*** วันที่หนูมีความสุขที่สุดในชีวิต เมื่อรู้ว่ามีเนื้องอกในสมอง *** (กระทู้ระบาย และรู้สึกผิด)

กระทู้สนทนา
>>>โรคร้ายไม่ได้นำพาความทุกข์ใจ และความเจ็บปวดมาหาเราเสมอไป เช่นในน้องสาวของ จขกท. โรคร้ายกลับพาความสุขใจอันเปี่ยมล้นเข้ามาในชีวิต...

(กระทู้นี้ยาวสักนิดนึงนะคะ)

          ลูกพี่ลูกน้องของ จขกท. อายุ 12 ปี เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาที่อยู่กับปู่ และย่ามาตั้งแต่เกิด
พ่อกับแม่แยกย้ายไปทำงานใน กทม.

          ต่อมา เมื่อปู่แยกทางกับย่าไปแต่งงานใหม่ ก็ได้ย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดกับย่าสองคน และพ่อก็ย้ายตามมาอยู่ด้วย
แต่แม่ยังทำงานใน กทม.ปีนึงจะมาหาน้องสัก 2-3 ครั้ง

          น้องเป็นเด็กหัวไม่ดี พูดเก่ง (ค่อนไปทางพูดมาก ยุ่งเรื่องของคนอื่น)  เวลาพ่อหรือย่าสั่งงานอะไร น้องก็จะทำตามได้ไม่หมด เมื่อถามก็จะตอบว่าจำไม่ได้ ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในสิ่งที่เคยพูด เคยเตือน แล้วก็จะโดนพ่อทำโทษอย่างแรง (เช่นเตะบ้าง ตบบ้าง) แต่ในความรู้สึกของ จขกท. ตอนนั้น น้องคนนี้ค่อนข้างดื้อ สอนอะไรไม่เคยจำ คล้ายเด็กสมาธิสั้น แต่ไม่ใช่ (เพราะเคยพาไปหาหมอ)

          ญาติพี่น้องทุกคนแทบจะไม่มีใครชอบน้องคนนี้เอาซะเลย แกล้งบ้าง ด่าทอบ้าง จ้องจับผิด เหน็บแนม ว่าอ้วนบ้าง ดำบ้าง โง่บ้าง
แต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่รัก หรือเกลียด แต่สามารถเรียกได้ว่าเกิดมาอาภัพ ใครได้สัมผัสจะไม่ชอบน้องเลยทีเดียวเป็นอย่างนี้ตั้งแต่น้องเป็นเด็กจนโต

          ช่วงปีสองปีหลังมานี้พ่อของน้องเค้าเลิกทำโทษน้องเค้าแรงๆแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า "ทำไปก็ตายเปล่า มันไม่เคยจำ" แต่ก็ยังโดนทำโทษอยู่ทุกวัน ซึ่งเรื่องโดนทำโทษแรงๆนั้น ทางญาติพี่น้องก็ไม่ได้นิ่งดูดาย เพราะถึงจะไม่ชอบน้อง แต่ก็รู้สึกว่ามันรุนแรงเกินไป
แต่ยากที่จะพูด เพราะเป็นคนนอก มีแต่พ่อกับแม่ของ จขกท. เท่านั้นที่พ่อของน้องเค้าจะเชื่อ และรับฟัง
          เมื่อน้องโดนทำโทษ พ่อของ จขกท. ก็จะซักถามพ่อของน้องเค้าว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อของน้องก็ระบายให้ฟังว่าเป็นเรื่องเดิมๆ (เรียกว่าทุกคนระอาแล้ว)

         และสัปดาห์ที่แล้ว อาจารย์ที่ปรึกษาของน้องโทรมาหาพ่อน้อง แล้วบอกว่าน้องไม่ตั้งใจเรียนเลย อยากจะมาพบผู้ปกครอง
พ่อเค้าเลยมาสอบถามน้องว่าทำไมไม่ตั้งใจเรียน น้องก็ตอบว่ามองไม่เห็นกระดานดำ จะนั่งหน้าเพื่อนๆก็ไล่ไปนั่งหลัง
พวกเราก็เลยตัดสินใจพาน้องไปหาหมอตาเพื่อวัดสายตา เพราะก่อนหน้านี้น้องก็มีอาการปวดหัว คลื่นไส้ ร่วมด้วย (แต่กระนั้นก็เถอะ ทุกคนก็ว่าน้องว่าดูทีวีมากไปบ้าง สมน้ำหน้าบ้าง) พอเข้าพบจักษุแพทย์ หมอตรวจอาการ ซักถาม แล้วหมอก็พูดขึ้นมาว่า "เรื่องใหญ่ละ ปลายประสาทตาอักเสบ ต้องไปสแกนสมองนะ"...
          วันต่อมาก็พาน้องไปสแกนสมอง พอผลฟิล์มออกมา ปรากฏว่าน้องมีก้อนที่สมองขนาด 5 ซม. ใหญ่จนไปกดส่วนต่างๆ ทำให้น้องมองไม่เห็นแล้ว แขนขาเริ่มไม่มีแรง ความจำสั้น...เมื่อญาติพี่น้องทุกคนทราบ ถึงกับอึ้ง เกิดความสงสารขึ้นมา และรู้สึกผิด เสียใจมาก เมื่อหมอบอกว่าน่าจะเริ่มเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว และต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
          เมื่อวานนี้น้องถูกส่งตัวไปที่ รพ.รัฐบาลชื่อดังใน กทม. เพื่อได้รับการผ่าตัด แต่หมอของสแกนสมองอีกหนึ่งครั้ง
ผลออกมาว่า น้องมีก้อนในสมองจริง แต่ที่ทำให้ทุกคนปล่อยโฮครั้งใหญ่ก็คือ หมอระดมทีมแพทย์ แล้วแจ้งญาติว่ารอไม่ได้แล้ว สมองน้องบวมมาก ต้องรีบเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน
          น้องเข้ารับการผ่าตัดแล้ว เมื่อ13.00 น. ของวันนี้ ณ เวลานี้ทุกคนเสียใจกับสิ่งที่เคยทำกับน้องเค้ามาก เคยว่าต่างๆนานา
เคยไม่ชอบ เคยว่าน้องด้วยซ้ำว่า "ไม่จดไม่จำ สมองมันมีอยู่สักเท่าไหร่นะ" ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่น้องเป็นในวันนั้นเป็นเพราะสมองของน้องจริงๆ
ทุกคนเศร้าสลด เครียด หดหู่อย่างบอกไม่ถูก แต่ความทุกข์ หรือความเจ็บปวดต่างๆ ไม่ได้ปรากฏบนหน้าน้องเลยจนแม้กระทั่งจะเข้าห้องผ่าตัด
น้องก็บอกทุกคนว่า "ไม่เป็นไรเน้อะ สู้ๆ" พร้อมยิ้มอย่างสบายใจ ด้วยแววตาที่เป็นประกาย และมีความหวัง
          ทีมหมอที่ดูแลน้องแปลกใจมาก และพูดคุยกับญาติๆว่า ทำไมน้องยังรื่นเริง หัวเราะ ยิ้มได้ เหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรเลย เพราะคนไข้รายอื่นที่อยู่ถึงขั้นนี้บางคนเสียชีวิต บางคนเจ็บจนทรมาน เศร้าใจ ร้องไห้ แต่น้องดูเข้มแข็ง และมีกำลังใจดีมาก เมื่อหมอพูดจบ ทุกคนก็ตอบอะไรไม่ออกเหมือนกัน

          จขกท. เลยพูดกับญาติๆว่า ต่อให้น้องต้องเจ็บมากแค่ไหน ปวดหัวจนแทบระเบิด แต่วันนี้คงเป็นวันที่น้องมีความสุขมากที่สุดในชีวิต เพราะทุกคนรัก และเข้าใจน้องอย่างแท้จริง.


ปล. จขกท. อยากให้ทุกคนนอกจากจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีแล้ว อยากให้คอยดูแลสุขภาพของคนใกล้ชิดด้วย
ไม่มีใครรู้ว่าโรคพวกนี้จะเข้ามาสัมผัสใกล้ชิดเราแค่ไหน การดูแลเอาใจใส่กันสำคัญที่สุด บางทีสิ่งที่เราเห็น มันอาจจะกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่