ตอนที่ 5
http://ppantip.com/topic/30679319
ตอนที่ 7
http://ppantip.com/topic/30878024
ตอนที่ 6 ...
เลิกเรียนแล้ว ครูและนักเรียนที่นี่ มักจะตรงเวลามากๆ หมดเวลาเรียน ครูควรจบการสอน และเดินออกไป
นักเรียนแทบจะวิ่งแซงหน้า เบียดกระแทกแทรกไหล่ เดินออกจากประตูห้องเรียนไปพร้อมๆกับครูเลยหล่ะค่ะ
เราเดินลากเท้า ก้าวยาวๆออกมาจากห้องเรียน หน้ายังคงเปื้อนยิ้มเพราะสอนเพื่อนๆให้ช่วย “นางมี กะ นางมอย” ขายหอยขายหมี
จนอะไรต่อมิอะไร ฟุ้งกระจายในอากาศกันให้ยุบยับเต็มไปหมด
เราเดินมาหยุดหน้าเคาน์เตอร์ มองตามเด็กนักเรียนจากห้องอื่นๆ ที่ทยอยๆ เดินออกมา
“มีนักเรียนไทยที่เรียนห้องอื่นๆอยู่บ้าง ลองมองๆหาดูนะ จะได้มีเพื่อน” ...พี่โอปอลให้คำแนะนำ
เราพยักหน้ารับหงึกๆ สายตาพุ่งปรี๊ด ทะลุผ่านเสียงเด็กๆที่อื้ออึง ไปผสานกะดวงตาคู่หนึ่ง
ผู้หญิงตากลม ผมดำยาวประบ่า เดินมาด้วยกระโปรงสั้น รองเท้าบูท และเสื้อคลุมสีแดงเข้ม นางเปรี้ยวแสบหูเลยหล่ะ
เราส่งยิ้มให้กันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมยิงคำทักทายเสียก่อน ที่นางจะพูดภาษาอื่น...
"สวัสดีค่ะ คนไทยใช่มั๊ยคะ?"
………….เท่านั้นแหละค่ะ ความคิดที่เคยกลัว ว่าเราจะอยู่ในอเมริกาอย่างสนุกได้อย่างไร ถูกทำลายลง ณ จุดนี้.................
พี่ปุ้ย นักเรียนไทยในอเมริกาจากห้อง TOEFL ร่ำเรียนมาร่วมๆปี ภาษาดี ฟุด ฟิด ฟอ ไฟ ไวไม่ต้องสืบ
พี่ปุ้ยให้คำแนะนำต่างๆอย่างเป็นกันเอง ตบท้ายด้วยเอามือลูบหัวเราเบาๆ แล้วพูดอย่างยิ้มแย้มว่า
"ไม่เป็นไรนะไอ้น้อง อย่าคิดว่าตัวคนเดียว เมิงไม่เดียวดายในอเมริกาแน่นอน เชื่อพี่"
เห็นได้ชัดเลยว่า น้ำใจของคนไทยมีอยู่ทั่วไป ไกลไปถึงทั่วโลก เลยจริงๆค่ะ
(เอ่อออ เวลาแค่แป๊บเดียว คุณพี่ขึ้นเมิงกับน้องแล้วรือคะ เอาๆๆยังไงก็เอาละ ชั่วโมงเน้)
พี่ปุ้ย ยังแนะนำให้รู้จัก
มิน คยอง (Min Kyung) เพื่อนสนิทสาวชาวเกาหลี จากห้อง TOEFL เดียวกัน
จับไม้ จับมือ แนะนำชื่อแซ่กันเรียบร้อย มินยกมือขึ้นไหว้เราอย่างน่ารัก...
“ซา-หวาด-ดี-อี-โบ-อี้” หมายถึง สวัสดีอีบ๊วย!!
กูว่าเมิงไม่ได้น่ารักอย่างที่เมิงไหว้กูแล้วหล่ะ เรียก “อี” นำหน้าชื่อกูซะงั้น
“ฝีมือพี่สอนเอง...เรื่องแบบนี้ อีมินจำเก่งนักหล่ะ” พี่ปุ้ยยิ้มอย่างภูมิใจ
ทั้ง 2 ท่านให้เกียรติจัดต้อนรับน้องใหม่ “Welcome to America” ด้วยการพาไปสรรหาความบันเทิงในดาวน์ทาวน์ ให้ตะลึงตึ่งตึ๊งในหัวใจ
"เฮ้ย...บ๊วย โทรบอกโฮส (Sandy) ว่าวันนี้ไม่ต้องรอ นอนได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วง" พี่ปุ้ยออกคำสั่ง
"อุ๊ต๊ะ...เอางั้นเลยเหรอพี่ หนูเพิ่งมาโรงเรียนวันนี้วันแรกนะ" ... แต่มือกดโทรศัพท์ยิกๆๆ เรียบเรียงคำภาษาปะกิดในหัว เตรียมเจรจา
กับนางตามคำสั่ง
มุ่งหน้าสู่ดาวน์ทาวน์แอลเอ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยรถยนต์
ดิ่งขึ้น Freeway (ทางด่วนบ้านเรา แต่บ้านเค้าไม่เสียเงิน) จะใช้ความเร็วได้ประมาณ 55 - 65 mph หรือราวๆ 88.5 – 104.6 km/hr
ความเร็วระดับนี้กฎหมายยอมรับค่ะ หากแต่สาวเกาหลี
มิน คยอง จะรีบทำเวลาไปหาพระแสงหอง้าวอะไรไม่ทราบ
กดคันเร่งไปที่ 90 mph (144.8 km/hr) จนตำรวจขับมาตีคู่ แล้วยกมือขึ้นชี้หน้า ปรามด้วยท่าทางเพียงเท่านี้
มิน คยอง ยกคันเร่งพร้อมกรีดร้องขึ้นทันที ตายห่าแล้ววว...โดนปรับแน่ๆ แต่เคราะห์ยังดี ที่ตำรวจชี้หน้าแค่นี้ แล้วจากไป
ใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด มินอาจโดนค่าปรับสูงถึง $146 - $380 [source : california.drivinguniversity.com] หรือมากกว่า
ขึ้นอยู่กับความเร็วของการบ้าระห่ำในแต่ละครั้ง ส่วนครั้งนี้รอดไปได้แบบไม่น่าเชื่อ
ถึงดาวน์ทาวน์แล้ว มิน กะ พี่ปุ้ย ชี้ให้ดู โน่น นี่ นั่น อย่างเพลิดเพลินเจริญจิต ที่หมายอยู่บนดาดฟ้า หรือ The Rooftop Bar
ตึก The Standard (ติดป้ายกลับหัว) แต่สาวเจ้าดันไม่เอารถจอดที่ตึก The Standard เพราะนางฉลาดกว่า
นางซัดลูกตา แลเห็นป้ายตึกข้างๆ ค่าจอดรถถูกกว่า เลยพุ่งเข้าไปจอดอีตึกข้างๆนั่นอย่างไวว่อง
เวลา 2 ทุ่มกว่าแล้ว บาร์บนดาดฟ้านั้นให้วิวสุดหรู เห็นภูเขาในระยะไกล แสงไฟในเมืองระยิบระยับ งดงามสมคำล่ำลือ
ไม่ว่าจะเรียก ดินแดนนางฟ้า หรือ เมืองแห่งทูตสวรรค์ อะไรก็แล้วแต่ ภาพที่เห็นจากตรงนี้ ยอมรับแล้ว....ว่าสวยจริงๆค่ะ
บนดาดฟ้ามีบาร์เครื่องดื่ม สระว่ายน้ำอุ่น เตาผิงกลางแจ้ง ฮีทเตอร์ติดตั้งตามจุด เตียงน้ำข้างสระ ดีเจเปิดเพลงสลับกับดนตรีสด
รวมถึงฟลอร์เต้นรำ จะเซิ้ง จะแดนซ์ ฝรั่งเค้าไม่แคร์ เครื่องดื่มตกราวๆ $10/drink (ทิปอย่างน้อยๆ $1/drink ค่ะ)
ก็เริงรื่น ชื่นใจ กันไปเรื่อยๆ จนถึงตี 1 สามสาวหัวดำตกลงใจ จูงมือกันกลับบ้านดีกว่า
เดินมาที่รถ ปรากฏว่า........ตึกจอดรถปิดแล้วคร่าาาาาา
ปิดประตูเหล็กอันใหญ่แน่นหนา เอารถออกไม่ได้ มีคุณลุงรปภ.เดินมาบอกว่า ตึกปิดเวลา 3 ทุ่ม และจะเปิดตอน 9 โมงเช้า
พวกยูมารับรถพรุ่งนี้แล้วกัน...
กรี๊ดดดดดดดดดด!! จะบ้าเหรอคะ?? บ้านพวกกูอ่ะ อยู่ Torrance ห่างจากนี่ตั้งไกลโข ตอนเข้ามาจอดก็ 2 ทุ่มกว่าแล้ว ไม่เห็นจะมี
ใครบอกเลยว่า ตึกจะปิด 3 ทุ่ม แล้วพรุ่งนี้โรงเรียนกูเข้า 9 โมง ถ้ารับรถได้ 9 โมง แล้วพวกกูจะไปเรียนยังง๊ายยยยย
คุณลุงรปภ. ใช้นิ้วเคาะไปที่ป้าย
“ก๊อกๆ” เป็นนัยว่า อ่านป้ายสิ ตึกปิด 3 ทุ่ม แล้วยกไหล่ขึ้นสูง เผยอปากลั่นวาจา
“มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน” แล้วเดินจากไป
อ๊าวววววว เอาแล้วไง อีลุงเฒ่า ทำไมพูดแมวๆแบบนี้หล่ะคะ ... แต่จะพยายามพูดอธิบาย หรือขอร้องอะไรก็คงไม่ได้ผล
เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเค้าจริงๆ เราต่างหากที่ไม่รอบคอบ
โอ้ มาย ก้อด ๆ ๆ มินได้แต่ร้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น จนนับครั้งที่เรียกให้พระเจ้าช่วยแทบไม่ถ้วน
"มินๆ...ตอนนี้พระเจ้าของเมิงอ่ะ ไม่ช่วยผู้หญิงกินเหล้าอย่างเราหรอก ต้องช่วยกันคิดแล้วอ่ะ ว่าจะเอาไงต่อ" เราเรียกสติ
"เออ...ใช่...กูว่าต้องนอนแถวนี้แล้วหล่ะ" พี่ปุ้ยเสนอ
สามสาวหัวดำ เดินดุ่มๆ ในดาวน์ทาวน์แอลเอ และมาหยุดยืนจังก้า หน้าโรงแรมที่ใกล้ที่สุด นามว่า “S”
(โรงแรมมีชื่อเสียง ขออนุญาตให้อักษรย่อตัวเดียวนะคะ)
ตัดสินใจร่วมกัน นอนที่นี่ สอบถามราคาแล้วได้ความว่า ราคารวมภาษีเบ็ดเสร็จอยู่ที่ $169/คืน (เสียดายจุงเบยยย) แต่มาถึงนี่แล้ว
ดึกขนาดนี้ รถก็เอาออกไม่ได้ บ้านก็ไกล จำทางกลับก็ไม่ได้ พรุ่งนี้ไปเรียนสายอีก อื้มมมม.....บ๊วยเอ๊ยยยย วันนี้พักผ่อนแค่นี้แล้วกัน
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
-------------
ตื่นเช้าขึ้นมาวันใหม่ ลงไปเช็คเอ้าท์ที่เคาเตอร์ อารมณ์กำลังเอ๋อๆ เบลอๆ ตอน 8 โมงเช้า...
พี่ปุ้ยชำระเงินด้วยบัตรเครดิตรูดปรื้ดดดดด รูดปรื้ดดดด ไป แล้วรับใบเสร็จมานั่งอ่านข้างๆ เราตรงโซฟา ที่ล็อบบี้
ไอ้อาการเอ๋อเร๋อต้องหมดสิ้นไป เพราะบิลเรียกเก็บเงินไป จำนวน $338
เฮ้ยยยย...อะไรเนี่ยยยย...ไหง๋เป็นงี้หล่ะ??
สามสาวหัวดำวิ่งพุ่ง มุ่งหน้าสู่พนักงานต้อนรับของโรงแรมหน้าเคาน์เตอร์ หนุ่มหัวทองตาน้ำข้าวแจ้งว่า ที่เรียกเก็บไปเท่านั้นถูกต้องแล้ว
เพราะเรา check in เวลาตี 2.20 น. ซึ่งนับเป็นคืนที่ 1 และหลังจากตี 3 จนถึง check out ตอน 8 โมงเนี่ย นับเป็นคืนที่ 2
เลยจำเป็นต้องเรียกเก็บเงินเท่ากับเข้าพัก 2 คืน
เฮ้ยยยย เอาแล้วไง เป็นไงหล่ะ โรงแรม “S” ที่มีชื่อเสียง ต้อนรับกูดีเกินคาดแล้วไง!!
เมิงต้องเจอกูหน่อยแล้วหล่ะ คำศัพท์ภาษาอังกฤษในตัว ที่มีน้อยนิดอยู่ในหัว ก็วิ่งพุ่งพล่านขึ้นมาเพื่อด่าทอ ขอความถูกต้อง
ประเทศเมิงนับเวลาเข้าพักโรงแรมกันแบบนี้เหรอ หรือเป็นแค่โรงแรมเมิงที่เดียวคะ เรียกเมเนเจอร์เมิงมาเลย เอาออกมาคุยกันหน่อย
ขอหลักฐานระเบียบการเข้าพัก การคำนวณค่าใช้จ่ายของโรงแรมนี้หน่อยสิ อยากอ่านหน่อยว่าชี้แจงไว้อย่างไรบ้าง
เวลานั้น ทั้งพี่ปุ้ย และ มิน คยอง ต่างก็ไม่ได้ฟังเสียงกันว่าใครเป็นใคร แย่งกันพูดให้น้ำไหลไฟดับ
พนักงานท่านเดิม ยังคงชี้แจงด้วยคำตอบเดิม วนไป วนมา เราสามสาวเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนลูกค้าท่านอื่นหันมอง ในความไม่ชอบมา
พากล หลับตาลงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ต้องเสียค่าที่พักนับเป็น 2 คืนแบบนี้ เราเองมองว่ายังไงก็ไม่ถูกต้อง
ไม่มีผู้จัดการ หรือ พนักงานท่านอื่นออกมาชี้แจงแต่อย่างใด มีเพียงพนักงานคนเดิมที่ยอมจบเหตุการณ์นี้ด้วยการออกบิลใบใหม่ให้
ที่เรียกเก็บเงินเพียง $169 (1 คืน) อย่างที่มันควรจะเป็นในตอนแรก แถมยังส่งยิ้มกวนๆให้พร้อมทิ้งท้าย "Have a nice day!"
โอ๊ยยยยยยย...คงไม่แล้วหล่ะ คงไม่ nice แล้วหล่ะวันนี้ของพวกกูอ่ะ เจอคนอย่างเมิงตั้งแต่เช้าก็สร้างเรื่องให้พวกกูซะแล้วเนี่ยยยยย
ไอ้ๆๆๆ @#$%^*&^ เอ๊ยยยยย
ไม่รู้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพราะความผิดพลาดของข้อมูล หรือการจงใจทุจริตของพนักงาน ที่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว
เพราะอย่างที่เราทราบโดยสากล เวลาเช็คเอ้าท์ ควรจะเป็น 12.00 น. (โทรสอบถามปูเป้-อภิชาติ เพื่อนสาวจากดาวอังคาร นางก็บอกว่า
The official hotel checkout time is 12:00 pm) ...ปัญหาติดตรงที่อีปูเป้นี่คือครายยยย? ><”
หากแขกที่เข้าพักละเลย ไม่ตรวจทานใบเสร็จให้ดี หรือ อะไรๆก็เลยตามเลย เค้าว่ายังไงก็ทำงงๆ แล้วก็มึนๆตามเค้าไป
ก็อาจต้องเสียเงินเยอะเกินความจำเป็น จริงมั๊ยคะ?
พี่ปุ้ย ยกมือขวาขึ้น โชว์นิ้วกลาง ตรง สวย เรียว ยาว ให้พนักงาน 1 ครั้งแทนคำขอบคุณ ..... อุ๊บส์
มิน คยอง ควบรถคู่ใจเหาะกลับโรงเรียน ไปถึงระหว่างคาบ เค้าก็ไม่อนุญาตให้เข้าห้องเรียน ไปเรียนวันที่ 2 ก็ต้องโดดครึ่งวันซะแล้ว
ท่าทางตำแหน่งนักเรียนดีเด่นคงได้ยาก แต่ถ้าเพียง ให้ครูทั้งโรงเรียนจำได้ คงง่ายขึ้นเยอะ อิอิ
-เกี้ยมบ๊วย
ปล.เย็นวันนั้นกลับบ้านไป นั่งฟัง Sandy บ่นยับ.....เป็นห่วงทำม๊ายยย นี่มันแค่เริ่มต้นนะจ๊ะ จุบุ จุบุ ^^
ทำไมอยากไปอยู่เมืองนอก?? (ตอนที่ 6)
ตอนที่ 7 http://ppantip.com/topic/30878024
ตอนที่ 6 ...
เลิกเรียนแล้ว ครูและนักเรียนที่นี่ มักจะตรงเวลามากๆ หมดเวลาเรียน ครูควรจบการสอน และเดินออกไป
นักเรียนแทบจะวิ่งแซงหน้า เบียดกระแทกแทรกไหล่ เดินออกจากประตูห้องเรียนไปพร้อมๆกับครูเลยหล่ะค่ะ
เราเดินลากเท้า ก้าวยาวๆออกมาจากห้องเรียน หน้ายังคงเปื้อนยิ้มเพราะสอนเพื่อนๆให้ช่วย “นางมี กะ นางมอย” ขายหอยขายหมี
จนอะไรต่อมิอะไร ฟุ้งกระจายในอากาศกันให้ยุบยับเต็มไปหมด
เราเดินมาหยุดหน้าเคาน์เตอร์ มองตามเด็กนักเรียนจากห้องอื่นๆ ที่ทยอยๆ เดินออกมา
“มีนักเรียนไทยที่เรียนห้องอื่นๆอยู่บ้าง ลองมองๆหาดูนะ จะได้มีเพื่อน” ...พี่โอปอลให้คำแนะนำ
เราพยักหน้ารับหงึกๆ สายตาพุ่งปรี๊ด ทะลุผ่านเสียงเด็กๆที่อื้ออึง ไปผสานกะดวงตาคู่หนึ่ง
ผู้หญิงตากลม ผมดำยาวประบ่า เดินมาด้วยกระโปรงสั้น รองเท้าบูท และเสื้อคลุมสีแดงเข้ม นางเปรี้ยวแสบหูเลยหล่ะ
เราส่งยิ้มให้กันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมยิงคำทักทายเสียก่อน ที่นางจะพูดภาษาอื่น...
"สวัสดีค่ะ คนไทยใช่มั๊ยคะ?"
………….เท่านั้นแหละค่ะ ความคิดที่เคยกลัว ว่าเราจะอยู่ในอเมริกาอย่างสนุกได้อย่างไร ถูกทำลายลง ณ จุดนี้.................
พี่ปุ้ย นักเรียนไทยในอเมริกาจากห้อง TOEFL ร่ำเรียนมาร่วมๆปี ภาษาดี ฟุด ฟิด ฟอ ไฟ ไวไม่ต้องสืบ
พี่ปุ้ยให้คำแนะนำต่างๆอย่างเป็นกันเอง ตบท้ายด้วยเอามือลูบหัวเราเบาๆ แล้วพูดอย่างยิ้มแย้มว่า
"ไม่เป็นไรนะไอ้น้อง อย่าคิดว่าตัวคนเดียว เมิงไม่เดียวดายในอเมริกาแน่นอน เชื่อพี่"
เห็นได้ชัดเลยว่า น้ำใจของคนไทยมีอยู่ทั่วไป ไกลไปถึงทั่วโลก เลยจริงๆค่ะ
(เอ่อออ เวลาแค่แป๊บเดียว คุณพี่ขึ้นเมิงกับน้องแล้วรือคะ เอาๆๆยังไงก็เอาละ ชั่วโมงเน้)
พี่ปุ้ย ยังแนะนำให้รู้จัก มิน คยอง (Min Kyung) เพื่อนสนิทสาวชาวเกาหลี จากห้อง TOEFL เดียวกัน
จับไม้ จับมือ แนะนำชื่อแซ่กันเรียบร้อย มินยกมือขึ้นไหว้เราอย่างน่ารัก...
“ซา-หวาด-ดี-อี-โบ-อี้” หมายถึง สวัสดีอีบ๊วย!!
กูว่าเมิงไม่ได้น่ารักอย่างที่เมิงไหว้กูแล้วหล่ะ เรียก “อี” นำหน้าชื่อกูซะงั้น
“ฝีมือพี่สอนเอง...เรื่องแบบนี้ อีมินจำเก่งนักหล่ะ” พี่ปุ้ยยิ้มอย่างภูมิใจ
ทั้ง 2 ท่านให้เกียรติจัดต้อนรับน้องใหม่ “Welcome to America” ด้วยการพาไปสรรหาความบันเทิงในดาวน์ทาวน์ ให้ตะลึงตึ่งตึ๊งในหัวใจ
"เฮ้ย...บ๊วย โทรบอกโฮส (Sandy) ว่าวันนี้ไม่ต้องรอ นอนได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วง" พี่ปุ้ยออกคำสั่ง
"อุ๊ต๊ะ...เอางั้นเลยเหรอพี่ หนูเพิ่งมาโรงเรียนวันนี้วันแรกนะ" ... แต่มือกดโทรศัพท์ยิกๆๆ เรียบเรียงคำภาษาปะกิดในหัว เตรียมเจรจา
กับนางตามคำสั่ง
มุ่งหน้าสู่ดาวน์ทาวน์แอลเอ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยรถยนต์
ดิ่งขึ้น Freeway (ทางด่วนบ้านเรา แต่บ้านเค้าไม่เสียเงิน) จะใช้ความเร็วได้ประมาณ 55 - 65 mph หรือราวๆ 88.5 – 104.6 km/hr
ความเร็วระดับนี้กฎหมายยอมรับค่ะ หากแต่สาวเกาหลี มิน คยอง จะรีบทำเวลาไปหาพระแสงหอง้าวอะไรไม่ทราบ
กดคันเร่งไปที่ 90 mph (144.8 km/hr) จนตำรวจขับมาตีคู่ แล้วยกมือขึ้นชี้หน้า ปรามด้วยท่าทางเพียงเท่านี้
มิน คยอง ยกคันเร่งพร้อมกรีดร้องขึ้นทันที ตายห่าแล้ววว...โดนปรับแน่ๆ แต่เคราะห์ยังดี ที่ตำรวจชี้หน้าแค่นี้ แล้วจากไป
ใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด มินอาจโดนค่าปรับสูงถึง $146 - $380 [source : california.drivinguniversity.com] หรือมากกว่า
ขึ้นอยู่กับความเร็วของการบ้าระห่ำในแต่ละครั้ง ส่วนครั้งนี้รอดไปได้แบบไม่น่าเชื่อ
ถึงดาวน์ทาวน์แล้ว มิน กะ พี่ปุ้ย ชี้ให้ดู โน่น นี่ นั่น อย่างเพลิดเพลินเจริญจิต ที่หมายอยู่บนดาดฟ้า หรือ The Rooftop Bar
ตึก The Standard (ติดป้ายกลับหัว) แต่สาวเจ้าดันไม่เอารถจอดที่ตึก The Standard เพราะนางฉลาดกว่า
นางซัดลูกตา แลเห็นป้ายตึกข้างๆ ค่าจอดรถถูกกว่า เลยพุ่งเข้าไปจอดอีตึกข้างๆนั่นอย่างไวว่อง
เวลา 2 ทุ่มกว่าแล้ว บาร์บนดาดฟ้านั้นให้วิวสุดหรู เห็นภูเขาในระยะไกล แสงไฟในเมืองระยิบระยับ งดงามสมคำล่ำลือ
ไม่ว่าจะเรียก ดินแดนนางฟ้า หรือ เมืองแห่งทูตสวรรค์ อะไรก็แล้วแต่ ภาพที่เห็นจากตรงนี้ ยอมรับแล้ว....ว่าสวยจริงๆค่ะ
บนดาดฟ้ามีบาร์เครื่องดื่ม สระว่ายน้ำอุ่น เตาผิงกลางแจ้ง ฮีทเตอร์ติดตั้งตามจุด เตียงน้ำข้างสระ ดีเจเปิดเพลงสลับกับดนตรีสด
รวมถึงฟลอร์เต้นรำ จะเซิ้ง จะแดนซ์ ฝรั่งเค้าไม่แคร์ เครื่องดื่มตกราวๆ $10/drink (ทิปอย่างน้อยๆ $1/drink ค่ะ)
ก็เริงรื่น ชื่นใจ กันไปเรื่อยๆ จนถึงตี 1 สามสาวหัวดำตกลงใจ จูงมือกันกลับบ้านดีกว่า
เดินมาที่รถ ปรากฏว่า........ตึกจอดรถปิดแล้วคร่าาาาาา
ปิดประตูเหล็กอันใหญ่แน่นหนา เอารถออกไม่ได้ มีคุณลุงรปภ.เดินมาบอกว่า ตึกปิดเวลา 3 ทุ่ม และจะเปิดตอน 9 โมงเช้า
พวกยูมารับรถพรุ่งนี้แล้วกัน...
กรี๊ดดดดดดดดดด!! จะบ้าเหรอคะ?? บ้านพวกกูอ่ะ อยู่ Torrance ห่างจากนี่ตั้งไกลโข ตอนเข้ามาจอดก็ 2 ทุ่มกว่าแล้ว ไม่เห็นจะมี
ใครบอกเลยว่า ตึกจะปิด 3 ทุ่ม แล้วพรุ่งนี้โรงเรียนกูเข้า 9 โมง ถ้ารับรถได้ 9 โมง แล้วพวกกูจะไปเรียนยังง๊ายยยยย
คุณลุงรปภ. ใช้นิ้วเคาะไปที่ป้าย “ก๊อกๆ” เป็นนัยว่า อ่านป้ายสิ ตึกปิด 3 ทุ่ม แล้วยกไหล่ขึ้นสูง เผยอปากลั่นวาจา
“มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน” แล้วเดินจากไป
อ๊าวววววว เอาแล้วไง อีลุงเฒ่า ทำไมพูดแมวๆแบบนี้หล่ะคะ ... แต่จะพยายามพูดอธิบาย หรือขอร้องอะไรก็คงไม่ได้ผล
เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเค้าจริงๆ เราต่างหากที่ไม่รอบคอบ
โอ้ มาย ก้อด ๆ ๆ มินได้แต่ร้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น จนนับครั้งที่เรียกให้พระเจ้าช่วยแทบไม่ถ้วน
"มินๆ...ตอนนี้พระเจ้าของเมิงอ่ะ ไม่ช่วยผู้หญิงกินเหล้าอย่างเราหรอก ต้องช่วยกันคิดแล้วอ่ะ ว่าจะเอาไงต่อ" เราเรียกสติ
"เออ...ใช่...กูว่าต้องนอนแถวนี้แล้วหล่ะ" พี่ปุ้ยเสนอ
สามสาวหัวดำ เดินดุ่มๆ ในดาวน์ทาวน์แอลเอ และมาหยุดยืนจังก้า หน้าโรงแรมที่ใกล้ที่สุด นามว่า “S”
(โรงแรมมีชื่อเสียง ขออนุญาตให้อักษรย่อตัวเดียวนะคะ)
ตัดสินใจร่วมกัน นอนที่นี่ สอบถามราคาแล้วได้ความว่า ราคารวมภาษีเบ็ดเสร็จอยู่ที่ $169/คืน (เสียดายจุงเบยยย) แต่มาถึงนี่แล้ว
ดึกขนาดนี้ รถก็เอาออกไม่ได้ บ้านก็ไกล จำทางกลับก็ไม่ได้ พรุ่งนี้ไปเรียนสายอีก อื้มมมม.....บ๊วยเอ๊ยยยย วันนี้พักผ่อนแค่นี้แล้วกัน
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
-------------
ตื่นเช้าขึ้นมาวันใหม่ ลงไปเช็คเอ้าท์ที่เคาเตอร์ อารมณ์กำลังเอ๋อๆ เบลอๆ ตอน 8 โมงเช้า...
พี่ปุ้ยชำระเงินด้วยบัตรเครดิตรูดปรื้ดดดดด รูดปรื้ดดดด ไป แล้วรับใบเสร็จมานั่งอ่านข้างๆ เราตรงโซฟา ที่ล็อบบี้
ไอ้อาการเอ๋อเร๋อต้องหมดสิ้นไป เพราะบิลเรียกเก็บเงินไป จำนวน $338
เฮ้ยยยย...อะไรเนี่ยยยย...ไหง๋เป็นงี้หล่ะ??
สามสาวหัวดำวิ่งพุ่ง มุ่งหน้าสู่พนักงานต้อนรับของโรงแรมหน้าเคาน์เตอร์ หนุ่มหัวทองตาน้ำข้าวแจ้งว่า ที่เรียกเก็บไปเท่านั้นถูกต้องแล้ว
เพราะเรา check in เวลาตี 2.20 น. ซึ่งนับเป็นคืนที่ 1 และหลังจากตี 3 จนถึง check out ตอน 8 โมงเนี่ย นับเป็นคืนที่ 2
เลยจำเป็นต้องเรียกเก็บเงินเท่ากับเข้าพัก 2 คืน
เฮ้ยยยย เอาแล้วไง เป็นไงหล่ะ โรงแรม “S” ที่มีชื่อเสียง ต้อนรับกูดีเกินคาดแล้วไง!!
เมิงต้องเจอกูหน่อยแล้วหล่ะ คำศัพท์ภาษาอังกฤษในตัว ที่มีน้อยนิดอยู่ในหัว ก็วิ่งพุ่งพล่านขึ้นมาเพื่อด่าทอ ขอความถูกต้อง
ประเทศเมิงนับเวลาเข้าพักโรงแรมกันแบบนี้เหรอ หรือเป็นแค่โรงแรมเมิงที่เดียวคะ เรียกเมเนเจอร์เมิงมาเลย เอาออกมาคุยกันหน่อย
ขอหลักฐานระเบียบการเข้าพัก การคำนวณค่าใช้จ่ายของโรงแรมนี้หน่อยสิ อยากอ่านหน่อยว่าชี้แจงไว้อย่างไรบ้าง
เวลานั้น ทั้งพี่ปุ้ย และ มิน คยอง ต่างก็ไม่ได้ฟังเสียงกันว่าใครเป็นใคร แย่งกันพูดให้น้ำไหลไฟดับ
พนักงานท่านเดิม ยังคงชี้แจงด้วยคำตอบเดิม วนไป วนมา เราสามสาวเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนลูกค้าท่านอื่นหันมอง ในความไม่ชอบมา
พากล หลับตาลงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ต้องเสียค่าที่พักนับเป็น 2 คืนแบบนี้ เราเองมองว่ายังไงก็ไม่ถูกต้อง
ไม่มีผู้จัดการ หรือ พนักงานท่านอื่นออกมาชี้แจงแต่อย่างใด มีเพียงพนักงานคนเดิมที่ยอมจบเหตุการณ์นี้ด้วยการออกบิลใบใหม่ให้
ที่เรียกเก็บเงินเพียง $169 (1 คืน) อย่างที่มันควรจะเป็นในตอนแรก แถมยังส่งยิ้มกวนๆให้พร้อมทิ้งท้าย "Have a nice day!"
โอ๊ยยยยยยย...คงไม่แล้วหล่ะ คงไม่ nice แล้วหล่ะวันนี้ของพวกกูอ่ะ เจอคนอย่างเมิงตั้งแต่เช้าก็สร้างเรื่องให้พวกกูซะแล้วเนี่ยยยยย
ไอ้ๆๆๆ @#$%^*&^ เอ๊ยยยยย
ไม่รู้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพราะความผิดพลาดของข้อมูล หรือการจงใจทุจริตของพนักงาน ที่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว
เพราะอย่างที่เราทราบโดยสากล เวลาเช็คเอ้าท์ ควรจะเป็น 12.00 น. (โทรสอบถามปูเป้-อภิชาติ เพื่อนสาวจากดาวอังคาร นางก็บอกว่า
The official hotel checkout time is 12:00 pm) ...ปัญหาติดตรงที่อีปูเป้นี่คือครายยยย? ><”
หากแขกที่เข้าพักละเลย ไม่ตรวจทานใบเสร็จให้ดี หรือ อะไรๆก็เลยตามเลย เค้าว่ายังไงก็ทำงงๆ แล้วก็มึนๆตามเค้าไป
ก็อาจต้องเสียเงินเยอะเกินความจำเป็น จริงมั๊ยคะ?
พี่ปุ้ย ยกมือขวาขึ้น โชว์นิ้วกลาง ตรง สวย เรียว ยาว ให้พนักงาน 1 ครั้งแทนคำขอบคุณ ..... อุ๊บส์
มิน คยอง ควบรถคู่ใจเหาะกลับโรงเรียน ไปถึงระหว่างคาบ เค้าก็ไม่อนุญาตให้เข้าห้องเรียน ไปเรียนวันที่ 2 ก็ต้องโดดครึ่งวันซะแล้ว
ท่าทางตำแหน่งนักเรียนดีเด่นคงได้ยาก แต่ถ้าเพียง ให้ครูทั้งโรงเรียนจำได้ คงง่ายขึ้นเยอะ อิอิ
-เกี้ยมบ๊วย
ปล.เย็นวันนั้นกลับบ้านไป นั่งฟัง Sandy บ่นยับ.....เป็นห่วงทำม๊ายยย นี่มันแค่เริ่มต้นนะจ๊ะ จุบุ จุบุ ^^