ข้อ 10.. Vi & Vs.. ขายส่วนที่ขาดทุน เก็บส่วนที่กำไรไว้ก่อน (ตลาดขาขึ้น)
(อธิบาย... เมื่อตลาดขาขึ้น หุ้นส่วนใหญ่ควรต้องขึ้น หากในพอร์ตกลับมีหุ้นขาดทุน แสดงว่าหุ้นนั้นไม่ขึ้นตามสภาวะตลาดหรืออาจสวนทางตลาด จึงต้องขายหุ้นนั้นไปก่อน ส่วนหุ้นที่กำไรในพอร์ตคงถือไว้ก่อน เพื่อให้กำไรเพิ่มพูนจนกว่าตลาดอิ่มตัว)
ข้อ 11 ..Vs...การวิเคราะห์ราคาเมื่อสัปดาห์ก่อน ไม่มีความหมายใดๆ ในปัจจุบันแล้ว อย่าหลงเชื่อตัวเลขที่ผ่านมาเกิน 3 วัน
(อธิบาย ...ในตลาดหุ้นมักมีข่าวออกมาบ่อย ๆ เสมอ ซึ่งจะปรากฏเป็นทั้งข่าวจริงและข่าวลือ จะมีผลต่อราคาหุ้นขณะนั้นๆ ทันที พวกข่าวจริง หลังเวลาผ่านไป ราคาหุ้นจะทรงๆ หรือค่อย ๆ อ่อนลง ส่วนพวกข่าวลือ ราคาหุ้นจะอ่อนลงรวดเร็วพร้อมกับไม่มีคนเล่นอีก วอลุ่มก็หายตามไปด้วย จัดเป็นหุ้นตีหัวเข้าบ้าน หรือหุ้นเน่าชอบแห่ตามหุ้นอื่น ฯลฯ)
ข้อ 12 ..Vs..จงระวังหุ้นที่ไม่ขึ้นหรือไม่ลง ตามสภาวะตลาดรวมขณะนั้นๆ หุ้นพวกนี้มักทำให้คนเข้าไป เจ็บปวดมากที่สุด
(อธิบาย ...ธรรมชาติของหุ้นที่น่าเล่น ควรเป็นหุ้นที่ตามกระแสตลาดเสมอ แต่จะมีหุ้นที่ฝืนตลาด มักเป็นจุดเด่นสะดุดตาทำให้คนอยากเข้าไปลอง ทั้งที่ไม่รู้เหตุผลที่ไปที่มาทำไมต้องสวนตลาด หุ้นพวกนี้ส่วนใหญ่มีการเข้าไปสร้างราคาเสมอ ทั้งข่าวลวงหรือข่าวดีเกินจริงมากมาย มิเช่นนั้นหุ้นพวกนี้จะไม่มีคนสนใจหากไม่ทำเช่นนั้น จัดเป็นหุ้นป่วยนอนยาว นานๆก็พลิกตัวทีแล้วหลับต่อ)
ข้อ 13..Vi & Vs.. ในตลาดหุ้น ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเสมอ
(อธิบาย...เนื่องจากระบบตลาดหุ้น มีเป้าประสงค์แบบเดียวกันเป็นหลัก เช่น บจ เข้ามาเพื่อต้องการ หาโอกาสเพิ่มทุนในต้นทุนประหยัดไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ส่วน ตลาดหุ้นเองก็ทำหน้าที่เสมือนกรรมการจัดสรรดูแลการค้าหุ้นให้ยุติมากที่สุดและได้รายรับจากค่าสมาชิกของ บจ เป็นรายปี ส่วนนักลงทุน นักค้าหุ้น นักเก็งกำไร หรือนักพนัน ก็ได้กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นที่ตนขาย หรือส่วนลดภาษี ฯลฯ เป็นเป้าหมายคงที่ ดังนั้นจึงเกิดธุรกรรมซื้อขาย หุ้นเข้าใหม่ และมีหุ้นออกจากตลาด สร้างพฤติกรรมคงที่ ตามวัฏจักรหมุนเวียนตามสภาวะ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะเกิดเหตุการณ์ซื้อๆขายๆตามสภาวะคงที่ มีกระทิง มีหมี มี sideway มีซึมคงที่ ไม่มีกระโดดออกสู่เรื่องอื่นหรือนอกกรอบนอกประเด็นจากนี้ จึงก่อให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเสมอ ๆ ซ้ำรอยในอดีต )
ตำราเล่นหุ้น.....(ต่อ2)
(อธิบาย... เมื่อตลาดขาขึ้น หุ้นส่วนใหญ่ควรต้องขึ้น หากในพอร์ตกลับมีหุ้นขาดทุน แสดงว่าหุ้นนั้นไม่ขึ้นตามสภาวะตลาดหรืออาจสวนทางตลาด จึงต้องขายหุ้นนั้นไปก่อน ส่วนหุ้นที่กำไรในพอร์ตคงถือไว้ก่อน เพื่อให้กำไรเพิ่มพูนจนกว่าตลาดอิ่มตัว)
ข้อ 11 ..Vs...การวิเคราะห์ราคาเมื่อสัปดาห์ก่อน ไม่มีความหมายใดๆ ในปัจจุบันแล้ว อย่าหลงเชื่อตัวเลขที่ผ่านมาเกิน 3 วัน
(อธิบาย ...ในตลาดหุ้นมักมีข่าวออกมาบ่อย ๆ เสมอ ซึ่งจะปรากฏเป็นทั้งข่าวจริงและข่าวลือ จะมีผลต่อราคาหุ้นขณะนั้นๆ ทันที พวกข่าวจริง หลังเวลาผ่านไป ราคาหุ้นจะทรงๆ หรือค่อย ๆ อ่อนลง ส่วนพวกข่าวลือ ราคาหุ้นจะอ่อนลงรวดเร็วพร้อมกับไม่มีคนเล่นอีก วอลุ่มก็หายตามไปด้วย จัดเป็นหุ้นตีหัวเข้าบ้าน หรือหุ้นเน่าชอบแห่ตามหุ้นอื่น ฯลฯ)
ข้อ 12 ..Vs..จงระวังหุ้นที่ไม่ขึ้นหรือไม่ลง ตามสภาวะตลาดรวมขณะนั้นๆ หุ้นพวกนี้มักทำให้คนเข้าไป เจ็บปวดมากที่สุด
(อธิบาย ...ธรรมชาติของหุ้นที่น่าเล่น ควรเป็นหุ้นที่ตามกระแสตลาดเสมอ แต่จะมีหุ้นที่ฝืนตลาด มักเป็นจุดเด่นสะดุดตาทำให้คนอยากเข้าไปลอง ทั้งที่ไม่รู้เหตุผลที่ไปที่มาทำไมต้องสวนตลาด หุ้นพวกนี้ส่วนใหญ่มีการเข้าไปสร้างราคาเสมอ ทั้งข่าวลวงหรือข่าวดีเกินจริงมากมาย มิเช่นนั้นหุ้นพวกนี้จะไม่มีคนสนใจหากไม่ทำเช่นนั้น จัดเป็นหุ้นป่วยนอนยาว นานๆก็พลิกตัวทีแล้วหลับต่อ)
ข้อ 13..Vi & Vs.. ในตลาดหุ้น ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเสมอ
(อธิบาย...เนื่องจากระบบตลาดหุ้น มีเป้าประสงค์แบบเดียวกันเป็นหลัก เช่น บจ เข้ามาเพื่อต้องการ หาโอกาสเพิ่มทุนในต้นทุนประหยัดไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ส่วน ตลาดหุ้นเองก็ทำหน้าที่เสมือนกรรมการจัดสรรดูแลการค้าหุ้นให้ยุติมากที่สุดและได้รายรับจากค่าสมาชิกของ บจ เป็นรายปี ส่วนนักลงทุน นักค้าหุ้น นักเก็งกำไร หรือนักพนัน ก็ได้กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นที่ตนขาย หรือส่วนลดภาษี ฯลฯ เป็นเป้าหมายคงที่ ดังนั้นจึงเกิดธุรกรรมซื้อขาย หุ้นเข้าใหม่ และมีหุ้นออกจากตลาด สร้างพฤติกรรมคงที่ ตามวัฏจักรหมุนเวียนตามสภาวะ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะเกิดเหตุการณ์ซื้อๆขายๆตามสภาวะคงที่ มีกระทิง มีหมี มี sideway มีซึมคงที่ ไม่มีกระโดดออกสู่เรื่องอื่นหรือนอกกรอบนอกประเด็นจากนี้ จึงก่อให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเสมอ ๆ ซ้ำรอยในอดีต )