มุสลิมจำเป็นที่จะต้องให้เกียรติต่อหลักศรัทธาของสมาชิกทุกๆท่าน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
      สิ่งที่ผมเห็นบ่อยใน "Tag ศาสนาอิสลาม" คือ มีผู้ต่างศาสนานิยมใช้ในการแสดงความคิดเห็นซึ่งส่วนมากจะเป็นคำถามธรรมดาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศาสนาอิสลามและหลักศรัทธาบางข้อซึ่งไม่สอดคล้องกับขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยเราในปัจจุบัน ทั้งในด้านคุณธรรมและศีลธรรม โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงขนบธรรมเนียมของคนในประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นรวมทั้งความแตกต่าง อุปนิสัยใจคอของชาวอรับทะเลทรายซึ่งไม่ต่างกันมากจากชาวเอเซียในสมัยเดียวกันหรือสมัยก่อนศาสนาอิสลาม การล้อเลียน หลักศรัทธา และศาสดาของศาสนาอิสลามนั้นมีมานานแล้ว  มีมานานเกินหนึ่งร้อยปีไปแล้ว เพราะฉนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรที่มุสลิมจะต้องมานั่งถกเถียงกับเขาผู้ทีไม่มีศรัทธาทั้งในศาสนาของเขาเองและในศาสนาอิสลาม
 
     การที่ผมกล่าวเช่นนี้ เพราะผมมองเห็นและเข้าใจได้ว่า บรรดาผู้ที่ด่าว่า ล้อเลียนและ ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม รวมทั้งศาสดาของศาสนาอิสลามนั้น เป็นบุคคลไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสดาของเขา ไม่ได้รวมอยู่ในหมู่ศาสนิกชนที่ส่วนมากเป็นผู้ศรัทธา และเป็นบุคคลดีที่น่านับถือ ตามความเป็นจริงแล้วศาสดาทุกๆท่านที่อัลลอฮ์ทรงส่งมานั้น จะต้องป็นครูอาจารย์ในรูปแบบต่างๆ ตามภูมิภาคและมนุษย์ในยุคต่างๆของโลก เพื่อสอนให้สังคมมนุษ์อยู่อย่างสงบและมีสันติสุข ในมุมมองของมุสลิมผู้ศรัทธาว่าพระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นผู้สร้างแล้ว ท่านศาสดาของศาสนาต่างๆก็คือพระอาจารย์ผู้สูงส่งผู้หนึ่งที่มุสลิมควรให้ความนับถือและไม่ควรดูหมิ่น ศาสดาของศาสนานั้นๆ

    อีกครั้งหนึ่งที่สำคัญสำหรับสมาชิกมุสลิมผู้ที่โต้ตอบ สมาชิกที่กล่าวว่าร้ายศาสนาอิสลามนั้น ท่านจะต้องนึกถึงเสมอว่า ยังมีบรรดา ศาสนิกชนผู้ที่มีศรัธาและมีความประพฤติดีอยู่ในหลักคำสอน นั้นมีอยู่เกือบทั่วโลกจำนวนมาก และมีมากกว่าคนเลวๆ 2-3 คน "ในTag - ศาสนาอิสลาม" ภายในเวบพันทิปนี้ และการที่สมาชิกมุสลิมโต้ตอบโดยการด่าว่าหลักศรัทธาและดูหมิ่นศาสดาของศาสนาของเขาเหล่านั้น นอกจากจะเป็นการเดาสุ่ม ไม่ถูกศีลธรรมและจริยาธรรม ของสังคมแล้ว มุสลิมเหล่านี้ ยังทำผิดหลักการที่สำคัญของอิสลามและบัญญัติของ พระองค์อัลลอฮ์ที่มีอยู่ในอัลกุรอาน คนเลวสองสามคนไม่ได้เป็นตัวแทนของคนดีๆทั้งหมด ดังนั้นมุสลิมจึงไม่ควรที่จะไปตำหนิติเตียนหลักศรัทธาและศาสดาของ ศาสนาอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่วิธีการของมุสลิมที่ดี ผู้ที่รักสันติพึงกระทำ
 
  เรามุสลิมไม่ควรพยายามเอาชนะความขัดแย้งและพยายามปรองดองกับผู้ต่างศาสนา และควรให้อภัยผู้อื่นในที่เขาทำผิดต่อเรา และขอโทษแทนการถือโทษโกรธเคือง มุสลิมควรนำหลักคำสอนของศาสนาอิสลามไปใช้ในทุกๆด้านของชีวิตของเรา ในฐานะปัจเจกบุคคล ตามแนวทางที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรามุสลิมควรดำเนินรอยตามการปฏิบัติ (ซุนนะห์) ของท่านศาสดามูฮัมมัดผู้ซึ่งปฏิบัติต่อศาสนาอื่น ถึงแม้จะมีความขัดแย้งทางเทววิทยาและความขัดแย้งทางการเมือง แต่ท่านศาสดามูฮัมหมัดยังคงเคารพ และให้เกียรติต่อความศรัทธาของผู้ต่างศรัทธาที่อยู่ภายใต้การปกครองของท่าน ไม่กี่ปีก่อนที่ท่านศาสดามูฮัมมัดจะเสียชีวิต ด้วยความเป็นผู้นำของชาวอาหรับที่ยอมรับโดยทั่วไปในกลุ่มชนอรับ คณะผู้แทนของคริสเตียนหกสิบคนพร้อมด้วยนักวิชาการและผู้พิพากษา ของชาวคริสเตียนได้เดินทางจากเมืองหลวงทางตอนใต้ของนัจญ์รันมาเยี่ยมท่านในเมืองเมดินา 

การดูหมิ่นศาสนามีลักษณะดังต่อไปนี้  หมายถึงการดูหมิ่นพระเจ้า การดูหมิ่นศาสดา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ศาสนาอื่นเคารพสักการะ หรือสิ่งที่พูดหรือทำซึ่งแสดงถึงการไม่เคารพในสิ่งที่กล่าวมา หรือมีความเห็นนอกคอก แสดงความคิดเห็น ส่วนตัวถึงความเชื่อหรือความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับความเชื่อ หรือความคิดเห็นของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง 
 
กฎพื้นฐานสี่ข้อสำหรับการสนทนาระหว่างศาสนา ตามหลักการของศาสนาอิสลาม เป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและสะดวกสำหรับมารยาทระหว่างศาสนาซึ่งเน้นคุณค่าต่างๆ เช่น:

1.การฟังต้องเป็นผู้ฟังที่ดีไม่พูดขัดตอบโต้ขณะที่ผู้อื่นกำลังให้เหตุผล
2.การแสดงตนด้วยความเคารพ ว่านับถือศาสนาอะไร เป็นใคร
3.มีความยืดหยุ่นและการเปิดใจ และมีใจกว้างพอที่จะรับฟังการติชม 
4.มีความสามารถในการไตร่ตรองตนเองและการวิจารณ์ตนเอง และตอบโต้ด้วยเหตุผลและมารยาทื่ดีงาม

ถ้าผู้ใดที่ขาดคุณสมบัติตามที่กล่าวมานี้ควรหลึกเลื่ยงการสนทนาเรื่องศาสนากับผู้ที่ต่างศาสนาหรือแม้แต่ผู้ที่นับถือศาสนาเดียวกันก็ตาม 

เมื่อเริ่มเกิดการโต้เถียง มุสลิมควรเปลี่ยนการโต้เถียงและขัดแย้งซึ่งเกี่ยวกับศาสนาอิสลามในทุกๆด้าน ให้เป็นการเชิญชวนผู้ต่างศาสนา เข้ารับศาสนาอิสลาม และกลายเป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมในงานดะอฺวะห์ที่เป็นพยานถึงการปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮ์มีความหมายว่า:

“จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของเจ้าด้วยสติปัญญาและการตักเตือนที่ยุติธรรม และโต้เถียงกับพวกเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”  บุคคลที่อุทิศตนเพื่องานอันสูงส่งเช่นนี้จะต้องเชิญชวนผู้อื่นสู่อิสลามด้วยสติปัญญา ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขารู้จักบุคลิกภาพของผู้คนที่เขาต้องการเรียกร้องสู่อิสลามเพื่อที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ในการนี้มุสลิมจะต้องมีความสุภาพแสดงความเมตตากรุณาให้เห็นอันเป็นหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลาม"

ادْعُ إِلَىٰ سَبِيلِ رَبِّكَ بِالْحِكْمَةِ وَالْمَوْعِظَةِ الْحَسَنَةِ ۖ وَجَادِلْهُمْ بِالَّتِي هِيَ أَحْسَنُ ۚ إِنَّ رَبَّكَ هُوَ أَعْلَمُ بِمَنْ ضَلَّ عَنْ سَبِيلِهِ ۖ وَهُوَ أَعْلَمُ بِالْمُهْتَدِينَ {125}
[Yusufali 16:125] Invite (all) to the Way of thy Lord with wisdom and beautiful preaching; and argue with them in ways that are best and most gracious: for thy Lord knoweth best, who have strayed from His Path, and who receive guidance.
(อัลกุรอาน 16:125)  จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของพวกเธอโดยสุขุม และการตักเตือนที่ดี และจงโต้แย้ง พวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า พระเจ้าของเธอนั้น พระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงบรรดาผู้ที่หลงออกจากทางแห่งพระองค์ และทรงรู้ดียิ่งถึงบรรดาผู้ที่อยู่ในทางที่ถูกต้อง

 มุสลิมผู้ที่ขาดความรู้ความเข้าใจอัลกุรอานอาจจะไม่เห็นด้วยกับกระทู้นี้ แต่จะต้องเข้าใจว่า อัลกุรอานเป็นแหล่งวิชาเพียงแหล่งเดียวและคู่มือการใช้ชีวิตประจำวันสำหรับมุสลิม  อีกสิ่งหนึ่งที่มุสลิมจะต้องปฏิบัติตามคือซุนนะห์ที่สอดคล้องกับอัลกุรอานที่เกี่ยวกับหลักศรัทธาและหลักปฏิบัติศาสนกิจของอิสลาม ซึ่งไม่เกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรมอรับในสมัยของท่านรอซูลหรือชาวอรับในสมัยปัจจุบัน ซึ่งประเพณีและวัฒนธรรมดังกล่าวอาจจะมีมาก่อนอิสลามและอาจจะขัดกับหลักศรัทธาของอิสลาม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่