ของขวัญจากฟ้า
รุ่งอรุณของวันใหม่ปลายเดือนธันวาคมมนัสขับรถออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดีมุ่งหน้าไปยังบ้านธานิลธนวัฒน์เพื่อไปรับเพื่อนซี้ออกเดินทางท่องเที่ยวดั่งที่ได้นัดแนะกันเอาไว้ และเมื่อมนัสขับรถมาจอดที่ตึกใหญ่ของบ้านธานิลธนวัฒน์ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นมังกรออกมานั่งรอเขาที่หน้าบ้านด้วยใบหน้าที่เหม่อลอยเศร้าสร้อยจนเขาสามารถรับรู้ได้ซึ่งสีหน้าแบบนี้เขามักจะได้เห็นเสมอๆในช่วงสี่ปี่ที่ผ่านมาหลังจากที่เพื่อนรักได้เสียหญิงสาวอันเป็นที่รักไป
“เฮ้ยกรนี่อยากไปถึงขนาดลงมานั่งรอเลยหรอวะ”
มังกรหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทเรียก
“นอนไม่หลับน่ะเลยลงมานั่งรอ”
“ฝันเรื่องเดิมๆอีกแล้วหรอว่ะเมื่อไหร่แกจะลืมได้ซักทีเนี้ย”
“ฉันเคยบอกแกแล้วว่าใครไม่โดนกับตัวไม่รู้หรอก แต่ช่างเหอะอย่าพูดมากเลยแกจะไปมั้ยเนี้ยมัวแต่พูดอยู่นั้นล่ะถ้าไม่ไปฉันจะได้ขึ้นไปนอน”
“เฮ้ยๆได้ไงว่ะไปสิ เออว่าแต่แกไม่คิดจะโกนหนวดตัดผมบ้างหรอยังกะโจรป่า”มนัสทนไม่ได้ถึงกับต้องทักเมื่อเห็นหนวดเครารุงรังและผมที่ยาวจนถึงกลางหลังของเพื่อนที่ทำให้ดูไม่ออกเลยว่านี่ผู้บริหารบริษัทใหญ่หรือหัวหน้าโจรกันแน่
“อย่าพูดมากน่าไอ้นัสจะไม่ไปใช่มั้ย ไม่ไปฉันจะเข้าบ้าน”
“ไปๆสิครับคุณมังกรทำไมถึงได้ใจร้อนอย่างนี้ล่ะครับพ่อคุณ”
มนัสส่ายหัวให้กับความเจ้าอารมณ์ของเพื่อนก่อนจะเดินตามมังกรขึ้นรถไปยังฝั่งคนขับและทำหน้าที่เป็นสารถีพาตัวเขาและเพื่อนออกไปท่องเที่ยวยังดินแดนที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาทั้งสองคนไปตอดกาลโดยที่ทั้งสองไม่อาจรับรู้ได้เลยส่วนมังกรก็หลับทันทีที่ขึ้นรถเนื่องจากอ่อนเพลียจากการพักผ่อนไม่เต็มที่ มนัสขับรถมาเรื่อยๆตามเส้นทางที่เขาคุ้นเคยเพราะเป็นเส้นทางที่เขามักจะเดินทางไปเสมอๆเมื่อมีเวลาว่างเขาชอบบรรยากาศต่างจังหวัดชอบธรรมชาติที่สวยงามผู้คนที่น่ารักเขาหลงรักบรรยากาศแบบนี้จนอยากจะย้ายมาลงหลักปักฐานที่ต่างจังหวัดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่ก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะเขายังมีธุรกิจของครอบครัวที่ต้องดูแลอยู่ที่กรุงเทพ มนัสขับรถกินลมชมวิวอย่างเพลิดเพลินจนเวลา12ชั่วโมงที่ใช้ในการเดินทางดูน้อยไปในทันทีสำหรับเขาและในที่สุดมนัสก็ขับรถมาจอดหน้าโรงแรมเล็กๆในตัวเมืองของจังหวัดนครพนมก่อนจะหันไปปลุกมังกรที่ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยตลอดการเดินทาง
“ไอ้กรตื่นๆถึงแล้ว”
มังกรงัวเงียลุกขึ้นก่อนจะมองออกไปนอนหน้าต่างเพื่อมองไปรอบๆจุดหมายปลายทางที่เขามาถึง
“ถึงแล้วหรอวะ อื้มบรรยากาศดีจริงๆด้วยฉันชอบว่ะ” มังกรเอ่ยชมทันทีที่เห็นบรรยากาศโดยรอบ แม่น้ำโขงที่กว้างใหญ่ไหลกั้นระหว่างสองประเทศเอาไว้ ฝั่งตรงข้ามมีภูเขามากมายหลายลูกวางซ้อนกันอยู่อย่างสวยงาม บ้านเรือนที่ที่อยู่อาศัยดูเรียบง่ายผู้คนไม่มากมายวุ่นวายเหมือนในเมืองใหญ่บรรยากาศสงบเงียบเหมาะแก่การนำหัวใจที่บอบช้ำของเขามาพักผ่อนยิ่งนัก
“อื้ม ฉันก็คิดเหมือนแกแหล่ะงั้นเรารีบไปหาที่พักเถอะจะได้ออกไปเดินกินลมชมวิวให้ชุ่มปอด”
“อ้าว ไอ้นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้จองห้องน่ะ”
“ยังน่ะสิพอดีรีบร้อนไปหน่อยเลยยังไม่ได้จองแต่เอาเหอะคนคงมาเที่ยวที่นี่ไม่ค่อยเยอะห้องไม่เต็มหรอก”
มังกรอยากจะซัดเพื่อนรักซักทีที่ชวนมาเที่ยวแต่ไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ล่วงหน้าเลย และเขาก็ได้ทำมันจริงๆด้วยการเตะมนัสไปทีนึ่งหลังจากที่มนัสส่ายหัวออกมาจากโรงแรมและบอกว่าห้องพักเต็ม
“แล้วจะเอาไงล่ะที่นี้ แกนะแกทำไมทำอะไรไม่วางแผนให้ดีๆวะ” มังกรบ่นเป็นหมีกินผึ้งกับความผิดพลาดของเพื่อนรัก
“อย่าเพิ่งกร่อยสิวะ พนักงานเขาบอกว่าขับรถเลียบริมโขงไปเรื่อยๆจะมีโฮมสเตย์อยู่เราต้องได้ที่พักแน่นอนแกไม่ต้องห่วง”
มนัสเดินขึ้นรถไปอย่างไม่รีบร้อนเพราะเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้เนื่องจากเป็นคนเที่ยวบ่อยและไม่ค่อยได้จองที่พักไว้ล่วงหน้ามักจะหาเอาข้างหน้าเสมอทำให้ปัญหานี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบเจอ มังกรเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนก็อดหมั่นไส้ไม่ได้กับท่าทางสบายๆของเพื่อนรักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แต่เดินตามมนัสขึ้นรถไปเพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยท่องเที่ยวเท่าไหร่ทำให้ไม่ชำนาญอย่างมนัสจึงได้แต่นั่งเงียบๆและให้มนัสเป็นคนจัดการไป
“เฮ้ยนั้นไงเจอแล้ว เดือนเพ็ญโฮมสเตย์” มนัสเอ่ยอย่างดีใจเมื่อขับรถออกจากโรงแรมในตัวเมืองและขับเลียบริมโขงมาเรื่อยๆจนกระทั่งเจอกับโฮมสเตย์เล็กๆที่ตั้งอยู่ริมโขงไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก
“เป็นไงว่ะกรที่นี่โอเคมั้ย”
“ก็ดีนะ” มังกรตอบเรียบๆและเดินเขาไปข้างในโฮมสเตย์เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างให้เขาเดินลอดซุ้มประตูดอกรักเล็กๆหน้าโฮมสเตย์เข้าไปยังด้านในและเมื่อเข้าไปถึงด้านในตัวโฮมสเตย์มังกรและมนัสก็เจอกับผู้หญิงวัยน่าจะประมาณห้าสิบต้นๆยื่นยิ้มอ่อนโยนให้กับแขกที่มาเยือนอยู่ตรงเค้าเตอร์ของโฮมสเตย์
“ป้าครับที่นี่พอจะมีห้องพักว่างซักห้องไหมครับ”
“ห้องเต็มหมดแล้วล่ะจ๊ะพ่อหนุ่มโฮมสเตย์ป้ามีแค่ห้าห้องเองลูกค้าจองเต็มหมดแล้วขอโทษด้วยนะจ๊ะ” ป้าเจ้าของโฮมสเตย์ตอบยิ้มๆแต่ทำให้คนฟังถึงกับยิ้มไม่ออกเพราะนี่ก็ใกล้ค่ำแล้วพวกเขาจะไปหาที่พักที่ไหนได้อีกแล้วคืนนี้พวกเขาจะนอนไหนกัน
“เอาอย่างนี้ไหมพ่อหนุ่มป้าพอจะมีห้องว่างอยู่ห้องหนึ่งเป็นห้องของลูกชายป้าตอนนี้ไม่อยู่ไปเรียนในกรุงเทพถ้าไม่รังเกียจป้าจะให้ยัยหนูไปจัดห้องให้” ป้าเจ้าของโฮมสเตย์เอ่ยขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“จริงหรอครับป้า ไม่รังเกียจๆเลยครับพวกผมยังไงก็ได้ขอบคุณป้ามากนะครับขอบคุณจริงๆ” มนัสดีใจโผล่เข้ากอดป้าอย่างลืมตัวทำให้ป้าถึงกับหัวเราะกับท่าทางราวกับเด็กน้อยของมนัส
“ไอ้นัสมีมารยาทหน่อย” มังกรเอ่ยเตือนเพื่อนที่ดีใจจนออกหน้าออกตา
“ไม่เป็นไรหรอกลูกป้าไม้ถือแต่อย่าทำบ่อยนะสามีป้าเขาขึ้หึง” ป้าพูดไปหัวเราะไปพร้อมชี้ไปทางด้านหลังของมนัส
“เย้ย!!!!” มนัสถึงกับสะดุ้งเมื่อมองเห็นลุงคนหนึ่งกำลังนั่งขัดปืนลูกซองอยู่บริเวณที่เหมือนกับห้องรับแขกของโฮมสเตย์
“นั้นน่ะลุงชาติสามีป้า ส่วนป้าชื่อเดือนเพ็ญเรียกป้าเพ็ญเฉยๆก็ได้ พ่อหนุ่มไปนั่งรอตรงนั้นซักครู่นะเดี๋ยวป้าไปบอกให้ยัยหนูจัดห้องให้ก่อน”
“ครับ”
มังกรและมนัสค่อยๆเดินไปยังห้องรับแขกหลังจากที่ป้าเพ็ญเดินหายขึ้นไปด้านบนบ้าน
“ขอนั่งด้วยคนนะครับลุงชาติ”
“ตามสบายเลยพ่อหนุ่ม” ลุงชาติส่งยิ้มให้กับแขกที่มาเยือนทั้งสองคนก่อนจะก้มหน้าก้มตาขัดปืนสุดที่รักของตัวเองต่อ
“ลุงชาติเอาปืนมาขัดทำไมหรอครับ” มนัสพยายามชวนคุย
“เอามาไว้ยิงไอ้พวกหน้าหม้อที่จะมาจีบลูกสาวลุงน่ะ” ลุงชาติตอบสบายๆแต่คนฟังถึงกับเสียวสันหลังวาบ
“ฮ่าๆไม่ใช่ผมกับไอ้กรแน่นอนครับเพราะผมมีแฟนแล้วส่วนไอ้นี่ก็ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้” มนัสรีบเอ่ยแก้ตัวเพราะถ้าไม่เจอลุงชาติก่อนเขากะจะจีบลูกสาวป้าเพ็ญอยู่แล้วตามประสาคนเจ้าชู้
“อ้อ ที่ไว้ผมเผ้าหนวดเครารุงรังนี่ก็เพราะอกหักหรือพ่อหนุ่มโทษทีที่ละลาบละล้วง” ลุงชาติอ่านขาดอย่างคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนมังก่อนก็ไม่ได้ว่าอะไรได้แต่พยักหน้ายิ้มๆให้กับลุงชาติและหลังจากนั้นมนัสก็ชวนลุงชาติคุยนั้นคุยนี่ไปเรื่อยตามประสาคนช่างพูดโดยมีมังกรนั่งเป็นผู้ฟังที่ดีอยู่ข้างๆจนกระทั่งลุงชาติขอตัวพาลูกสาวไปตลาดเมื่อภรรยาสุดที่รักมาเรียก
“เดี๋ยวค่ำๆลุงกลับมาคุยด้วยใหม่นะพ่อนัสพ่อกรลุงขอตัวพายัยหนูไปตลาดก่อน”
ลุงชาติพูดเสร็จก็เดินตรงไปหาลูกสาวที่ยืนรอที่เค้าเตอร์มนัสและมังกรมองตามไปและทำให้มังกรถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูกหัวใจพองโตเต้นระส่ำเหมือนจะหลุดออกมาด้านนอกเมื่อเห็นว่าลูกสาวของลุงชาติกับป้าเพ็ญคือใคร ดุจดาวใช่ดุจดาวจริงๆเขาไม่มีวันลืมผู้หญิงคนนี้หญิงสาวผู้เป็นดั่งดวงใจแม้จะเห็นเพียงแวบเดียวเขาก็รู้ทันทีว่าคือเธอ เวลานี้เหมือนมีน้ำทิพย์หลั่งรินรดหัวใจที่แห้งแล้งของมังกร และเขาก็ไม่รอช้าที่จะเดินไปไขว่คว้าสิ่งที่เขาเฝ้าตามหามานานแสนนานแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมนัสดึงแขนเขาไว้
“แกจะดึงฉันทำไมวะนัสไม่เห็นหรอว่านั้นน้องดาวน้องดาวของฉัน ฉันจะไปหาน้องดาว”
“ฉันรู้แต่แกมีสติหน่อยสิวะกรอยากถูกยิงไส้แตกก่อนได้คุยกับน้องดาวหรอวะ” มนัสพูดเตือนสติเพื่อน
“ฉันไม่กลัวถ้าได้คุยกับน้องดาวถึงตายฉันก็ยอม”มังกรยังดื้อดึงอย่างคนไม่มีสติในตอนนี้สมองของเขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นมีเพียงภาพของดุจดาวดุจดาวแล้วก็ดุจดาวเต็มไปหมดในหัวของเขา
“อย่าเพิ่งบ้าไอ้กรนั่งลงใจเย็นๆค่อยๆคิดค่อยๆทำขืนแกไปตอนนี้มีหวังโดนพ่อตาแกยิงไส้แตกแน่อีกอย่างน้องดาวคงจะช็อคที่เจอแกที่นี่ น้องดาวคงไม่ยอมคุยกับแกดีๆแน่ก็ทำกับเขาไว้ซะขนาดนั้น เรายังอยู่ที่นี่อีหลายวันไว้วางแผนกันดีๆก่อนว่าจะทำยังไงให้แกได้น้องดาวของแกกลับมาแล้วค่อยลงมือเดี๋ยวฉันจะช่วยแกเอง”
มังกรได้สติกลับมาจากคำพูดของเพื่อนรักและนั่งลงที่เดิมก่อนที่ป้าเพ็ญจะเดินเข้ามาหา
“นี่จ๊ะหนุ่มๆกุญแจห้องขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะขึ้นบันไดไปห้องสุดท้ายทางซ้าย แล้วค่ำๆลงมากินข้าวกันที่นี่ป้าจะเป็นคนเตรียมอาหารไว้ให้พวกเราทั้งสามมื้อตรงโต๊ะอาหารหน้าบ้าน แล้วถ้าอยากจะไปขับรถเล่นริมโขงมอเตอร์ไซต์กับจักรยานอยู่ข้างบ้านเอาไปใช้ได้เลยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับป้าขอบคุณที่ทำให้ผมได้อยู่ที่นี่ขอบคุณจริงๆ”มังกรเอ่ยขอบคุณจากใจทำให้คนฟังกลั้นยิ้มไม่อยู่กับความน่ารักของแขกที่มาเยือนทั้งสองคน
“ไม่เป็นไรหรอกลูกเราคนไทยด้วยกันก็เหมือนญาติๆกันมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน งั้นป้าขอตัวไปทำกับข้าวต่อก่อนนะตามสบายนะจ๊ะหนุ่มๆ” ป้าเพ็ญพูดเสร็จเดินหายเข้าไปหลังบ้านซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นห้องครัว และมังกรกับมนัสก็เดินถือกระเป๋าขึ้นห้องพักด้วยหัวใจที่พองโตคนหนึ่งพองโตที่จะได้รับของขวัญจากฟ้ากลับคืนมาอีกคนก็พองโตที่จะได้ช่วยขจัดความเศร้าเสียใจที่สะสมมานานของเพื่อนรักเสียที
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
ทวงใจรักซาตานร้าย(ตอนที่ 2)
ของขวัญจากฟ้า
รุ่งอรุณของวันใหม่ปลายเดือนธันวาคมมนัสขับรถออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดีมุ่งหน้าไปยังบ้านธานิลธนวัฒน์เพื่อไปรับเพื่อนซี้ออกเดินทางท่องเที่ยวดั่งที่ได้นัดแนะกันเอาไว้ และเมื่อมนัสขับรถมาจอดที่ตึกใหญ่ของบ้านธานิลธนวัฒน์ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นมังกรออกมานั่งรอเขาที่หน้าบ้านด้วยใบหน้าที่เหม่อลอยเศร้าสร้อยจนเขาสามารถรับรู้ได้ซึ่งสีหน้าแบบนี้เขามักจะได้เห็นเสมอๆในช่วงสี่ปี่ที่ผ่านมาหลังจากที่เพื่อนรักได้เสียหญิงสาวอันเป็นที่รักไป
“เฮ้ยกรนี่อยากไปถึงขนาดลงมานั่งรอเลยหรอวะ”
มังกรหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทเรียก
“นอนไม่หลับน่ะเลยลงมานั่งรอ”
“ฝันเรื่องเดิมๆอีกแล้วหรอว่ะเมื่อไหร่แกจะลืมได้ซักทีเนี้ย”
“ฉันเคยบอกแกแล้วว่าใครไม่โดนกับตัวไม่รู้หรอก แต่ช่างเหอะอย่าพูดมากเลยแกจะไปมั้ยเนี้ยมัวแต่พูดอยู่นั้นล่ะถ้าไม่ไปฉันจะได้ขึ้นไปนอน”
“เฮ้ยๆได้ไงว่ะไปสิ เออว่าแต่แกไม่คิดจะโกนหนวดตัดผมบ้างหรอยังกะโจรป่า”มนัสทนไม่ได้ถึงกับต้องทักเมื่อเห็นหนวดเครารุงรังและผมที่ยาวจนถึงกลางหลังของเพื่อนที่ทำให้ดูไม่ออกเลยว่านี่ผู้บริหารบริษัทใหญ่หรือหัวหน้าโจรกันแน่
“อย่าพูดมากน่าไอ้นัสจะไม่ไปใช่มั้ย ไม่ไปฉันจะเข้าบ้าน”
“ไปๆสิครับคุณมังกรทำไมถึงได้ใจร้อนอย่างนี้ล่ะครับพ่อคุณ”
มนัสส่ายหัวให้กับความเจ้าอารมณ์ของเพื่อนก่อนจะเดินตามมังกรขึ้นรถไปยังฝั่งคนขับและทำหน้าที่เป็นสารถีพาตัวเขาและเพื่อนออกไปท่องเที่ยวยังดินแดนที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาทั้งสองคนไปตอดกาลโดยที่ทั้งสองไม่อาจรับรู้ได้เลยส่วนมังกรก็หลับทันทีที่ขึ้นรถเนื่องจากอ่อนเพลียจากการพักผ่อนไม่เต็มที่ มนัสขับรถมาเรื่อยๆตามเส้นทางที่เขาคุ้นเคยเพราะเป็นเส้นทางที่เขามักจะเดินทางไปเสมอๆเมื่อมีเวลาว่างเขาชอบบรรยากาศต่างจังหวัดชอบธรรมชาติที่สวยงามผู้คนที่น่ารักเขาหลงรักบรรยากาศแบบนี้จนอยากจะย้ายมาลงหลักปักฐานที่ต่างจังหวัดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่ก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะเขายังมีธุรกิจของครอบครัวที่ต้องดูแลอยู่ที่กรุงเทพ มนัสขับรถกินลมชมวิวอย่างเพลิดเพลินจนเวลา12ชั่วโมงที่ใช้ในการเดินทางดูน้อยไปในทันทีสำหรับเขาและในที่สุดมนัสก็ขับรถมาจอดหน้าโรงแรมเล็กๆในตัวเมืองของจังหวัดนครพนมก่อนจะหันไปปลุกมังกรที่ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยตลอดการเดินทาง
“ไอ้กรตื่นๆถึงแล้ว”
มังกรงัวเงียลุกขึ้นก่อนจะมองออกไปนอนหน้าต่างเพื่อมองไปรอบๆจุดหมายปลายทางที่เขามาถึง
“ถึงแล้วหรอวะ อื้มบรรยากาศดีจริงๆด้วยฉันชอบว่ะ” มังกรเอ่ยชมทันทีที่เห็นบรรยากาศโดยรอบ แม่น้ำโขงที่กว้างใหญ่ไหลกั้นระหว่างสองประเทศเอาไว้ ฝั่งตรงข้ามมีภูเขามากมายหลายลูกวางซ้อนกันอยู่อย่างสวยงาม บ้านเรือนที่ที่อยู่อาศัยดูเรียบง่ายผู้คนไม่มากมายวุ่นวายเหมือนในเมืองใหญ่บรรยากาศสงบเงียบเหมาะแก่การนำหัวใจที่บอบช้ำของเขามาพักผ่อนยิ่งนัก
“อื้ม ฉันก็คิดเหมือนแกแหล่ะงั้นเรารีบไปหาที่พักเถอะจะได้ออกไปเดินกินลมชมวิวให้ชุ่มปอด”
“อ้าว ไอ้นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้จองห้องน่ะ”
“ยังน่ะสิพอดีรีบร้อนไปหน่อยเลยยังไม่ได้จองแต่เอาเหอะคนคงมาเที่ยวที่นี่ไม่ค่อยเยอะห้องไม่เต็มหรอก”
มังกรอยากจะซัดเพื่อนรักซักทีที่ชวนมาเที่ยวแต่ไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ล่วงหน้าเลย และเขาก็ได้ทำมันจริงๆด้วยการเตะมนัสไปทีนึ่งหลังจากที่มนัสส่ายหัวออกมาจากโรงแรมและบอกว่าห้องพักเต็ม
“แล้วจะเอาไงล่ะที่นี้ แกนะแกทำไมทำอะไรไม่วางแผนให้ดีๆวะ” มังกรบ่นเป็นหมีกินผึ้งกับความผิดพลาดของเพื่อนรัก
“อย่าเพิ่งกร่อยสิวะ พนักงานเขาบอกว่าขับรถเลียบริมโขงไปเรื่อยๆจะมีโฮมสเตย์อยู่เราต้องได้ที่พักแน่นอนแกไม่ต้องห่วง”
มนัสเดินขึ้นรถไปอย่างไม่รีบร้อนเพราะเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้เนื่องจากเป็นคนเที่ยวบ่อยและไม่ค่อยได้จองที่พักไว้ล่วงหน้ามักจะหาเอาข้างหน้าเสมอทำให้ปัญหานี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบเจอ มังกรเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนก็อดหมั่นไส้ไม่ได้กับท่าทางสบายๆของเพื่อนรักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แต่เดินตามมนัสขึ้นรถไปเพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยท่องเที่ยวเท่าไหร่ทำให้ไม่ชำนาญอย่างมนัสจึงได้แต่นั่งเงียบๆและให้มนัสเป็นคนจัดการไป
“เฮ้ยนั้นไงเจอแล้ว เดือนเพ็ญโฮมสเตย์” มนัสเอ่ยอย่างดีใจเมื่อขับรถออกจากโรงแรมในตัวเมืองและขับเลียบริมโขงมาเรื่อยๆจนกระทั่งเจอกับโฮมสเตย์เล็กๆที่ตั้งอยู่ริมโขงไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก
“เป็นไงว่ะกรที่นี่โอเคมั้ย”
“ก็ดีนะ” มังกรตอบเรียบๆและเดินเขาไปข้างในโฮมสเตย์เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างให้เขาเดินลอดซุ้มประตูดอกรักเล็กๆหน้าโฮมสเตย์เข้าไปยังด้านในและเมื่อเข้าไปถึงด้านในตัวโฮมสเตย์มังกรและมนัสก็เจอกับผู้หญิงวัยน่าจะประมาณห้าสิบต้นๆยื่นยิ้มอ่อนโยนให้กับแขกที่มาเยือนอยู่ตรงเค้าเตอร์ของโฮมสเตย์
“ป้าครับที่นี่พอจะมีห้องพักว่างซักห้องไหมครับ”
“ห้องเต็มหมดแล้วล่ะจ๊ะพ่อหนุ่มโฮมสเตย์ป้ามีแค่ห้าห้องเองลูกค้าจองเต็มหมดแล้วขอโทษด้วยนะจ๊ะ” ป้าเจ้าของโฮมสเตย์ตอบยิ้มๆแต่ทำให้คนฟังถึงกับยิ้มไม่ออกเพราะนี่ก็ใกล้ค่ำแล้วพวกเขาจะไปหาที่พักที่ไหนได้อีกแล้วคืนนี้พวกเขาจะนอนไหนกัน
“เอาอย่างนี้ไหมพ่อหนุ่มป้าพอจะมีห้องว่างอยู่ห้องหนึ่งเป็นห้องของลูกชายป้าตอนนี้ไม่อยู่ไปเรียนในกรุงเทพถ้าไม่รังเกียจป้าจะให้ยัยหนูไปจัดห้องให้” ป้าเจ้าของโฮมสเตย์เอ่ยขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“จริงหรอครับป้า ไม่รังเกียจๆเลยครับพวกผมยังไงก็ได้ขอบคุณป้ามากนะครับขอบคุณจริงๆ” มนัสดีใจโผล่เข้ากอดป้าอย่างลืมตัวทำให้ป้าถึงกับหัวเราะกับท่าทางราวกับเด็กน้อยของมนัส
“ไอ้นัสมีมารยาทหน่อย” มังกรเอ่ยเตือนเพื่อนที่ดีใจจนออกหน้าออกตา
“ไม่เป็นไรหรอกลูกป้าไม้ถือแต่อย่าทำบ่อยนะสามีป้าเขาขึ้หึง” ป้าพูดไปหัวเราะไปพร้อมชี้ไปทางด้านหลังของมนัส
“เย้ย!!!!” มนัสถึงกับสะดุ้งเมื่อมองเห็นลุงคนหนึ่งกำลังนั่งขัดปืนลูกซองอยู่บริเวณที่เหมือนกับห้องรับแขกของโฮมสเตย์
“นั้นน่ะลุงชาติสามีป้า ส่วนป้าชื่อเดือนเพ็ญเรียกป้าเพ็ญเฉยๆก็ได้ พ่อหนุ่มไปนั่งรอตรงนั้นซักครู่นะเดี๋ยวป้าไปบอกให้ยัยหนูจัดห้องให้ก่อน”
“ครับ”
มังกรและมนัสค่อยๆเดินไปยังห้องรับแขกหลังจากที่ป้าเพ็ญเดินหายขึ้นไปด้านบนบ้าน
“ขอนั่งด้วยคนนะครับลุงชาติ”
“ตามสบายเลยพ่อหนุ่ม” ลุงชาติส่งยิ้มให้กับแขกที่มาเยือนทั้งสองคนก่อนจะก้มหน้าก้มตาขัดปืนสุดที่รักของตัวเองต่อ
“ลุงชาติเอาปืนมาขัดทำไมหรอครับ” มนัสพยายามชวนคุย
“เอามาไว้ยิงไอ้พวกหน้าหม้อที่จะมาจีบลูกสาวลุงน่ะ” ลุงชาติตอบสบายๆแต่คนฟังถึงกับเสียวสันหลังวาบ
“ฮ่าๆไม่ใช่ผมกับไอ้กรแน่นอนครับเพราะผมมีแฟนแล้วส่วนไอ้นี่ก็ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้” มนัสรีบเอ่ยแก้ตัวเพราะถ้าไม่เจอลุงชาติก่อนเขากะจะจีบลูกสาวป้าเพ็ญอยู่แล้วตามประสาคนเจ้าชู้
“อ้อ ที่ไว้ผมเผ้าหนวดเครารุงรังนี่ก็เพราะอกหักหรือพ่อหนุ่มโทษทีที่ละลาบละล้วง” ลุงชาติอ่านขาดอย่างคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนมังก่อนก็ไม่ได้ว่าอะไรได้แต่พยักหน้ายิ้มๆให้กับลุงชาติและหลังจากนั้นมนัสก็ชวนลุงชาติคุยนั้นคุยนี่ไปเรื่อยตามประสาคนช่างพูดโดยมีมังกรนั่งเป็นผู้ฟังที่ดีอยู่ข้างๆจนกระทั่งลุงชาติขอตัวพาลูกสาวไปตลาดเมื่อภรรยาสุดที่รักมาเรียก
“เดี๋ยวค่ำๆลุงกลับมาคุยด้วยใหม่นะพ่อนัสพ่อกรลุงขอตัวพายัยหนูไปตลาดก่อน”
ลุงชาติพูดเสร็จก็เดินตรงไปหาลูกสาวที่ยืนรอที่เค้าเตอร์มนัสและมังกรมองตามไปและทำให้มังกรถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูกหัวใจพองโตเต้นระส่ำเหมือนจะหลุดออกมาด้านนอกเมื่อเห็นว่าลูกสาวของลุงชาติกับป้าเพ็ญคือใคร ดุจดาวใช่ดุจดาวจริงๆเขาไม่มีวันลืมผู้หญิงคนนี้หญิงสาวผู้เป็นดั่งดวงใจแม้จะเห็นเพียงแวบเดียวเขาก็รู้ทันทีว่าคือเธอ เวลานี้เหมือนมีน้ำทิพย์หลั่งรินรดหัวใจที่แห้งแล้งของมังกร และเขาก็ไม่รอช้าที่จะเดินไปไขว่คว้าสิ่งที่เขาเฝ้าตามหามานานแสนนานแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมนัสดึงแขนเขาไว้
“แกจะดึงฉันทำไมวะนัสไม่เห็นหรอว่านั้นน้องดาวน้องดาวของฉัน ฉันจะไปหาน้องดาว”
“ฉันรู้แต่แกมีสติหน่อยสิวะกรอยากถูกยิงไส้แตกก่อนได้คุยกับน้องดาวหรอวะ” มนัสพูดเตือนสติเพื่อน
“ฉันไม่กลัวถ้าได้คุยกับน้องดาวถึงตายฉันก็ยอม”มังกรยังดื้อดึงอย่างคนไม่มีสติในตอนนี้สมองของเขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นมีเพียงภาพของดุจดาวดุจดาวแล้วก็ดุจดาวเต็มไปหมดในหัวของเขา
“อย่าเพิ่งบ้าไอ้กรนั่งลงใจเย็นๆค่อยๆคิดค่อยๆทำขืนแกไปตอนนี้มีหวังโดนพ่อตาแกยิงไส้แตกแน่อีกอย่างน้องดาวคงจะช็อคที่เจอแกที่นี่ น้องดาวคงไม่ยอมคุยกับแกดีๆแน่ก็ทำกับเขาไว้ซะขนาดนั้น เรายังอยู่ที่นี่อีหลายวันไว้วางแผนกันดีๆก่อนว่าจะทำยังไงให้แกได้น้องดาวของแกกลับมาแล้วค่อยลงมือเดี๋ยวฉันจะช่วยแกเอง”
มังกรได้สติกลับมาจากคำพูดของเพื่อนรักและนั่งลงที่เดิมก่อนที่ป้าเพ็ญจะเดินเข้ามาหา
“นี่จ๊ะหนุ่มๆกุญแจห้องขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะขึ้นบันไดไปห้องสุดท้ายทางซ้าย แล้วค่ำๆลงมากินข้าวกันที่นี่ป้าจะเป็นคนเตรียมอาหารไว้ให้พวกเราทั้งสามมื้อตรงโต๊ะอาหารหน้าบ้าน แล้วถ้าอยากจะไปขับรถเล่นริมโขงมอเตอร์ไซต์กับจักรยานอยู่ข้างบ้านเอาไปใช้ได้เลยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับป้าขอบคุณที่ทำให้ผมได้อยู่ที่นี่ขอบคุณจริงๆ”มังกรเอ่ยขอบคุณจากใจทำให้คนฟังกลั้นยิ้มไม่อยู่กับความน่ารักของแขกที่มาเยือนทั้งสองคน
“ไม่เป็นไรหรอกลูกเราคนไทยด้วยกันก็เหมือนญาติๆกันมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน งั้นป้าขอตัวไปทำกับข้าวต่อก่อนนะตามสบายนะจ๊ะหนุ่มๆ” ป้าเพ็ญพูดเสร็จเดินหายเข้าไปหลังบ้านซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นห้องครัว และมังกรกับมนัสก็เดินถือกระเป๋าขึ้นห้องพักด้วยหัวใจที่พองโตคนหนึ่งพองโตที่จะได้รับของขวัญจากฟ้ากลับคืนมาอีกคนก็พองโตที่จะได้ช่วยขจัดความเศร้าเสียใจที่สะสมมานานของเพื่อนรักเสียที
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ