ติดที่ 21.46 (-9.12%) รบกวนช่วยวิเคราะห์กราฟ และแนวโน้มธุรกิจด้วยค่ะ
จขกท เชื่อว่าธุรกิจสื่อสารคงจะเติบโต แต่กลัวคิดเข้าข้างตัวเองมากไปค่ะ
และคิดว่า ณ เพลานี้ ควรถัวหรือไม่ และบทวิเคราะห์นี้ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนคะ
BLS.SAMART: ราคาหุ้นลง 30% ซื้อเลย! Issued date : 10/07/2013
Brief :
ประเด็นการลงทุน
ราคาหุ้น SAMART ปรับตัวลดลง 30% นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เนื่องจากแรงขายของต่างชาติ (สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในหุ้น SAMART อยู่ที่ 13.7% ณ วันที่ 9 ก.ค.56 เทียบกับ 15.6% ณ วันที่ 3 มิ.ย.56) ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันถือว่าถูกมากที่อัตราส่วน PER ปี 2556 ซึ่งอยู่ที่ 11.8 เท่าและอัตราส่วน PEG ปี 2556 ซึ่งอยู่เพียงแค่ 0.3 เท่า เราประเมินว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้น SAMART ยังคงแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลง (กำไรสุทธิที่เติบโตแข็งแกร่งได้รับปัจจัยหนุนจาก SIM และมูลค่างานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (backlog) ของ SAMTEL ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง) และถูกมากถ้าเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย PER ของกลุ่มไอซีทีซึ่งอยู่ที่ 18.9 เท่าและค่าเฉลี่ย PEG ของกลุ่มไอซีทีซึ่งอยู่ที่ 2.6 เท่า เราคาดว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มดีดกลับจากระดับราคา ณ ปัจจุบัน เรายังคงยืนยันคำแนะนำ ซื้อ!
ปัจจัยบวก#1: แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2-4/56 เติบโตแข็งแกร่ง
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/56 ที่ 355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% YoY และทรงตัว QoQ และกำไรสุทธิช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ที่ 772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% YoY ถึงแม้ว่าอาจมีความเป็นไปได้การปรับประมาณการกำไรสุทธิของ SAMTEL ลงจากเดิมอีกเล็กน้อยเนื่องจากการเลื่อนรับรู้รายได้ของงานบางโครงการซึ่งล่าช้าออกไป แต่ก็จะถูกชดเชยด้วยกำไรสุทธิของ SIM ในปี 2556 ซึ่งมีแนวโน้มออกมาสูงกว่าคาดอย่างมากจากยอดขายสมาร์ทโฟนที่แข็งแกร่งมากกว่าคาด
ในส่วนของ SIM เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/56 ที่ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 993% YoY และ 41% QoQ เราเชื่อว่าอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดของ SIM จะต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีนี้ โดยเราคาดกำไรสุทธิของ SIM สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ที่ 520 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 327% YoY ความต้องการซื้อเครื่องสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ซึ่งไปเป็นตามอัตราการย้ายลูกค้าไปยังระบบ 3 จีบนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ซ และเนื่องจาก SIM เป็นผู้ประกอบการขายเครื่องโทรศัพท์รุ่นราคาถูกกว่าผู้ประกอบการแบรนด์ใหญ่ เราประเมินว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัวลง ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแรงจูงใจที่จะย้ายไปใช้โครงข่าย 3 จีส่วนหนึ่งเพราะอัตราค่าบริการถูกกว่าอยู่ภายใต้โครงข่าย 2 จี นอกจากนี้กลุ่มประชากรซึ่งมีกำลังซื้อหรือรายได้ระดับต่ำจะหาซื้อเครื่องสมาร์ทโฟนราคาถูกเพื่อเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตไร้สายมากขึ้น
ปัจจัยบวก#2: มูลค่างานโครงการในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (backlog) ยังอยู่ในระดับสูง
มูลค่างานโครงการในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (backlog) ของ SAMTEL ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 9 พันล้านบาท ให้ตั้งข้อสังเกตว่าการทำสัญญาโทรคมนาคมของหน่วยงานภาครัฐจะมีเสถียรภาพและความแน่นอนมากกว่าสัญญากิจการประเภทอื่นๆ ของหน่วยงานภาครัฐถ้ามีสถานการณ์ของความไม่แน่นอนทางการเมืองเกิดขึ้น เราประเมินว่าแทบจะมีน้อยกรณีมากที่สัญญากิจการโทรคมนาคมของหน่วยงานภาครัฐจะถูกยกเลิกเป็นโมฆะและทำการเปิดประมูลใหม่ เราให้สมมติฐานของความเสี่ยงมากที่สุดต่อกา รปรับลดประมาณการกำไรสุทธิในปี 2556 ของ SAMTEL ที่ 10% ถ้ามีการเลื่อนเปิดประมูลโครงการออกไปจากเดิม เรายังคงคาดหวังว่างานโครงการติดตั้งระบบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (เอพีพีเอส) ของการท่าอากาศยานไทย และงานโครงการ 3 จีเฟสสองของทีโอทีมีแนวโน้มเปิดประมูลได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 จนถึงครึ่งแรกของปี 2557
ปัจจัยบวก#3: ราคา ณ ปัจจุบันถูกมาก! มีอัพไซด์ต่อประมาณกำไรสุทธิ
ปัจจัยหนุนราคาหุ้น SAMART ในระยะอันใกล้จะมาจากการที่บริษัทสามารถ เอ็นจิเนียริ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิตัล และการเริ่มรับรู้รายได้จากการขายกล่องรับสัญญาณทีวีระบบดิจิตัล การประมูลงานโครงการติดตั้งระบบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (เอพีพีเอส) ซึ่งมีแนวโน้มเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 และโครงการ 3 จีเฟสสองซึ่งมีแนวโน้มเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ถือว่าเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการรายได้และกำไรสุทธิของ SAMTEL นอกจากนี้แผนการนำเอาบริษัทวันทูวัน คอนแทกส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 และบริษัทสามารถ ยูทรานส์เข้าจะทะเบียนในตลาดฯ ภายในปี 2557 ถือว่าเป็นการปลดล็อคมูลค่าพื้นฐานของ SAMART ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต
Recommend :
คำแนะนำพื้นฐาน: ซื้อ
เป้าหมายพื้นฐาน: 33.00 บาท
Link to file attachment : SAMART130710(T).pdf
ช่วยวิเคราะห์ SAMART ด้วยค่ะ.....
จขกท เชื่อว่าธุรกิจสื่อสารคงจะเติบโต แต่กลัวคิดเข้าข้างตัวเองมากไปค่ะ
และคิดว่า ณ เพลานี้ ควรถัวหรือไม่ และบทวิเคราะห์นี้ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนคะ
BLS.SAMART: ราคาหุ้นลง 30% ซื้อเลย! Issued date : 10/07/2013
Brief :
ประเด็นการลงทุน
ราคาหุ้น SAMART ปรับตัวลดลง 30% นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เนื่องจากแรงขายของต่างชาติ (สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในหุ้น SAMART อยู่ที่ 13.7% ณ วันที่ 9 ก.ค.56 เทียบกับ 15.6% ณ วันที่ 3 มิ.ย.56) ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันถือว่าถูกมากที่อัตราส่วน PER ปี 2556 ซึ่งอยู่ที่ 11.8 เท่าและอัตราส่วน PEG ปี 2556 ซึ่งอยู่เพียงแค่ 0.3 เท่า เราประเมินว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้น SAMART ยังคงแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลง (กำไรสุทธิที่เติบโตแข็งแกร่งได้รับปัจจัยหนุนจาก SIM และมูลค่างานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (backlog) ของ SAMTEL ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง) และถูกมากถ้าเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย PER ของกลุ่มไอซีทีซึ่งอยู่ที่ 18.9 เท่าและค่าเฉลี่ย PEG ของกลุ่มไอซีทีซึ่งอยู่ที่ 2.6 เท่า เราคาดว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มดีดกลับจากระดับราคา ณ ปัจจุบัน เรายังคงยืนยันคำแนะนำ ซื้อ!
ปัจจัยบวก#1: แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2-4/56 เติบโตแข็งแกร่ง
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/56 ที่ 355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% YoY และทรงตัว QoQ และกำไรสุทธิช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ที่ 772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% YoY ถึงแม้ว่าอาจมีความเป็นไปได้การปรับประมาณการกำไรสุทธิของ SAMTEL ลงจากเดิมอีกเล็กน้อยเนื่องจากการเลื่อนรับรู้รายได้ของงานบางโครงการซึ่งล่าช้าออกไป แต่ก็จะถูกชดเชยด้วยกำไรสุทธิของ SIM ในปี 2556 ซึ่งมีแนวโน้มออกมาสูงกว่าคาดอย่างมากจากยอดขายสมาร์ทโฟนที่แข็งแกร่งมากกว่าคาด
ในส่วนของ SIM เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/56 ที่ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 993% YoY และ 41% QoQ เราเชื่อว่าอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดของ SIM จะต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีนี้ โดยเราคาดกำไรสุทธิของ SIM สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ที่ 520 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 327% YoY ความต้องการซื้อเครื่องสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ซึ่งไปเป็นตามอัตราการย้ายลูกค้าไปยังระบบ 3 จีบนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ซ และเนื่องจาก SIM เป็นผู้ประกอบการขายเครื่องโทรศัพท์รุ่นราคาถูกกว่าผู้ประกอบการแบรนด์ใหญ่ เราประเมินว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัวลง ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแรงจูงใจที่จะย้ายไปใช้โครงข่าย 3 จีส่วนหนึ่งเพราะอัตราค่าบริการถูกกว่าอยู่ภายใต้โครงข่าย 2 จี นอกจากนี้กลุ่มประชากรซึ่งมีกำลังซื้อหรือรายได้ระดับต่ำจะหาซื้อเครื่องสมาร์ทโฟนราคาถูกเพื่อเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตไร้สายมากขึ้น
ปัจจัยบวก#2: มูลค่างานโครงการในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (backlog) ยังอยู่ในระดับสูง
มูลค่างานโครงการในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (backlog) ของ SAMTEL ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 9 พันล้านบาท ให้ตั้งข้อสังเกตว่าการทำสัญญาโทรคมนาคมของหน่วยงานภาครัฐจะมีเสถียรภาพและความแน่นอนมากกว่าสัญญากิจการประเภทอื่นๆ ของหน่วยงานภาครัฐถ้ามีสถานการณ์ของความไม่แน่นอนทางการเมืองเกิดขึ้น เราประเมินว่าแทบจะมีน้อยกรณีมากที่สัญญากิจการโทรคมนาคมของหน่วยงานภาครัฐจะถูกยกเลิกเป็นโมฆะและทำการเปิดประมูลใหม่ เราให้สมมติฐานของความเสี่ยงมากที่สุดต่อกา รปรับลดประมาณการกำไรสุทธิในปี 2556 ของ SAMTEL ที่ 10% ถ้ามีการเลื่อนเปิดประมูลโครงการออกไปจากเดิม เรายังคงคาดหวังว่างานโครงการติดตั้งระบบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (เอพีพีเอส) ของการท่าอากาศยานไทย และงานโครงการ 3 จีเฟสสองของทีโอทีมีแนวโน้มเปิดประมูลได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 จนถึงครึ่งแรกของปี 2557
ปัจจัยบวก#3: ราคา ณ ปัจจุบันถูกมาก! มีอัพไซด์ต่อประมาณกำไรสุทธิ
ปัจจัยหนุนราคาหุ้น SAMART ในระยะอันใกล้จะมาจากการที่บริษัทสามารถ เอ็นจิเนียริ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิตัล และการเริ่มรับรู้รายได้จากการขายกล่องรับสัญญาณทีวีระบบดิจิตัล การประมูลงานโครงการติดตั้งระบบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (เอพีพีเอส) ซึ่งมีแนวโน้มเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 และโครงการ 3 จีเฟสสองซึ่งมีแนวโน้มเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ถือว่าเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการรายได้และกำไรสุทธิของ SAMTEL นอกจากนี้แผนการนำเอาบริษัทวันทูวัน คอนแทกส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 และบริษัทสามารถ ยูทรานส์เข้าจะทะเบียนในตลาดฯ ภายในปี 2557 ถือว่าเป็นการปลดล็อคมูลค่าพื้นฐานของ SAMART ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต
Recommend :
คำแนะนำพื้นฐาน: ซื้อ
เป้าหมายพื้นฐาน: 33.00 บาท
Link to file attachment : SAMART130710(T).pdf