ไม่หรอกครับ..
ผมไม่ได้ไปบุกป่าฝ่าภูเขาดงดอยที่ไหน ก็แค่ขึ้นไปทำงานภาคเหนือในจว.ท่องเที่ยวที่ค่าครองชีพสูงลิ่ว และงานของผมก็อยู่ในเมือง
เลิกงาน.. ถ้าไม่งมงานต่อที่โรงแรม ก็ถูกลากไปดูสีสรรย่ามค่ำคืน ไม่จากลูกค้า ก็เพื่อนร่วมงานเจ้าถิ่น
แรกๆก็ตื่นตาตื่นใจ แต่พอบ่อยเข้าก็เริ่มจะเบื่อหน่าย ด้วยว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเมืองหลวงราตรีที่ผมอุตส่าห์หลบลี้มา
ความพยายามที่จะปรุงแต่งให้บรรยากาศให้มันเหมือน กลับทำให้ผมเหนื่อยหน่าย...
ผมตัดสินใจเดินเลี่ยงออกจากบรรยากาศเฮฮาปรุงแต่ง ตั้งใจจะเดินเตะลมเล่นซักพัก ก่อนกลับไปนอน
เลี้ยวขวาข้างหน้านั่น คงพอจะเรียกรถประจำทาง(ที่ไม่ประจำทาง) กลับที่พักได้
แต่ก่อนที่ผมจะเดินถึงปากซอยที่หมายไว้ กลับสะดุดตาเข้ากับบาร์เหล้าริมทางบาร์นึงเข้า
มันซุกตัวอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวจากที่ข้างเคียง ที่รกเรื้อด้วยป่าหญ้า
มันไม่ได้มีบาร์ประเภทเดียวกันรายล้อม ไม่ได้มีแสงสีวูบวาบ จะมีก็แค่ไฟกระพริบวิบวับ เหมือนที่ห้อยอยู่ตามศาลพระภูมิ
เคาร์เตอร์บาร์ทำจากไม้ห่วยๆ พื้นโรยด้วยหินเกล็ด หลังคา(ถ้าผมดูไม่ผิด) ก็มาจากสังกะสีแผ่นเรียบธรรมดา
ผมชายตาผ่านแว่บเดียวก็ต้องรีบกระตุกกลับ ...
ด้วยว่า มีผู้ชายแนวบึ้กๆ เคราเฟิ้ม ไม่ก็ผอมกระหร่อง ลายสักเต็มตัว นั่งกันที่หน้าเคาร์เตอร์อยู่สี่ซ้าห้่าคน
ดูไม่เหมือนมาด้วยกัน แต่ที่เหมือนกัน คือทุกคนหันมามองผม ที่กำลังลากเท้าผ่านหน้าบาร์
อาจจะด้วยเพลงหยุดพอดี เงาของผมไปบังแสงจากเสาไฟฟ้า หรือ.......
ตามเสียงเรียกของน้องผู้หญิงที่เรียกเชิญชวนผมออกมาจากหลังบาร์...
ม้ง ละหู่ อาข่า เย้า และ ผม...
ผมไม่ได้ไปบุกป่าฝ่าภูเขาดงดอยที่ไหน ก็แค่ขึ้นไปทำงานภาคเหนือในจว.ท่องเที่ยวที่ค่าครองชีพสูงลิ่ว และงานของผมก็อยู่ในเมือง
เลิกงาน.. ถ้าไม่งมงานต่อที่โรงแรม ก็ถูกลากไปดูสีสรรย่ามค่ำคืน ไม่จากลูกค้า ก็เพื่อนร่วมงานเจ้าถิ่น
แรกๆก็ตื่นตาตื่นใจ แต่พอบ่อยเข้าก็เริ่มจะเบื่อหน่าย ด้วยว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเมืองหลวงราตรีที่ผมอุตส่าห์หลบลี้มา
ความพยายามที่จะปรุงแต่งให้บรรยากาศให้มันเหมือน กลับทำให้ผมเหนื่อยหน่าย...
ผมตัดสินใจเดินเลี่ยงออกจากบรรยากาศเฮฮาปรุงแต่ง ตั้งใจจะเดินเตะลมเล่นซักพัก ก่อนกลับไปนอน
เลี้ยวขวาข้างหน้านั่น คงพอจะเรียกรถประจำทาง(ที่ไม่ประจำทาง) กลับที่พักได้
แต่ก่อนที่ผมจะเดินถึงปากซอยที่หมายไว้ กลับสะดุดตาเข้ากับบาร์เหล้าริมทางบาร์นึงเข้า
มันซุกตัวอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวจากที่ข้างเคียง ที่รกเรื้อด้วยป่าหญ้า
มันไม่ได้มีบาร์ประเภทเดียวกันรายล้อม ไม่ได้มีแสงสีวูบวาบ จะมีก็แค่ไฟกระพริบวิบวับ เหมือนที่ห้อยอยู่ตามศาลพระภูมิ
เคาร์เตอร์บาร์ทำจากไม้ห่วยๆ พื้นโรยด้วยหินเกล็ด หลังคา(ถ้าผมดูไม่ผิด) ก็มาจากสังกะสีแผ่นเรียบธรรมดา
ผมชายตาผ่านแว่บเดียวก็ต้องรีบกระตุกกลับ ...
ด้วยว่า มีผู้ชายแนวบึ้กๆ เคราเฟิ้ม ไม่ก็ผอมกระหร่อง ลายสักเต็มตัว นั่งกันที่หน้าเคาร์เตอร์อยู่สี่ซ้าห้่าคน
ดูไม่เหมือนมาด้วยกัน แต่ที่เหมือนกัน คือทุกคนหันมามองผม ที่กำลังลากเท้าผ่านหน้าบาร์
อาจจะด้วยเพลงหยุดพอดี เงาของผมไปบังแสงจากเสาไฟฟ้า หรือ.......
ตามเสียงเรียกของน้องผู้หญิงที่เรียกเชิญชวนผมออกมาจากหลังบาร์...