคิดแล้วคิดอีก-ครั้งแล้วครั้งเล่าจนคุณค้นพบทางที่ดีที่สุดที่จะบอกเรื่องราวนี้
หากคุณคิดว่าเรื่องและตัวละครสมบูรณ์แบบแล้ว คุณควรจะลองจินตนาการในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเขียนเรื่องได้ดีกว่า แต่มันจะช่วยคุณทำงานกับบริษัทถ่ายทำและสตูดิโอ เมื่อเขาขอเปลี่ยนแปลงบทของคุณได้
ทำให้บทบัญญัติ 10 ข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเขียนบทและสักวันในไม่ช้าคุณจะเขียนบทภาพยนตร์ฮอลีวู้ดได้เหมือนพระเจ้าเขียนเลย
จบแล้วครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กันบ้างนะครับ
ยังไงฝากบล็อกติดตามงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์ด้วยครับ :
http://a-bellamy.com
เอาบทความ "บทบัญญัติ 10 ประการของการเขียนบทภาพยนตร์" มาฝากกันเผื่อห้องนี้มีคนทำหนังอยู่
เริ่มกันเลยครับ
บทบัญญัติ 10 ประการของการเขียนบทภาพยนตร์
ผู้คนส่วนมากรู้จักการเขียนบทภาพยนตร์ แต่หากว่าคุณทำลายกฎเหล่านี้ จิตวิญญาณของคุณจะถูกสาปแช่งให้เป็นพวกมือสมัครเล่นตราบชั่วนิรันดร์
หรืออาจยากเกินไปที่จะเป็นมือโปร ไม่ว่าทางใด คุณก็ต้องพิจารณอย่างรอบคอบเอาเองกับการชี้แนะเหล่านี้ไม่ว่าจะไปเขียนหรือจะไปรีไรท์บทของคุณ
เขียนบทภาพยนตร์ตามข้อบัญญัติ
เขียนบทภาพยนตร์ตามข้อบัญญัติ
1.สร้างความเพลิดเพลิดให้มากและมากขึ้น
ความบันเทิงเป็นเหตุผลแรกที่จะทำให้คนออกไปดูหนัง ผู้ผลิตทุกคนรู้ดี ดังนั้นควรใส่ใจกับข้อ 1 ในบทของคุณ จงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการสร้างตัวละครหรือสถานการณ์ความเพลิดเพลินขึ้น และคุณก็จะได้เป็นนักเขียนในแบบที่ต้องการ
บอกไว้เลย หากมีอะไรในบทของคุณไม่ได้สร้างความเอนเตอร์เทน “แก้ไขมันซะ”
2. ทำให้ทุกๆสิ่งน่าสนใจ
อุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยนักอ่านที่ถูกเลี้ยงด้วยอาหารเลิศรสจากนักเขียนบทมืออาชีพ หากคุณต้องการโดดเด้งออกมา ควรหว่านเสน่ห์ความสนใจต่อพวกเขาและทำให้พวกเขาลืมว่ากำลังทำงานอยู่
ควรที่จะทำต่อไปไม่หยุดยั้ง ทำให้ซีนของคุณน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตัวละครของคุณน่าสนใจ ทำให้บทสนทนาน่าสนใจ ทำให้ทุกสิ่งน่าสนใจ
3. ทำให้เราไม่สามารถหยุดติดตามตัวละครเอกได้
นักเขียนบทมืออาชีพตั้งใจสร้างตัวละครที่พวกเราอยากติดตาม มีความพิเศษแถมน่าสนิทสนมด้วย พวกเราสามารถเกี่ยวก้อยกับเขาและต้องการร่วมทางไปกับตัวละคร
หลักการทั่วไป ตัวละครเอกของคุณควรเป็นบุคคลที่เพอร์เฟ็กค์ที่พาเราจมลึกลงไปในเรื่องและความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น อย่าทำแค่ให้มันดี แต่ทำให้มันยอดเยี่ยมกระเทียมดองไปเลย
4. สัญญากับพวกเราว่านี่คือสิ่งพิเศษที่กำลังมอบให้
ด้วยวิธีใดก็ตาม คุณต้องทำให้คนอ่านบทของคุณไปจนถึงหน้าสุดท้าย และนี่คือการแก้ปัญหา
15 ปีที่แล้ว ผมเคยอ่านหนังสือชื่อ “A Story Is A Promise” โดย บิลล์ จอห์นสัน ตั้งแต่นั้นมา ผมจะมองหาบทจากมุมมองว่า “อะไรคือคำสัญญาที่คุณจะให้กับคนอ่าน/ผู้ชมและคุณดำเนินไปในทางที่ไม่เหมือนใครได้อย่างไร”
หัวใจสำคัญคือคุณคาดหวังต่อความสำเร็จจากตัวละครเอกหรือการเผชิญหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในองค์ 3 ระหว่างตัวเอกและตัวร้าย ถ้าสัญญายังซื่อสัตย์พอ พวกเราจะอ่านทุกหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
5.แสดงให้เห็นถึงความหมายอันลุ่มลึก
ความหมายสามารถใส่เข้าไปในพล็อต,ตัวละคร,สถานการณ์,การกระทำ และบทสนทนาของบทฯ มันไม่จำเป็นต้องลึกซึ้ง เพียงอยู่ด้านล่างต่อการรับรู้ของผู้ชม
ผู้ชมและคนอ่านไม่ได้ชื่นชมการเขียนที่ตรงจนเกินไป ความหมายซ่อนนัย(Subtext)เปิดโอกาสให้พวกเขาได้สัมผัสกับภาพยนตร์ พวกเขาจะได้รับประสบการณ์ข้างในของเรื่องราว เพราะว่าพวกเขากำลังตีความว่าอะไรที่บทสนทนาและการแสดงหมายถึงจริงๆ
เนื่องจากว่ามีความสำคัญที่จะต้องดูแล Subtext ของเรื่อง ดีกว่าสร้างเรื่องบนพื้นผิวแต่เพียงอย่างเดียว
6. วางตัวละครที่ของคุณอย่างสะบักสะบอม
พ่อแม่ที่ดีจะดูแลลูกน้อยไม่ให้ใครมาทำอันตราย เช่นกันนักเขียนที่ยิ่งใหญ่จะวางตัวละครในสถานที่ย่ำแย่ที่สุดที่เป็นไปได้เพื่อท้าทายความเชื่อและข้อจำกัดด้านร่างกายของเขา
อย่าหลงผสมสองสิ่งเข้าด้วยกันหล่ะ ผู้ชมไม่ต้องการดูหนังเพื่อเห็นตัวละครอยู่สุขสบายปลอดภัย พวกเขาต้องการเห็นตัวละครเสี่ยงภัย,ประสบอันตราย,โอกาสหนีรอดน้อยมากจากสิ่งที่ท้าทาย
อาชีพนักเขียนบทภาพยนตร์จะทำให้คุณทำงานได้อย่างอึดทนทาน โดยร่างสุดท้าย ตัวละครของคุณจะเกลียดคุณสำหรับความเลวร้ายทุกสิ่งที่คุณมอบให้กับเขา จงไปทรมานตัวละครที่คุณรักซะ
7. ปล่อยบทสนทนาของคุณไปจะช่วยสะท้อนตัวละครได้มากขึ้น
นักเขียนมือใหม่มักจะใส่บทสนทนาของพวกเขาด้วยการอธิบายรายละเอียดของเรื่อง นี่เป็นการลดค่าของตัวละครและความสร้างสรรค์ที่จะแสดงออกมาผ่านบทสนทนา ดังนั้นจงอย่าทำ
ใส่การอธิบาย,ข้อมูล และรายละเอียดเรื่องเข้าไปในการกระทำและสถานการณ์แทน
ยกตัวอย่างแทนที่พี่เลี้ยงนักมวยใหม่จะคอยพร่ำบอกซึ่งนั่นเป็นเป็นวิธีการที่ไม่ได้ผล ให้ลองใส่ตัวละครเข้าไปในเวทีมวยและเรียนรู้การถูกเตะ คราวนี้แหละพี่เลี้ยงไม่ต้องคอยสอนแล้ว ตามความจริงแล้วเขาจะมีอิสระในการพูดทุกสิ่ง – อาหารเช้า,การเมือง,หมาตัวโปรด และอื่นๆ เพราะว่าความหมายที่แท้จริงจะถูกบอกผ่านการกระทำเท่านั้น
มันช่วยให้คุณมีอิสระขึ้นซึ่งจะทำให้คุณเจิดจ้าทางความมากขึ้นกว่าเดิมด้วยบทสนทนาอย่างแน่นอน
8. ใส่ความคลิเช่เข้าไปในไอเดียสดใหม่
ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ คำว่า คลิเช่ (cliché) หมายถึง “บางอย่างที่เคยเห็นมาก่อนแล้ว” หากคุณเขียนบทด้วยพล็อดเดิม ตัวเอกคนเดิม หรือสถานการณ์คล้ายเดิม คนดูจะสะดุดไป
คนดูต้องการเห็นเรื่องราวเดิมๆในหนทางที่แปลกใหม่และตัวละครตัวเดิมมีบางสิ่งพิเศษ นั่นหมายความตัวละคร,สถานการณ์,การกระทำ และบทสนทนาของคุณจำเป็นต้องไม่ซ้ำกับใคร
ความท้าทายของคุณ : ตามล่าหาคลิเช่นในบทของคุณและระดมสมองหาวิธีการที่ไม่ซ้ำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ให้ใครก็ได้ช่วยบิดหรือดัดในหลายๆเสียงที่แตกต่างกัน มันเป็นชิ้นส่วนเล็กของงานก็จริง แต่มันได้ผลทันทีในบทของคุณ
9. อนุญาติให้ตัวเองเขียนร่างแรกได้ห่วยๆ…
….และทำให้ตัวคุณเขียนร่างสุดท้ายได้อย่างเยี่ยมยอดสมบูรณ์ ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ
นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนบทดีกว่าการพยายามทำให้ดีตั้งแต่ร่างแรกและทำให้ตัวเองเขียนต่อไปไม่ได้(หัวตัน)
ร่างแรกเป็นเวลาสำหรับการปลดปล่อยความอิสระแห่งการแสดงออก อย่าไปวิพากษ์งานของคุณ คุณต้องค้นหาเกี่ยวเรื่องของคุณ,ตัวละคร และอื่นๆ
วิธีอื่น นักเขียนมักส่งบทไปให้กับโปรดิวเซอร์ทั้งที่ยังไม่พร้อม เพราะนั่นเป็นเวลาที่จะวิจารณ์และเป็นร่างที่สมบูรณ์จริงๆ
คุณต้องเชื่อมต่อกับกระบวนการสร้างสรรค์ในตัวคุณ เร็วเท่าไหร่ยิ่งได้รับความสำเร็จมากเท่านั้น
10. คิดย้ำๆเกี่ยวกับบทของคุณ จนกระทั่งเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่สุดที่สามารถเป็นได้
นี่เป็นความท้าทายสุดท้ายของนักเขียนบทมือชีพ นั่นคือคิดแล้วคิดอีก-ครั้งแล้วครั้งเล่าจนคุณค้นพบทางที่ดีที่สุดที่จะบอกเรื่องราวนี้
หากคุณคิดว่าเรื่องและตัวละครสมบูรณ์แบบแล้ว คุณควรจะลองจินตนาการในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเขียนเรื่องได้ดีกว่า แต่มันจะช่วยคุณทำงานกับบริษัทถ่ายทำและสตูดิโอ เมื่อเขาขอเปลี่ยนแปลงบทของคุณได้
ทำให้บทบัญญัติ 10 ข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเขียนบทและสักวันในไม่ช้าคุณจะเขียนบทภาพยนตร์ฮอลีวู้ดได้เหมือนพระเจ้าเขียนเลย
จบแล้วครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กันบ้างนะครับ
ยังไงฝากบล็อกติดตามงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์ด้วยครับ : http://a-bellamy.com