เราควรทำอย่างไงดี

เราชอบหมอเจ้าของไข้ของตัวเอง  เราชอบเค้ามาก ไม่รู้ทำไม อยากไปหา อยากจะอยู่ใกล้ๆ
บางครั้งเเสดงให้เห็นเลยว่าเราชอบหมอมาก เช่น โทรไปหา  ซื้อหนมไปฝาก(ไม่บ่อยขึ้นอยู่เเต่ละโอกาสค่ะ)  ทั้งๆที่ในใจส่วนหนึ่งรู้สึกดีเเต่อีกส่วนหนึ่งก็ละอายใจค่ะที่เป็นผู้หญิงไล่ตามผู้ชายขนาดนี้  (เเต่ขอบอกเลยน่ะค่ะว่าเป็นผู้ชายคนเเรกเลยที่เราทำขนาดนี้ ปกติไม่เคยทำให้ใครเเม้เเต่อดตีเเฟนยังไม่คิดจะทำ  หรือว่าเคยชอบหมอคนไหนมาก่อนเพราะปกติเป้นคนป่วยบ่อยกลับรู้สึกว่าการพบหมอเป็นเรื่่องน่ารำคาญเเละน่าเบี่่อ) เเต่สำหรับหมอคนนี้เรารู้สึกชอบตั้งเเต่เห็นครั้งเเรก  เเบบว่าถูกใจ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ชอบคนหน้าตาเเบบนี้  หุ่นเเบบนี้เลยดูเเล้วออกขี้เหร่ด้วยซ้ำ  เเต่ไม่รู้ทำไมใจมันกลับสวนทาง  ในใจเราก็คิดว่าสงสัยอาจเป็นเพราะเราป่วยก็ได้มั่งพอมีใครเข้ามาดูเเลเลยรู้สึกดีเเต่ เอ๊ะ เราก็รู้สึกดีเเละชอบตั้งเเต่ยังไม่รักษาด้วยซ้ำ
    ขอเล่าต่อเลยน่ะค่ะ   อย่างที่เล่าไปน่ะค่ะว่าเเสดงออกให้เห็นว่าชอบมาก ตัวเรารู้สึกได้เลยว่าตัวเองข้ามเส้นความเป็นคนไข้กับหมอออกมาเยอะ  ก็เลยได้เเต่ปลอบตัวเองว่่าอย่าฝันไกล  เราต้องเเยกให้ออกระหว่างรักกับหลง   ยิ่งตอนเเรกๆในการรักษาเรารู้สึกได้ว่าหมออึดอัดเเละก็ลำบากใจที่รักษาเรามาก  ยิ่งเห็นท่าทีที่หมอเเสดงให้เราเห็นเรายิ่งรู้สึกผิด  ที่ตัวเองคิดไปในทางที่ไม่ดี  ได้เเต่พยามสั่งตัวเองให้เลิกเพ้อเจ้อ  เเล้วด้วยมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่สามารถมาตามนัดได้ตามปกติเราเลยถือโอกาสใช้ช่วงนี้ในการตัดใจ  เผื่อว่าวันเวลาจะเป็นตัวเยียวยารักษาความฝันเฟื่อนได้  อย่างมากเราก็อยากรู้ว่าจิงๆเเล้วเรารักหรือว่าหลงกันเเเน่
    เเต่เเล้วสิ่งที่เรากลัวที่สุดก็กลายเป็นจริง ก็คือ  ยิ่งเราสั่งตัวเอง บังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงหมอ   ยิ่งทำให้เราค้นพบว่าใจตัวเองต้องการมากเท่านั้น  กลายเป็นว่าเรายิ่งโกรธตัวเอง เกลียดตัวเองที่กลายเป็นคนที่ใช้ความรู้สึกมากกว่าการใช้เหตุผล  ทั้งๆที่เเต่ก่อนคนที่มักใช้เหตุผลมาก่อนเสมอ  หลังๆเราก็หันมาใช้วิธีหักดิบกับตัวเอง เเต่นั้นก็ที่โบราณท่านว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ  เเทนที่จะได้ผลกลายเป็นว่า ไม่มีเหตุข้อไหนดีพอที่ใจเราต้องการซักที  คราวนี้กลายเป็นว่าเมื่อเราบังคับตัวเองไม่ได้ก็กลายเป็นคนร้องไห้ง่าย  เผลอไม่ได้เป็นร้องไห้ตลอด
    เเต่เราก็ไม่ละความพยายาม เรายังเชื่อว่าวันหนึ่งเราต้องตัดใจได้เเน่ๆ เราก็ลองใช้วิธีทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้  จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน
    เเต่พอถึงวันนัด (เราไม่ได้ไปตามนัดหลายเดือน) เราก็กะว่าคราวนี้จะให้หมอจ่ายยาตามเติมโดยไม่ต้องรอพบหมอ   คราวนี้ระหว่างรอคุณพยาบาลเเจ้งหมออยู่   หมอก็สั่งให้เรารอพบก่อน (ลังเลค่ะ ตื้นเต้นด้วย) เเล้วหมอก็ออกมาเรียกเราเองหน้าห้อง (ปกติหมอจะนั่งรอเเต่ในห้อง)
พอเราเข้าไปนั่งในห้อง เราได้เเต่ยิ้มๆไม่กล้าพูดอาไรมาก  ถามคำตอบคำ  เเต่คราวนี้หมอพยามมากในการชวนคุย  ชวนพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้
พยายามเยื้อให้เราพูดด้วยนาน(ขนาดตัวเราเองยังรู้สึกว่านาน)พอเราจะกลับก็จะเเซวโน้นเรื่องนี้ให้เรางอนอีก
พอเราออกมาจากห้องเพื่อนที่มาด้วยกันยังบ่นว่าทำไมเเกเข้าไปนานนักว่ะ (ตอนที่เพื่อนบ่นก็ยังไม่สนเท่าที่ตัวเองงงว่าเกิดอาไรขึ้นว่ะ)
    ตอนนั้นคิดในใจว่า นัดครั้งหน้าหมอก็คงทำตัวเหมือนครั้งที่เเล้วๆมา  เเต่เพียงในครั้งนี้หมอคงจะอารมณ์ดีหรือไม่เเค่ต้องการเอาใจเราฐานะคนไข้คนหนึ่ง
    เเละเเล้วมาถึงมาวันในนัดครั้งถัดมา คราวนี้มาตัวคนเดียว (ในใจตอนนั้นบอกตัวเองว่าถ้าวันนี้หมอน่ารักเหมือนครั้งที่เเล้วก็เหมือนถูกหวยรัฐบาลรางวัลที่ 1 เเน่ๆเเต่อีกใจหนึ่งก็บอกตัวเองว่า เมื่อไหร่จะเลิกฝันลมๆเเล้งๆซักที) ..พอคุณพยาบาลเรียกชื่อเข้าไปนั่งในห้อง  พอเรานั่งลงปุป  เเล้วมันก็เหมือนเทปม้วนเดิมที่เกิดขึ้นในครั้งที่่เเล้ว คือ หมอยิ้มเก่ง หัวเราะง่าย เราเล่าอะไรก็ดูเป็นเรื่องตลกน่าขบขันไปหมด เเล้วชอบเเซวโน้นนี้เราตลอดโดยเฉพาะเรื่องเราลืมทานยา  กว่าจะคุยกันเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสองชั่วโมง   พอเราต้องเดินไปเคาเตอร์จ่ายยา ก็มีพี่พยาบาลที่คุ้นเคยกันดีหน้าห้องคุณหมอเดินมาส่งเเล้วก็พูดให้เราฟังว่า  คุณหมอชอบคุยกับเรามาก (เราก็เนียนยิ้มกลบเกลื่อนไป) ถ้าพูดถึงเราทีไรหมอก็จะยิ้มเเละหัวเราะตลอด  หลังจากนั้นในทุกนัดที่เจอหมอก็เป็นอย่างนี้มาตลอดเเล้วเรื่องที่เราคุยกับหมอเเทบจะไม่ได้คุยถึงเรื่องอาการป่วยเลย
   เพื่อนๆค่ะช่วยคิดทีเถอะค่ะว่าเราควรทำไงดี   เราเเค่อยากรู้น่ะค่่ะว่าเพื่อนๆคิดยังไงช่วยเราด้วยน่ะค่ะคือตอนนี้เราสับสนใจมาก จริงๆมีเรืื่องราวมากมายอยากจะถามเเต่ขอเล่าเเค่นี้ก่อนน่ะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่