#ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/30717415
#ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/30718961
เรื่องจากชีวิตจริงของสาวบ้าเกาหลี ที่หย่อนตัวเองไปทดสอบความเป็นเกาหลีจริงๆ ของบริษัทเกาหลีในไทย
ก่อนจะพบว่า อะไรๆ ไม่สวยงามไฉไลเหมือนในซีรีส์
พาให้ชีวิตได้เจออะไรไฉไลๆ ของไทย และในจิตใจของเราเอง
..........................................
#3 ภูเขาน้ำแข็ง
(Credit pix: lasirenagrill.wordpress.com )
กลับมาแล้วค่า!!! ไวเกินไปนะ ที่ได้ไปฝึกงานเพียง 5 วัน
กลับมาแล้ว…HR ก็ขอให้ฉันเซ็นต์สัญญาว่าจะอยู่ทำงานอย่างน้อย 1 ปี ฉันเซ็นต์ทันที โดยไม่ลังเลสงสัย ฉันย่อมต้องทำงานที่นี่ถึงปีอยู่แล้ว กรี๊ดส์ขนาดนี้
แต่ GM บอกให้ฉันไปบอก HR ว่า ไม่ควร และบัดดี้ของเราก็ไม่อยากเซ็นต์ เธอให้บอกว่า ปกติเรื่องแบบนี้ในประเทศไทยไม่นิยมใช้กัน ซื้อใจกันดีกว่า…. ฟังดูเหมือนดี แต่ดูเหมือนเธอเกรงใจบั๊ดดี้มากๆ หากไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำเถอะค่ะอะไรประมาณนั้น
แปลกอีกแล้ว…ทำไม GM ที่ก็ดูรักบริษัทดี ถึงแนะนำวิถีทางที่อาจไม่เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทแบบนี้
แต่ทำไมคะ…ฉันผู้ใสซื่อ ไม่คิดอะไร ก็ไปปฏิบัติการ และไม่ต้องเซ็นต์ด้วยกันทั้งสองคน
แล้วอีกไม่นานหลังจากนั้น…ก็มีการประชุมประจำสัปดาห์….
เป็นการประชุมที่…ป้อแป้ บางเบา ผิวเผินมาก
MD ชาวเกาหลี ใช้กระดาษรีไซเคิ้ลจด
แต่ละทีมอัพเดทกันเบาๆ แล้วก็เลิกประชุมอย่างรวดเร็ว….
นับเป็นการประชุมที่หน่อมแน้มมากอย่างไม่น่าเชื่อ…อะไรกัน เกาหลีทำงานกันแบบนี้หรือนี่
แต่เมื่อไร ที่ GM เรียกประชุมชาวไทย…จัดเตรียมการจัด workshop ซึ่งกำลังจะไปจัดที่นครศรีธรรมราชเร็วๆ นี้…นั้น….ก็ประหลาดไปอีกแบบ….
เพราะกว่า 80% ของเนื้อหาการประชุม ประกอบไปด้วยปริมาณการนินทาและก่นด่า MD ชาวเกาหลี โดย GM แบบว่าเสียหายหลายแสน ยับเยิน
แปลกมาก….ทำไมเขาถึงทำให้ภาพของ MD เน่าเฟะเละตุ้มเป๊ะขนาดที่เราต้อง O_O ตาโตด้วยความตกใจปนประหลาดใจ
แล้ว GM ก็กล่าวว่าพี่แผนก บัญชี ที่ GM รับมา แต่เนรคุณ แล้วก็ทำตัวเหลวแหลก มายอกย้อน ไม่สำนึกบุญคุณ เรื่องลามปามไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอคนนั้นและ MD
อะไรมันจะฉาวโฉ่ดราม่าขนาดนี้…
และทุกครั้งที่มีการประชุม ฉันจะได้รับฟังเรื่องราวการนินทา ที่มีแต่จะทำให้เกิดความแตกแยกภายในบริษัท และทำให้ภาพลักษณ์ของ MD เน่ามาก ถึงมากที่สุด
ฉันหันไปถามบัดดี๊ ว่า…มันขนาดนั้นเลยเหรอ
บั๊ดดี้ตอบสั้นๆ แบบให้ค้นหาต่อไปว่า แล้วค่อยๆ เรียนรู้ไปเอง
อืม…แต่เผอิญ….เราไม่ใช่คนที่ จะรู้สึกไม่ดีอะไรกับใครง่ายๆ
ก็แอบกระแดะเป็นนางเอกนี่นะ…ก็จะมองหาแง่ดี ซึ่งมีในทุกคน ยังไงก็ต้องทำงานร่วมกัน ฉันยังไม่ทันได้สัมผัส รู้จักใครอย่างแท้จริงเลย จะให้ไปรู้สึกแย่กับเรื่องราวที่คนพูดกัน มันก็ไม่ใช่สไตล์ฉัน
แต่อย่างหนึ่งที่สัมผัสได้ คือความรุนแรงของความแตกแยกระหว่างฝั่งเกาหลี MD กับฝั่งคนไทย GM มันหนักขึ้นเรื่อยๆ
เหตุเกิดจาก เมื่อครั้งการประชุมใหญ่ทีมขายระดับสูงที่นครศรีธรรมราช GM นัดประชุมผู้บริหารช่วงบ่าย…แต่ MD หายหน้าไป ไม่มาเข้าร่วมประชุม…
พอตกเย็น มีการประชุมสรุปความ…พูดกันแต่ภาษาไทย…ไม่เห็นมีใครแปลให้ MD ฟังสักคน…ล่ามก็ไม่แปล ไม่รู้จะเอาล่ามไปทำไม งงจริง
พอดี MD นั่งข้างหน้า ฉันทนไม่ไหว จึงแปลให้เป็นภาษาอังกฤษ ด้วยใจ ซึ่งเขาก็สนใจใคร่อยากรู้นะว่าเราคุยอะไรกัน
อุแม่เจ้า…แต่เมื่อไรที่ MD ถามกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ…ฉันต้องถามซ้ำถึง 3 ครั้งกว่าจะเข้าใจ ในสำเนียงอังกฤษสไตล์เกาหลีของพี่ท่าน
บรรยากาศดีขึ้นมานิดนึงตอนกลางคืน ช่วงเวลากินดื่มปาร์ตี้ เหล่าผู้บริหารเกาหลี ก็เฮฮา ทีมขายคนไทยก็ครื้นเครง แล้ว MD ก็ร้องเพลงไทย…เพราะได้ใจ คนไทยทุกคนก็กรี๊ดกันสลบ เห็น GM แอบอมยิ้มอยู่
ก็นึกว่าพอโอเคบ้างแล้ว
แต่ไม่วาย ในวันประชุมวันสุดท้าย GM ก็บรรเลงด่า MD แบบสาดเสียเทเสียให้เหล่าผู้บริหารทีมขายระดับสูงชาวไทยได้สดับฟังเช่นเคย ว่าเธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทำไมถึงได้แย่แบบนี้ ไม่คิดเลยว่าจะไม่รับผิดชอบขนาดนัดประชุมครั้งสำคัญเมื่อวาน แล้วก็ไม่มา ฯลฯ
ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่า มันก็แย่ทีเดียวแหล่ะ
เราทุกคนกลับจากสัมมนาต่างจังหวัดนั้นด้วยสภาพความบาดหมาง แตกแยกระหว่าง GM และ MD ใช่ประเด็นนี้รึเปล่านะ…สภาพออฟฟิศนี้ มันถึงได้ตายซาก ซอมบี้ขนาดหนัก ขนาดนี้
ขนาดที่…ฉันไม่เคยอยู่บริษัทไหน แล้วรู้สึกไร้วิญญาณแบบนี้มาก่อน…
ต่างแผนก ไม่พอใจ นินทากัน มันก็เกิดขึ้นได้ แต่มันก็ไม่ว่ากันแรงขนาดนี้ และเย็นชาลบ 40 องศาขนาดนี้นะ ด่ากันทุกมิติ
ทีมงานทำงาน…โอเค…แต่ไม่พูดไม่จากันขนาดนี้…เกิดมาเพิ่งเห็นมีที่นี่นี่แหล่ะ….แล้วการทำงานเป็นทีมมันจะเกิดขึ้นแบบไหน
ใครบังอาจรับซอมบี้มาทำงานทั้งบริษัทฟระเนี่ยะ
……
แต่ไม่ว่าจะแบบไหน ไม่ทันไร ก็จะมีรอบการประชุมฝึกอบรมให้ทีมขายอีกครั้ง ย่านปิ่นเหล้า กำหนดการที่ MD จะต้องมาร่วมงาน…เช้าตรู่มาก…แย่แล้ว….จะเกิดปัญหาเดิมให้ GM ต้องปวดหัวอีกไหมนะ
ฉันจึงขันอาสา ขอเบอร์โทร MD เพื่อขออนุญาตโทรไปจิก เอ้ย….ปลุกแต่เช้าเอง
ชั่งใจอยู่ว่า MD จะเห็นว่าไง…ปรากฎดูเหมือน MD จะดีใจเว้ยเฮ้ย
เอาล่ะค่ะ ไก่โห่ ฉันก็โทรไปหา MD ….ลุ้นมาก…ไม่ใช่อะไร ลุ้นว่า…กรูจะปลุกเขาด้วยภาษาไหน แล้วถ้าเขาตอบอะไรมา กรูจะฟังรู้เรื่องไหม
เพราะขนาดคราวก่อน คุยกันที เกร็งไปหมด ทั้งฆ้อน ทั่ง โกลน กับภาษาอังกฤษสำเนียงเกาหลีของท่าน ไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจซึ่งกันและกันมากน้อยแค่ไหน 30% จะถึงไหมที่เดาๆ ความหมายกันไป
แต่แล้ว…เมื่อฉันโทรไป…
“ยอบอเซโย้?” ฮัลโหลทางโทรศัพท์ในภาษาเกาหลี
MD น้ำเสียงสดใส ตอบกลับมาว่าอะไร ฟังไม่ค่อยชัด แต่เข้าใจไปว่าตื่นแล้ว
โอเค เลิศ!
ฉันรีบวางสายทันที เดี๋ยวพี่ท่านคุยต่อ เกรงว่ากรูจะฟังไม่ออก มัวแต่ อะไรนะๆ สิบแปดตลบ พานจะทำให้ไปสายเอา
แล้ววันนั้น ฉันก็เริงร่า ไปจัดงานสัมมนาที่ย่านปิ่นเกล้าดังนัดหมาย สบายใจว่านายเกาหลีมาทันแล้วแน่นอน
แต่เวรกรรมอาจมีจริง…รถดันติด และรอบนี้ GM ดันมาสายสะเด็ดเจ็ดย่านน้ำ
ทุกคนรอทีม GM แต่เมื่อทุกอย่างเข้าที่ การประชุมก็เริ่มขึ้น พร้อมด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับของ GM
แต่…เอาอีกแล้ว …ฉันชักจะของขึ้น
เมื่อฉันวาน ล่าม คนเดียวของบริษัท ให้ช่วยแปลคำพูดเปิดงานของ MD ให้ทีมงานชาวไทยฟังด้วย แม้เผอิญฮีเป็นตุ๊ด แต่ฮีก็ประหลาดจิตมาก
บอกว่า ถ้าไม่ assign งานล่วงหน้า ฉันจะไม่เป็นล่ามให้ใคร แล้วก็ทำน้ำเสียงเลิศ เชิด หยิ่ง ไม่ยี่หระอะไรใครทั้งสิ้น
เฮ้ย! นี่ MD นะเว้ย นี่ฉันต้องเขียนบันทึก แจ้งแกล่วงหน้ากี่วัน ฉันก็เพิ่งมาทำงาน บัดดี้ฉันก็ไม่ช่วยอะไรฉันเลยนอกจากยกอุปกรณ์อบรม แล้วฉันก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหล่ะ ว่ามีคนมีสไตล์การทำงานแบบไร้จิตสำนึกอย่างแกด้วย แล้วแกเป็นล่าม ทั้งงาน มีแกพูดเกาหลีได้คนเดียว แล้วแกมางานนี้ ถ้าแกไม่มาแปล แล้วแกจะมาที่นี่ทำพระแสงของ้าวอะไร!?!
ฉันไม่สนใจท่าทีกวนบาทาของหมอนี่ แต่ยังคงกล่าวเชิญหมอนี่ขึ้นไปแปลสุนทรพจน์ของ MD ต่อหน้าสาธารณะชน มันทำท่าทีอิดออด แต่สุดท้ายก็ขึ้นไปแปลให้
กรูล่ะกลุ้ม….เป็นล่าม แต่ไม่ทำหน้าที่ บอกว่าผู้บริหารคนนี้ ต้องใช้ล่ามผู้หญิงเกาหลีคนโน้น (ที่ไม่ได้มา) เท่านั้น ก็คนนั้นไม่มา ทำไมแกจะแปลไม่ได้ นี่ก็ไม่ใช่ใคร ที่ไม่รู้หัวนอนปลายทีน แต่เป็น MD นะเว้ยเฮ้ย!!!
ทั้งงาน …มีการทำ workshop และฝึกอบรมให้ทีมขายของบริษัท
นายเกาหลีทุกท่าน นั่งดูแกร่วๆ เพราะไม่เข้าใจเรื่องที่คนไทยคุยกัน
อีล่ามนี่ ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะพึ่งได้เลย
ฉันจึง alert จัด เดินเข้าไปแปลให้เจ้านายเกาหลีฟังอย่างละเอียด ด้วยวิญญาณอาสาสมัครเยาวชนแลกเปลี่ยนไทยเกาหลี เข้าสิง
เอาเว้ย! แตกแยกกันขนาดนี้ แม้กรูจะอยู่ในตำแหน่งด้านการฝึกอบรม แต่กรูนี่แหล่ะ จะขออุทิศตนเป็นสะพานเชื่อมไทยเกาหลีให้เอง!
ฉันบอกกับตัวเองอย่างนั้น…แหม…รู้จักมอบหมายหน้าที่ให้ตัวเองได้เจ๋งหนับ
แต่ฉันก็ไม่ได้รู้เล้ย…ว่าระหว่างที่ฉันวิ่งวุ่น ขยันจัด ทำงานด้วยไฟแรงสูงตลอดงานสัมมนานั้น…จะอยู่ในสายตา….ของเจ้านายเกาหลีอีกคนหนึ่ง
…
มีเรื่องที่ฉันยังไม่รู้อีกมาก....
สภาพเย็นชา ซอมบี้ของที่นี่....
ที่ๆ ฉันรู้สึกว่าเหมือนเป็นภูเขาน้ำแข็งนั้น
ยังไงก็เป็นเพียงส่วนของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำ....
ลึกลงด้านล่างของส่วนที่โผล่พ้นน้ำ...ยังมีอีกหลายสิ่ง ที่ฉันยังไม่รู้....
โดยเฉพาะสายตาเม็ดก๋วยจี๊ ของนายเกาหลีคนใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเดินทางมาสดร้อนคนนี้ด้วย....
ยากจะหยั่งรู้จริงๆ.....
......................................................
รอสักครู่ จะโพสท์ตอนต่อไป
ตอนหน้า #4 ปฏิวัติ
Teaser:
ยัยเจี๋ยมเจี้ยม ในชุดนอน หน้าโทรม ป่วย ถือโทรศัพท์ ทำหน้าช็อคสุดๆ
พร้อมกับเสียงในหัวที่ดังกึกก้องว่า
"เฮ้ย!....มันมีอะไรอย่างนี้เกิดขึ้นในบริษัทได้ไงฟระเนี่ยะ!!!!"
>> แฉชีวิต ออฟฟิศเกาหลี #3 ซีรีส์ “เจ้านายวายร้าย กับยัยเจี๋ยมเจี้ยม” (ยิ่งหลงเกาหลี ยิ่งรักประเทศไทย)
http://ppantip.com/topic/30717415
#ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/30718961
เรื่องจากชีวิตจริงของสาวบ้าเกาหลี ที่หย่อนตัวเองไปทดสอบความเป็นเกาหลีจริงๆ ของบริษัทเกาหลีในไทย
ก่อนจะพบว่า อะไรๆ ไม่สวยงามไฉไลเหมือนในซีรีส์
พาให้ชีวิตได้เจออะไรไฉไลๆ ของไทย และในจิตใจของเราเอง
..........................................
#3 ภูเขาน้ำแข็ง
(Credit pix: lasirenagrill.wordpress.com )
กลับมาแล้วค่า!!! ไวเกินไปนะ ที่ได้ไปฝึกงานเพียง 5 วัน
กลับมาแล้ว…HR ก็ขอให้ฉันเซ็นต์สัญญาว่าจะอยู่ทำงานอย่างน้อย 1 ปี ฉันเซ็นต์ทันที โดยไม่ลังเลสงสัย ฉันย่อมต้องทำงานที่นี่ถึงปีอยู่แล้ว กรี๊ดส์ขนาดนี้
แต่ GM บอกให้ฉันไปบอก HR ว่า ไม่ควร และบัดดี้ของเราก็ไม่อยากเซ็นต์ เธอให้บอกว่า ปกติเรื่องแบบนี้ในประเทศไทยไม่นิยมใช้กัน ซื้อใจกันดีกว่า…. ฟังดูเหมือนดี แต่ดูเหมือนเธอเกรงใจบั๊ดดี้มากๆ หากไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำเถอะค่ะอะไรประมาณนั้น
แปลกอีกแล้ว…ทำไม GM ที่ก็ดูรักบริษัทดี ถึงแนะนำวิถีทางที่อาจไม่เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทแบบนี้
แต่ทำไมคะ…ฉันผู้ใสซื่อ ไม่คิดอะไร ก็ไปปฏิบัติการ และไม่ต้องเซ็นต์ด้วยกันทั้งสองคน
แล้วอีกไม่นานหลังจากนั้น…ก็มีการประชุมประจำสัปดาห์….
เป็นการประชุมที่…ป้อแป้ บางเบา ผิวเผินมาก
MD ชาวเกาหลี ใช้กระดาษรีไซเคิ้ลจด
แต่ละทีมอัพเดทกันเบาๆ แล้วก็เลิกประชุมอย่างรวดเร็ว….
นับเป็นการประชุมที่หน่อมแน้มมากอย่างไม่น่าเชื่อ…อะไรกัน เกาหลีทำงานกันแบบนี้หรือนี่
แต่เมื่อไร ที่ GM เรียกประชุมชาวไทย…จัดเตรียมการจัด workshop ซึ่งกำลังจะไปจัดที่นครศรีธรรมราชเร็วๆ นี้…นั้น….ก็ประหลาดไปอีกแบบ….
เพราะกว่า 80% ของเนื้อหาการประชุม ประกอบไปด้วยปริมาณการนินทาและก่นด่า MD ชาวเกาหลี โดย GM แบบว่าเสียหายหลายแสน ยับเยิน
แปลกมาก….ทำไมเขาถึงทำให้ภาพของ MD เน่าเฟะเละตุ้มเป๊ะขนาดที่เราต้อง O_O ตาโตด้วยความตกใจปนประหลาดใจ
แล้ว GM ก็กล่าวว่าพี่แผนก บัญชี ที่ GM รับมา แต่เนรคุณ แล้วก็ทำตัวเหลวแหลก มายอกย้อน ไม่สำนึกบุญคุณ เรื่องลามปามไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอคนนั้นและ MD
อะไรมันจะฉาวโฉ่ดราม่าขนาดนี้…
และทุกครั้งที่มีการประชุม ฉันจะได้รับฟังเรื่องราวการนินทา ที่มีแต่จะทำให้เกิดความแตกแยกภายในบริษัท และทำให้ภาพลักษณ์ของ MD เน่ามาก ถึงมากที่สุด
ฉันหันไปถามบัดดี๊ ว่า…มันขนาดนั้นเลยเหรอ
บั๊ดดี้ตอบสั้นๆ แบบให้ค้นหาต่อไปว่า แล้วค่อยๆ เรียนรู้ไปเอง
อืม…แต่เผอิญ….เราไม่ใช่คนที่ จะรู้สึกไม่ดีอะไรกับใครง่ายๆ
ก็แอบกระแดะเป็นนางเอกนี่นะ…ก็จะมองหาแง่ดี ซึ่งมีในทุกคน ยังไงก็ต้องทำงานร่วมกัน ฉันยังไม่ทันได้สัมผัส รู้จักใครอย่างแท้จริงเลย จะให้ไปรู้สึกแย่กับเรื่องราวที่คนพูดกัน มันก็ไม่ใช่สไตล์ฉัน
แต่อย่างหนึ่งที่สัมผัสได้ คือความรุนแรงของความแตกแยกระหว่างฝั่งเกาหลี MD กับฝั่งคนไทย GM มันหนักขึ้นเรื่อยๆ
เหตุเกิดจาก เมื่อครั้งการประชุมใหญ่ทีมขายระดับสูงที่นครศรีธรรมราช GM นัดประชุมผู้บริหารช่วงบ่าย…แต่ MD หายหน้าไป ไม่มาเข้าร่วมประชุม…
พอตกเย็น มีการประชุมสรุปความ…พูดกันแต่ภาษาไทย…ไม่เห็นมีใครแปลให้ MD ฟังสักคน…ล่ามก็ไม่แปล ไม่รู้จะเอาล่ามไปทำไม งงจริง
พอดี MD นั่งข้างหน้า ฉันทนไม่ไหว จึงแปลให้เป็นภาษาอังกฤษ ด้วยใจ ซึ่งเขาก็สนใจใคร่อยากรู้นะว่าเราคุยอะไรกัน
อุแม่เจ้า…แต่เมื่อไรที่ MD ถามกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ…ฉันต้องถามซ้ำถึง 3 ครั้งกว่าจะเข้าใจ ในสำเนียงอังกฤษสไตล์เกาหลีของพี่ท่าน
บรรยากาศดีขึ้นมานิดนึงตอนกลางคืน ช่วงเวลากินดื่มปาร์ตี้ เหล่าผู้บริหารเกาหลี ก็เฮฮา ทีมขายคนไทยก็ครื้นเครง แล้ว MD ก็ร้องเพลงไทย…เพราะได้ใจ คนไทยทุกคนก็กรี๊ดกันสลบ เห็น GM แอบอมยิ้มอยู่
ก็นึกว่าพอโอเคบ้างแล้ว
แต่ไม่วาย ในวันประชุมวันสุดท้าย GM ก็บรรเลงด่า MD แบบสาดเสียเทเสียให้เหล่าผู้บริหารทีมขายระดับสูงชาวไทยได้สดับฟังเช่นเคย ว่าเธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทำไมถึงได้แย่แบบนี้ ไม่คิดเลยว่าจะไม่รับผิดชอบขนาดนัดประชุมครั้งสำคัญเมื่อวาน แล้วก็ไม่มา ฯลฯ
ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่า มันก็แย่ทีเดียวแหล่ะ
เราทุกคนกลับจากสัมมนาต่างจังหวัดนั้นด้วยสภาพความบาดหมาง แตกแยกระหว่าง GM และ MD ใช่ประเด็นนี้รึเปล่านะ…สภาพออฟฟิศนี้ มันถึงได้ตายซาก ซอมบี้ขนาดหนัก ขนาดนี้
ขนาดที่…ฉันไม่เคยอยู่บริษัทไหน แล้วรู้สึกไร้วิญญาณแบบนี้มาก่อน…
ต่างแผนก ไม่พอใจ นินทากัน มันก็เกิดขึ้นได้ แต่มันก็ไม่ว่ากันแรงขนาดนี้ และเย็นชาลบ 40 องศาขนาดนี้นะ ด่ากันทุกมิติ
ทีมงานทำงาน…โอเค…แต่ไม่พูดไม่จากันขนาดนี้…เกิดมาเพิ่งเห็นมีที่นี่นี่แหล่ะ….แล้วการทำงานเป็นทีมมันจะเกิดขึ้นแบบไหน
ใครบังอาจรับซอมบี้มาทำงานทั้งบริษัทฟระเนี่ยะ
……
แต่ไม่ว่าจะแบบไหน ไม่ทันไร ก็จะมีรอบการประชุมฝึกอบรมให้ทีมขายอีกครั้ง ย่านปิ่นเหล้า กำหนดการที่ MD จะต้องมาร่วมงาน…เช้าตรู่มาก…แย่แล้ว….จะเกิดปัญหาเดิมให้ GM ต้องปวดหัวอีกไหมนะ
ฉันจึงขันอาสา ขอเบอร์โทร MD เพื่อขออนุญาตโทรไปจิก เอ้ย….ปลุกแต่เช้าเอง
ชั่งใจอยู่ว่า MD จะเห็นว่าไง…ปรากฎดูเหมือน MD จะดีใจเว้ยเฮ้ย
เอาล่ะค่ะ ไก่โห่ ฉันก็โทรไปหา MD ….ลุ้นมาก…ไม่ใช่อะไร ลุ้นว่า…กรูจะปลุกเขาด้วยภาษาไหน แล้วถ้าเขาตอบอะไรมา กรูจะฟังรู้เรื่องไหม
เพราะขนาดคราวก่อน คุยกันที เกร็งไปหมด ทั้งฆ้อน ทั่ง โกลน กับภาษาอังกฤษสำเนียงเกาหลีของท่าน ไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจซึ่งกันและกันมากน้อยแค่ไหน 30% จะถึงไหมที่เดาๆ ความหมายกันไป
แต่แล้ว…เมื่อฉันโทรไป…
“ยอบอเซโย้?” ฮัลโหลทางโทรศัพท์ในภาษาเกาหลี
MD น้ำเสียงสดใส ตอบกลับมาว่าอะไร ฟังไม่ค่อยชัด แต่เข้าใจไปว่าตื่นแล้ว
โอเค เลิศ!
ฉันรีบวางสายทันที เดี๋ยวพี่ท่านคุยต่อ เกรงว่ากรูจะฟังไม่ออก มัวแต่ อะไรนะๆ สิบแปดตลบ พานจะทำให้ไปสายเอา
แล้ววันนั้น ฉันก็เริงร่า ไปจัดงานสัมมนาที่ย่านปิ่นเกล้าดังนัดหมาย สบายใจว่านายเกาหลีมาทันแล้วแน่นอน
แต่เวรกรรมอาจมีจริง…รถดันติด และรอบนี้ GM ดันมาสายสะเด็ดเจ็ดย่านน้ำ
ทุกคนรอทีม GM แต่เมื่อทุกอย่างเข้าที่ การประชุมก็เริ่มขึ้น พร้อมด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับของ GM
แต่…เอาอีกแล้ว …ฉันชักจะของขึ้น
เมื่อฉันวาน ล่าม คนเดียวของบริษัท ให้ช่วยแปลคำพูดเปิดงานของ MD ให้ทีมงานชาวไทยฟังด้วย แม้เผอิญฮีเป็นตุ๊ด แต่ฮีก็ประหลาดจิตมาก
บอกว่า ถ้าไม่ assign งานล่วงหน้า ฉันจะไม่เป็นล่ามให้ใคร แล้วก็ทำน้ำเสียงเลิศ เชิด หยิ่ง ไม่ยี่หระอะไรใครทั้งสิ้น
เฮ้ย! นี่ MD นะเว้ย นี่ฉันต้องเขียนบันทึก แจ้งแกล่วงหน้ากี่วัน ฉันก็เพิ่งมาทำงาน บัดดี้ฉันก็ไม่ช่วยอะไรฉันเลยนอกจากยกอุปกรณ์อบรม แล้วฉันก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหล่ะ ว่ามีคนมีสไตล์การทำงานแบบไร้จิตสำนึกอย่างแกด้วย แล้วแกเป็นล่าม ทั้งงาน มีแกพูดเกาหลีได้คนเดียว แล้วแกมางานนี้ ถ้าแกไม่มาแปล แล้วแกจะมาที่นี่ทำพระแสงของ้าวอะไร!?!
ฉันไม่สนใจท่าทีกวนบาทาของหมอนี่ แต่ยังคงกล่าวเชิญหมอนี่ขึ้นไปแปลสุนทรพจน์ของ MD ต่อหน้าสาธารณะชน มันทำท่าทีอิดออด แต่สุดท้ายก็ขึ้นไปแปลให้
กรูล่ะกลุ้ม….เป็นล่าม แต่ไม่ทำหน้าที่ บอกว่าผู้บริหารคนนี้ ต้องใช้ล่ามผู้หญิงเกาหลีคนโน้น (ที่ไม่ได้มา) เท่านั้น ก็คนนั้นไม่มา ทำไมแกจะแปลไม่ได้ นี่ก็ไม่ใช่ใคร ที่ไม่รู้หัวนอนปลายทีน แต่เป็น MD นะเว้ยเฮ้ย!!!
ทั้งงาน …มีการทำ workshop และฝึกอบรมให้ทีมขายของบริษัท
นายเกาหลีทุกท่าน นั่งดูแกร่วๆ เพราะไม่เข้าใจเรื่องที่คนไทยคุยกัน
อีล่ามนี่ ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะพึ่งได้เลย
ฉันจึง alert จัด เดินเข้าไปแปลให้เจ้านายเกาหลีฟังอย่างละเอียด ด้วยวิญญาณอาสาสมัครเยาวชนแลกเปลี่ยนไทยเกาหลี เข้าสิง
เอาเว้ย! แตกแยกกันขนาดนี้ แม้กรูจะอยู่ในตำแหน่งด้านการฝึกอบรม แต่กรูนี่แหล่ะ จะขออุทิศตนเป็นสะพานเชื่อมไทยเกาหลีให้เอง!
ฉันบอกกับตัวเองอย่างนั้น…แหม…รู้จักมอบหมายหน้าที่ให้ตัวเองได้เจ๋งหนับ
แต่ฉันก็ไม่ได้รู้เล้ย…ว่าระหว่างที่ฉันวิ่งวุ่น ขยันจัด ทำงานด้วยไฟแรงสูงตลอดงานสัมมนานั้น…จะอยู่ในสายตา….ของเจ้านายเกาหลีอีกคนหนึ่ง
…
มีเรื่องที่ฉันยังไม่รู้อีกมาก....
สภาพเย็นชา ซอมบี้ของที่นี่....
ที่ๆ ฉันรู้สึกว่าเหมือนเป็นภูเขาน้ำแข็งนั้น
ยังไงก็เป็นเพียงส่วนของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำ....
ลึกลงด้านล่างของส่วนที่โผล่พ้นน้ำ...ยังมีอีกหลายสิ่ง ที่ฉันยังไม่รู้....
โดยเฉพาะสายตาเม็ดก๋วยจี๊ ของนายเกาหลีคนใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเดินทางมาสดร้อนคนนี้ด้วย....
ยากจะหยั่งรู้จริงๆ.....
......................................................
รอสักครู่ จะโพสท์ตอนต่อไป
ตอนหน้า #4 ปฏิวัติ
Teaser:
ยัยเจี๋ยมเจี้ยม ในชุดนอน หน้าโทรม ป่วย ถือโทรศัพท์ ทำหน้าช็อคสุดๆ
พร้อมกับเสียงในหัวที่ดังกึกก้องว่า
"เฮ้ย!....มันมีอะไรอย่างนี้เกิดขึ้นในบริษัทได้ไงฟระเนี่ยะ!!!!"