เส้นขนานสองหัวใจ บทที่ ๒๗

กระทู้สนทนา
บทนำ - ตอนล่าสุด http://my.dek-d.com/thezircon/writer/view.php?id=893020

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

27

"เกดกลับก่อนนะคะอาม้า"

เกตน์สิรีบอกลาผู้สูงวัยหลังได้รับข้อความจากปีแสงว่าเขาจะมารับ และตอนนี้กำลังรอยังชั้นล่างของโรงพยาบาล ดรุณีเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์มองว่าที่สะใภ้ แปลกใจที่เจ้าหล่อนไม่กลับพร้อมกันอย่างเคย

"ไม่กลับพร้อมอาม้าล่ะ แล้วจะกลับยังไง"

"พี่ปอมารับน่ะค่ะ" เธอตอบโดยไม่รู้ปัญหาระหว่างรุ่นพี่ทั้งสอง

ผู้อาวุโสกว่าก็เช่นกัน ท่านพยักหน้ารับรู้ ทว่าคนบนเตียงกำมือแน่น ดวงตาวาวโรจน์ เพื่อนทรยศ มันจงใจส่งข้อความลับหลังเขา แล้วยังมีอะไรอีกที่มันลักลอบทำยามเขาไม่รู้ตัว

ถ้าอย่างนั้นก็ให้มันรอไปเถอะ!

"ยังไม่ไปไม่ได้เหรอน้องเกด" เขาคว้าไม้ค้ำมายันใต้รักแร้ ทำท่าจะฝึกเดินอย่างที่แพทย์แนะนำ

แล้วก็เป็นดังคาดเมื่อเกตน์สิรีปรี่มาช่วยประคองขณะเขาหย่อนขาลงจากเตียง มารดาอุทานตกใจ รีบพับเก็บหนังสือพิมพ์มาช่วยประคองอีกคน

"ไหนน้องเกดบอกว่าจะพาพี่เดินเล่นไง"

"แต่นี่ก็เย็นแล้วนะคะ ข้างนอกคงมืดแล้ว" เธอท้วง

"งั้นพี่เดินไปส่งละกัน"

ดวงตาเรียวเข้มขึ้นอย่างไม่ให้ต่อรอง ดรุณีผงกศีรษะส่งสัญญาณให้ตามใจคนป่วย เกตน์สิรีจำต้องคล้อยตาม เธอเข็นเก้าอี้เข็นมาให้เขานั่ง ก่อนจิรายุจะหย่อนกายลง พาดไม้ค้ำยันไว้ระหว่างขาตน

"ไปไหนกันค้า" เสียงพยาบาลหรือแม้แต่แม่บ้านเอ่ยทักชายหนุ่มตลอดระเบียงทางเดินซึ่งเปิดไฟสว่าง เป็นคำถามเชิงทักทายมากกว่าต้องการคำตอบ

กระจกใสบานใหญ่บริเวณที่โล่งหน้าลิฟท์ฉายภาพท้องฟ้ามืดภายนอก เลยเวลาเคารพธงชาติไม่นาน ดวงจันทร์ก็ลอยเด่นกลางนภา แล้วจิรายุก็ได้ตระหนักว่าตนอุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมหลังม่านพรางกั้น ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมาแรมเดือน

ลิฟท์เดินทางจากชั้นเจ็ดสู่ชั้นล่างโดยไม่ได้แวะพัก ชั่วอึดใจโถงใหญ่ของโรงพยาบาลก็เผยสู่สายตา เขาสังเกตเห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตยีนส์อย่างที่เพื่อนชอบใส่ได้แทบจะทันทีที่เก้าอี้ถูกเข็นออกมานอกลิฟท์ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมองมาทางลิฟท์อยู่ก่อนแล้วและเห็นพวกเขาเช่นกัน

คนเจ็บยกมือแตะมือบางของหญิงสาว เมื่อเธอหยุดรถแล้วเขาจึงใช้ไม้ค้ำพยุงตัวลุก เกตน์สิรีแทบประคองไม่ทันเมื่อร่างสูงในชุดผ้าฝ้ายสีเขียวเซเสียหลักไปก้าว คางสากซึ่งห่างมีดโกนมานานเบียดชนแก้มเนียน...แนบเนียนสมความตั้งใจ

"พี่ขอโทษ น้องเกดเจ็บไหม"

เขาถอยออกมานิดหนึ่งเมื่อทรงตัวดีแล้ว หญิงสาวสั่นศีรษะว่าไม่เป็นไร พลางจับแขนอีกฝ่ายประคองอย่างระมัดระวัง

"อย่าเพิ่งหักโหมเลยนะคะ นั่งรถเข็นเถอะค่ะ" เสียงหวานเตือนอย่างเป็นกังวล เธอไม่ทันสังเกตเห็นพี่ชายเสียด้วยซ้ำ

"ไหวน่า พี่อยาก 'อวด' ไอ้ปอมัน"

จิรายุหันมายิ้ม สุขใจกับความใกล้ชิด แล้วยังเป็นสุขกับการจินตนาการถึงสีหน้าของเพื่อนที่ยืนแข็งเป็นหินอยู่ไกลๆ ยามได้รับ 'เซอร์ไพรส์' จากตน

.................................................

คนทั้งสามก้าวตรงใกล้เข้ามา... ช่างเป็นภาพครอบครัวอบอุ่นเหลือเกิน เมื่อคนเจ็บมีหญิงสาวประคองจนแทบจะตระกอง เป็นไม้ค้ำมีชีวิตที่ผู้ครอบครองคงห่วงแหนนักหนา จึงได้โอบเจ้าหล่อนไว้เสียแน่น ขนาบอีกข้างด้วยมารดาซึ่งเข็นเก้าอี้ตามมา

"นั่นไง อาปอ" ดรุณีร้องบอกไม่เบานัก

เกตน์สิรีเงยขึ้นมองทางเบื้องหน้าเมื่อก้าวย่างของรุ่นพี่หนุ่มมั่นคงดีแล้ว ก็ได้เห็นพี่ปอของเธอพนมมือไหว้ผู้สูงวัย ก่อนเขาจะเป็นฝ่ายเดินมาหา พร้อมกับที่พวกเธอชะลอฝีเท้าลง

จิรายุปล่อยแขนซึ่งโอบคนรักมายืนทรงตัวให้มั่น เขายิ้มให้เพื่อนเหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง ทว่าเมื่อปีแสงก้าวเข้ามาใกล้ คนเจ็บก็กลับเซเสียอย่างนั้น ผู้ดูแลซึ่งอยู่ใกล้ทั้งสองรีบเข้ามาประคอง หากร่างสูงนั้นช่างเสียหลักได้แม่นยำ จมูกโด่งสวยฝังลงบนแก้มนวลใกล้จมูกรั้นของเกตน์สิรี ริมฝีปากแตะยังมุมปากอิ่ม เสี้ยววินาทีแต่นานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ ปีแสงต้องเบือนหน้าหนีพลางข่มอารมณ์หึงหวงที่ปะทุขึ้นมา

"นั่งลงเลยอาแบงค์ นั่งลงเลย เดี๋ยวได้ล้มทับน้องแขนหักขาหักไปอีกคน" มารดาเอ็ดพลางรั้งบุตรชายให้นั่งลง

จิรายุยอมทรุดตัวนั่งโดยดี เขาสบตาเพื่อนพลางไหวไหล่ยียวน

เกตน์สิรีก้าวไปยืนเยื้องหลังพี่ชาย ไม่กล้าสบตาใครสักคนในที่นั้น ไม่ว่าอุบัติเหตุเมื่อครู่จะเป็นความบังเอิญหรือจงใจ นั่นก็ทำให้เธอหัวเสีย อับอายได้เท่าๆ กัน

"นี่จะไปไหนกันต่อฮึ อาแบงค์มันเห็นปอไม่ขึ้นไปเลยอยากลงมาหา เดินไม่คล่องยังทำซ่าส์ ไอ้ลูกคนนี้" ดรุณีถามตรงเพราะมั่นใจว่าเด็กสองคนนี้ไม่คิดถือสา

"ผมนัดเกดไปช่วยเลือกซื้อของขวัญให้แม่น่ะฮะ" ปีแสงตอบสุภาพ

"อ๋อ งั้นก็ไปกันเถอะนะ เดี๋ยวจะถึงบ้านมืดค่ำ" ผู้สูงวัยเอ่ยหวังดีพลางรับไหว้

ไม่มีคำลาระหว่างเพื่อน นอกจากสายตาสบประสานซึ่งกร้าวกระด้างไม่แพ้กัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่