จงเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ อาจารย์ ดาวุด สันติวิไลพร السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
สวัสดีท่านผู้ฟัง ท่านทั้งหลายจงยำเกรงต่ออัลเลาะห์ ปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ ละเว้นห่างไกลในสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม ท่านผู้ฟังที่เคารพ พระองค์อัลเลาะห์ ทรงตรัสว่า وَمَا أَرْسَلْنَكَ إِلاَّ رَحْمَةً لِلْعَالَمِيْنَ
ความว่า “และเรา (อัลเลาะห์) มิได้ส่งเจ้า (ศาสดามูฮำมัด) มา เว้นแต่ เพื่อเป็นความเมตตาต่อโลก” (ซูเราะห์ อัลอัมบิยาอ์ อายะห์ที่ ๑๐๗)
ความเมตตาเป็นคุณสมบัติของคนดี เป็นลักษณะที่ทำให้มนุษย์มีจิตใจเอื้ออาทร คน ที่เป็นเจ้าของคุณสมบัตินี้ เขาจะช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก เขาจะอุปการะเด็กกำพร้า อนาถา เขาจะสงสารคนด้อยโอกาส เขาจะไม่ทำให้คนเดือดร้อน ไม่ว่าทางร่างกายและจิตใจ เขาจะทำทุกอย่างเท่าที่กำลังความสามารถ ในการทำให้คนอื่นมีความสุข ลักษณะเหล่านี้มีอย่างพร้อมสรรพ ในตัวท่านนบีมูฮำมัด ในบันทึกรายงานฮะดีษของบุคอรีย์ และมุสลิม มีความว่า
“ไม่มีสักครั้งที่มีคนมาขอท่านนบีแล้วนบีจะบอกว่า ไม่”
ท่านอะนัส บิน มาลิก ได้รายงานว่า
“ท่านนบี นั้น ท่านจะให้ทุกอย่าง และทุกคนที่มาขอท่าน ในสิ่งที่ท่านมี
ครั้งหนึ่งมีคนมาขอแพะที่ท่านเลี้ยงอยู่ เป็นฝูงเต็มหุบเขา ท่านนบี ยกแพะทั้งฝูง ให้ชายคนนั้นไป ชายคนดังกล่าวไม่ใช่เป็นมุสลิม เขากลับไปพบกับพรรคพวกเขา แล้วบอกว่า พี่น้องทั้งหลาย จงเป็นมุสลิมกันเถิด เพราะมูฮำมัดนั้น เป็นศาสดาที่มีแต่ให้ และการให้ของเขาไม่เคยกลัวความยากจนเลย ผู้ที่จะทำเช่นนี้ก็มีแต่ศาสดาที่แท้จริงเท่านั้น แล้วชนเผ่านั้นก็เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม”
ดังกล่าวนี้ เป็นตัวอย่างว่า ผลแห่งการมีเมตตาของมุสลิมนั้น จะนำสู่ ความสวยงามของอิสลาม
ท่านผู้ฟังที่เคารพ ความ เมตตาจะไม่หมดไปจากหัวใจของคนใด นอกจากคนนั้นจะมีหัวใจหยาบกร้าน ไม่ให้กับผู้ที่คนกำลังหิวโหย โดยที่เขามีโอกาสที่จะให้อาหารได้ แต่เขาไม่ได้ทำ เขาคือคนหัวใจไร้เมตตา คนที่เห็นคนเดือดร้อน แต่เขาไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทั้งที่สามารถกระทำได้ เขาคือคนที่ไร้เมตตา
ท่านผู้ฟังที่เคารพ ความเมตตากับความเป็นธรรม ต้องเป็นของคู่กัน กล่าวคือ เมื่อมีความเมตตาก็ต้องไม่ทำให้เกิด ความลำเอียงหรือเบี่ยงเบนไม่เอาผิดกับคนที่กระทำความผิด หรือไม่ลงโทษกับคนที่เป็นญาติ หรือพรรคพวกของตนเอง ท่านนบี เคยแสดงความชัดเจนตรงนี้ ให้โลกได้เห็นเป็นประจักษ์มาแล้วคือ
"เมื่อหญิงชาวมัคซูมียะห์ ซึ่งเป็นคนในตระกูลสูงส่งคนหนึ่ง ในสังคมยุคนั้น เกิดไปลักขโมยของแล้วถูกจับได้ โดยหลักกฏหมายแล้ว ต้องได้รับโทษคือตัดมือ ญาติมิตรหรือพรรคพวกนางต่างเดือดร้อนหาทางวิ่งเต้น ให้นางหลุดพ้นจากการถูกลงโทษ จึงเข้าไปหาคนที่ศาสดารักและไว้วางใจ ขอให้ช่วยเหลือ โดยการไปขอร้องท่านศาสดา พวกเขาได้ติดต่อกับท่านอุซามะห์บินเซด
ท่านศาสดาบอกกับอุซามะห์ผู้เจรจาว่า โอ้อุซามะห์ โทษอาญาอันเป็นโทษ ที่อัลเลาะห์ทรงตรัสไว้ เจ้าจะมาขอให้ยกเว้นหรือ?
ฉันขอกล่าวว่า وَاللهِ لَوْ سَرَقَتْ فَاطِمَةُ بِنْتُ مُحَمَّدٍ لَقَطَعْتُ يَدَهَا
“ขอสาบานด้วยพระนามแห่งอัลเลาะห์ แม้นว่า ฟาติมะห์บุตรีของมูฮำมัด (ลูกสาวของฉัน) ได้ขโมยแล้วละก็ ฉันจะเป็นคนตัดมือนางเอง”
นี่คือความยุติธรรมที่ท่านศาสดา แห่งศาสนาอิสลามได้ประกาศเอง อันเป็นสัจธรรม ที่สร้างปมเด่นให้ศาสนาอิสลามจนยุคปัจจุบัน และต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งผู้นำแห่งศานาที่สือทอดเจตนารมณ์ของท่านศาสดา ต้องสำนึกและเจริญรอยตามอย่างเคร่งครัด หาไม่แล้ว จะกลายเป็นคนที่ทำลายความน่าเชื่อถือของระบบความยุติธรรมในอิสลาม
ท่านผู้ฟังที่เคารพ ศาสดาของท่านทั้งหลาย ทรงคุณลักษณะแห่งความเมตตาโดยแท้ ท่านสอนคนที่ไม่รู้ ท่านเมตตาคนที่โง่เขลา ด้วยการตักเตือนที่นิ่มนวล
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะที่ท่านนบีและ เหล่าสาวก กำลังนั่งอยู่ในมัสยิดนบีที่เมืองมะดีนะห์ มีชายอาหรับชนบทคนหนึ่ง เข้ามาในบริเวณมัสยิด แล้วยืนปัสสาวะข้างกำแพงด้านในมัสยิด บรรดาสาวกเห็นก็เอะอะจะลุกไปขับไล่ แต่ท่านนบี ก็ห้ามไว้
ท่านบอกว่า อย่าทำอย่างนั้น เมื่อชายคนนั้นปัสสาวะเสร็จ ท่านก็ใช้ให้สาวกเอาน้ำไปราด ทำความสะอาดพื้นที่ตรงนั้น
นี่ เป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่า การสอนคนที่ไม่รู้นั้น ต้องทำอย่างนิ่มนวล ให้มีการยอมรับโดยดุษฎี ไม่ใช่ด้วยการบังคับหรือก้าวร้าว
ท่านผู้ฟังที่เคารพ ความเมตตาของท่านนบีมูฮำมัด หาได้จำกัดอยู่เฉพาะมนุษย์ไม่ แต่ยังเผื่อแผ่ยังสัตว์ทั้งหลายอีกด้วย ท่านเคยกล่าวสอนแก่ศรัทธาชนว่า دَخَلَتِ امْرَأَةُ النَّارَ فِى هِرَّةٍ حَبَسَتْهَا حَتَّى مَاتَتْ لاَهِيَ أَطْعَمَتْهَا وَلاَ تَرَكَتْهَا تَأْكُلُ مِنْ خَشَاشِ اْلأَرْضِ
ความว่า “หญิงคนหนึ่งต้องเข้านรกเพราะแมว กล่าวคือ นางกักขังแมวจนกระทั่งมันตาย นางไม่ได้ให้อาหารมัน ไม่ปล่อยให้มันหาอาหารกินตามพื้นดิน”
ท่านนบี กล่าวส่งเสริมในการมีเมตตาต่อสัตว์อีก มีความว่า
“ขณะ ที่ชายคนหนึ่งเดินอยู่บนถนน เขาเกิดความกระหายน้ำมาก บังเอิญพบบ่อน้ำหนึ่ง เขาได้ลงไปที่บ่อนั้นแล้วดื่มน้ำ จนอิ่มหนำ จากนั้นเขาก็ขึ้นมาได้เจอกับสุนัขตัวหนึ่ง ที่กำลังเลียดินอยู่ เพราะความหิวกระหาย ชายคนนั้นเปรยว่า เจ้าสุนัขตัวนี้คงกระหายจัด เหมือนกับฉันเคยกระหายจัดเมื่อครู่นี้ เขาจึงกลับลงไปในบ่อนั้น แล้วเอาน้ำใส่ลงในรองเท้าหนังของเขา แล้วเอาปากคาบปีนขึ้นจากบ่อ แล้วนำไปให้สุนัขนั้นดื่มน้ำ
ดังนั้นอัลเลาะห์ทรงขอบคุณเขา และอภัยโทษให้เขาด้วย”
นี่คือผลลัพธ์แห่งความเมตตาต่อสัตว์ แล้วจะหาอะไรเล่า ? กับการมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์
ท่านผู้ฟังที่เคารพ สังคมที่เต็มไปด้วยความมีเมตตา สมาชิกของสังคมจะมีแต่ความผาสุข มีความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ความ เมตตาของท่านศาสดาที่แสดงออกนั้น เกิดจากความเมตตาที่มีอยู่ในหัวใจของท่านอย่างเปี่ยมล้น คนที่ใกล้ชิดท่านล้วนแต่ได้รับพลานิสงค์แห่งความเมตตาอย่างถ้วนทั่ว และถ้าสังคมเราเปี่ยมล้นไปด้วยความมีเมตตาต่อกันแล้ว เราจะอยู่บนโลกนี้อย่างปกติสุขแน่นอน .......... อินชาอัลเลาะห์
คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ ที่มา
http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=55&id=2618
จงเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์
สวัสดีท่านผู้ฟัง ท่านทั้งหลายจงยำเกรงต่ออัลเลาะห์ ปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ ละเว้นห่างไกลในสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม ท่านผู้ฟังที่เคารพ พระองค์อัลเลาะห์ ทรงตรัสว่า وَمَا أَرْسَلْنَكَ إِلاَّ رَحْمَةً لِلْعَالَمِيْنَ
ความว่า “และเรา (อัลเลาะห์) มิได้ส่งเจ้า (ศาสดามูฮำมัด) มา เว้นแต่ เพื่อเป็นความเมตตาต่อโลก” (ซูเราะห์ อัลอัมบิยาอ์ อายะห์ที่ ๑๐๗)
ความเมตตาเป็นคุณสมบัติของคนดี เป็นลักษณะที่ทำให้มนุษย์มีจิตใจเอื้ออาทร คน ที่เป็นเจ้าของคุณสมบัตินี้ เขาจะช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก เขาจะอุปการะเด็กกำพร้า อนาถา เขาจะสงสารคนด้อยโอกาส เขาจะไม่ทำให้คนเดือดร้อน ไม่ว่าทางร่างกายและจิตใจ เขาจะทำทุกอย่างเท่าที่กำลังความสามารถ ในการทำให้คนอื่นมีความสุข ลักษณะเหล่านี้มีอย่างพร้อมสรรพ ในตัวท่านนบีมูฮำมัด ในบันทึกรายงานฮะดีษของบุคอรีย์ และมุสลิม มีความว่า
“ไม่มีสักครั้งที่มีคนมาขอท่านนบีแล้วนบีจะบอกว่า ไม่”
ท่านอะนัส บิน มาลิก ได้รายงานว่า
“ท่านนบี นั้น ท่านจะให้ทุกอย่าง และทุกคนที่มาขอท่าน ในสิ่งที่ท่านมี
ครั้งหนึ่งมีคนมาขอแพะที่ท่านเลี้ยงอยู่ เป็นฝูงเต็มหุบเขา ท่านนบี ยกแพะทั้งฝูง ให้ชายคนนั้นไป ชายคนดังกล่าวไม่ใช่เป็นมุสลิม เขากลับไปพบกับพรรคพวกเขา แล้วบอกว่า พี่น้องทั้งหลาย จงเป็นมุสลิมกันเถิด เพราะมูฮำมัดนั้น เป็นศาสดาที่มีแต่ให้ และการให้ของเขาไม่เคยกลัวความยากจนเลย ผู้ที่จะทำเช่นนี้ก็มีแต่ศาสดาที่แท้จริงเท่านั้น แล้วชนเผ่านั้นก็เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม”
ดังกล่าวนี้ เป็นตัวอย่างว่า ผลแห่งการมีเมตตาของมุสลิมนั้น จะนำสู่ ความสวยงามของอิสลาม
ท่านผู้ฟังที่เคารพ ความ เมตตาจะไม่หมดไปจากหัวใจของคนใด นอกจากคนนั้นจะมีหัวใจหยาบกร้าน ไม่ให้กับผู้ที่คนกำลังหิวโหย โดยที่เขามีโอกาสที่จะให้อาหารได้ แต่เขาไม่ได้ทำ เขาคือคนหัวใจไร้เมตตา คนที่เห็นคนเดือดร้อน แต่เขาไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทั้งที่สามารถกระทำได้ เขาคือคนที่ไร้เมตตา
ท่านผู้ฟังที่เคารพ ความเมตตากับความเป็นธรรม ต้องเป็นของคู่กัน กล่าวคือ เมื่อมีความเมตตาก็ต้องไม่ทำให้เกิด ความลำเอียงหรือเบี่ยงเบนไม่เอาผิดกับคนที่กระทำความผิด หรือไม่ลงโทษกับคนที่เป็นญาติ หรือพรรคพวกของตนเอง ท่านนบี เคยแสดงความชัดเจนตรงนี้ ให้โลกได้เห็นเป็นประจักษ์มาแล้วคือ
"เมื่อหญิงชาวมัคซูมียะห์ ซึ่งเป็นคนในตระกูลสูงส่งคนหนึ่ง ในสังคมยุคนั้น เกิดไปลักขโมยของแล้วถูกจับได้ โดยหลักกฏหมายแล้ว ต้องได้รับโทษคือตัดมือ ญาติมิตรหรือพรรคพวกนางต่างเดือดร้อนหาทางวิ่งเต้น ให้นางหลุดพ้นจากการถูกลงโทษ จึงเข้าไปหาคนที่ศาสดารักและไว้วางใจ ขอให้ช่วยเหลือ โดยการไปขอร้องท่านศาสดา พวกเขาได้ติดต่อกับท่านอุซามะห์บินเซด
ท่านศาสดาบอกกับอุซามะห์ผู้เจรจาว่า โอ้อุซามะห์ โทษอาญาอันเป็นโทษ ที่อัลเลาะห์ทรงตรัสไว้ เจ้าจะมาขอให้ยกเว้นหรือ?
ฉันขอกล่าวว่า وَاللهِ لَوْ سَرَقَتْ فَاطِمَةُ بِنْتُ مُحَمَّدٍ لَقَطَعْتُ يَدَهَا
“ขอสาบานด้วยพระนามแห่งอัลเลาะห์ แม้นว่า ฟาติมะห์บุตรีของมูฮำมัด (ลูกสาวของฉัน) ได้ขโมยแล้วละก็ ฉันจะเป็นคนตัดมือนางเอง”
นี่คือความยุติธรรมที่ท่านศาสดา แห่งศาสนาอิสลามได้ประกาศเอง อันเป็นสัจธรรม ที่สร้างปมเด่นให้ศาสนาอิสลามจนยุคปัจจุบัน และต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งผู้นำแห่งศานาที่สือทอดเจตนารมณ์ของท่านศาสดา ต้องสำนึกและเจริญรอยตามอย่างเคร่งครัด หาไม่แล้ว จะกลายเป็นคนที่ทำลายความน่าเชื่อถือของระบบความยุติธรรมในอิสลาม
ท่านผู้ฟังที่เคารพ ศาสดาของท่านทั้งหลาย ทรงคุณลักษณะแห่งความเมตตาโดยแท้ ท่านสอนคนที่ไม่รู้ ท่านเมตตาคนที่โง่เขลา ด้วยการตักเตือนที่นิ่มนวล
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะที่ท่านนบีและ เหล่าสาวก กำลังนั่งอยู่ในมัสยิดนบีที่เมืองมะดีนะห์ มีชายอาหรับชนบทคนหนึ่ง เข้ามาในบริเวณมัสยิด แล้วยืนปัสสาวะข้างกำแพงด้านในมัสยิด บรรดาสาวกเห็นก็เอะอะจะลุกไปขับไล่ แต่ท่านนบี ก็ห้ามไว้
ท่านบอกว่า อย่าทำอย่างนั้น เมื่อชายคนนั้นปัสสาวะเสร็จ ท่านก็ใช้ให้สาวกเอาน้ำไปราด ทำความสะอาดพื้นที่ตรงนั้น
นี่ เป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่า การสอนคนที่ไม่รู้นั้น ต้องทำอย่างนิ่มนวล ให้มีการยอมรับโดยดุษฎี ไม่ใช่ด้วยการบังคับหรือก้าวร้าว
ท่านผู้ฟังที่เคารพ ความเมตตาของท่านนบีมูฮำมัด หาได้จำกัดอยู่เฉพาะมนุษย์ไม่ แต่ยังเผื่อแผ่ยังสัตว์ทั้งหลายอีกด้วย ท่านเคยกล่าวสอนแก่ศรัทธาชนว่า دَخَلَتِ امْرَأَةُ النَّارَ فِى هِرَّةٍ حَبَسَتْهَا حَتَّى مَاتَتْ لاَهِيَ أَطْعَمَتْهَا وَلاَ تَرَكَتْهَا تَأْكُلُ مِنْ خَشَاشِ اْلأَرْضِ
ความว่า “หญิงคนหนึ่งต้องเข้านรกเพราะแมว กล่าวคือ นางกักขังแมวจนกระทั่งมันตาย นางไม่ได้ให้อาหารมัน ไม่ปล่อยให้มันหาอาหารกินตามพื้นดิน”
ท่านนบี กล่าวส่งเสริมในการมีเมตตาต่อสัตว์อีก มีความว่า
“ขณะ ที่ชายคนหนึ่งเดินอยู่บนถนน เขาเกิดความกระหายน้ำมาก บังเอิญพบบ่อน้ำหนึ่ง เขาได้ลงไปที่บ่อนั้นแล้วดื่มน้ำ จนอิ่มหนำ จากนั้นเขาก็ขึ้นมาได้เจอกับสุนัขตัวหนึ่ง ที่กำลังเลียดินอยู่ เพราะความหิวกระหาย ชายคนนั้นเปรยว่า เจ้าสุนัขตัวนี้คงกระหายจัด เหมือนกับฉันเคยกระหายจัดเมื่อครู่นี้ เขาจึงกลับลงไปในบ่อนั้น แล้วเอาน้ำใส่ลงในรองเท้าหนังของเขา แล้วเอาปากคาบปีนขึ้นจากบ่อ แล้วนำไปให้สุนัขนั้นดื่มน้ำ
ดังนั้นอัลเลาะห์ทรงขอบคุณเขา และอภัยโทษให้เขาด้วย”
นี่คือผลลัพธ์แห่งความเมตตาต่อสัตว์ แล้วจะหาอะไรเล่า ? กับการมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์
ท่านผู้ฟังที่เคารพ สังคมที่เต็มไปด้วยความมีเมตตา สมาชิกของสังคมจะมีแต่ความผาสุข มีความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ความ เมตตาของท่านศาสดาที่แสดงออกนั้น เกิดจากความเมตตาที่มีอยู่ในหัวใจของท่านอย่างเปี่ยมล้น คนที่ใกล้ชิดท่านล้วนแต่ได้รับพลานิสงค์แห่งความเมตตาอย่างถ้วนทั่ว และถ้าสังคมเราเปี่ยมล้นไปด้วยความมีเมตตาต่อกันแล้ว เราจะอยู่บนโลกนี้อย่างปกติสุขแน่นอน .......... อินชาอัลเลาะห์
คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ ที่มา http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=55&id=2618