ก่อนอื่นผมขอชี้แจงให้ทราบเสียก่อนว่า เนื้อหาของหัวข้อกระทู้นี้เป็น Original ของความคิดเห็นและความเข้าใจของผม ในการที่จะหาวิธีอธิบาย สภาวะของพระเจ้า เพื่อให้ ผู้ที่ไม่มีความศรัทธาในพระเจ้า เข้าใจ ว่า มุสลิมโดยเฉพาะตัวผมเข้าใจและศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างไร? ซึ่งผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว, สำหรับทัศนะทาง ศาสนาคริสต์ นั้น ให้ท่านสมาชิกคริสเตียน แสดงความคิดเห็นจะเหมาะสมกว่า
คำว่าพระเจ้า เป็นสามัญนามที่ มนุษย์ตั้งขึ้นมาเพื่อ อธิบาย “เอกพลานุภาพสูงสุดที่ก่อให้บังเกิดจักรวาล,ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมรวมทั้งสิ่งที่มีชีวิตต่างๆ บนโลกนี้”
เอกพลานุภาพนี้ประกอบไปด้วย อาการนาม 99 อาการนามด้วยกัน ซึ่งผมจะไม่นำรายละเอียดมาอธิบายในที่นี้
ทางศาสนาอิสลามเชื่อว่า เอกพลานุภาพที่สูงสุดนี้มีอยู่จริง และขนานนาม “เอกพลานุภาพที่สูงสุด" นี้ว่า “อัลลอฮ์” ซึ่งมีความหมายว่า “พระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น” และ พระเจ้าองค์เดียวนี้ อยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์ ดุจดั่งเส้นเลือด ดำ/แดงใหญ่ ที่ติดกับลำคอของมนุษย์เรา, และสามารถที่จะติดต่อกับมนุษย์ได้ด้วยการดลใจ หรือทางจิตใต้สำนึกของเรา
การที่ อัลลอฮ์หรือพระเจ้าองค์เดียวนี้ จะอธิบายสภาวะภายในโลกแห่งจิตวิญญาณ ให้มนุษย์เข้าใจนั้น จะต้องกระทำโดยผ่านทาง การดลใจมนุษย์ ให้เข้าใจโลกแห่งจิตวิญญาณได้ด้วยการเปรียบเทียบ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างในโลกแห่งจิตวิญญาณ, ด้วยสิ่งที่มนุษย์มีประสพการณ์มาแล้ว, มนุษย์จึงจะเข้าใจได้ ถ้าไม่มีการเปรียบเทียบหรือมีการอุปมาอุปมัยแล้ว มนุษย์จะไม่มีทางเข้าใจโลกแห่งจิตวิญญาณได้, ซึ่งจะมีเรื่องเช่นนี้อยู่มากในอัลกุรอาน
ด้วยเหตุนี้ในคัมภีร์ อัลกุรอาน จึงมีบัญญัติหนึ่งที่ อธิบายถึง ลักษณะโครงสร้างและการเข้าใจ อัลกุรอานให้ถูกต้อง, และเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์ใจชั่วที่จะใช้ ส่วนไหน ของอัลกุรอาน ในการ ล่อลวงมนุษย์ผู้ที่ไม่เข้าใจอัลกุรอาน อัลกุรอานบัญญัตินั้น ได้แก่ บัญญัติที่ 7 ของ ซูเราะฮฺอาลิอิมรอน (บทที่3)
“พระองค์คือผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้า โดยที่ส่วนหนึ่งของคัมภีร์นั้นเป็นบรรดาโองการที่มีข้อความรัดกุมชัดเจน ซึ่งโองการเหล่านั้นคือรากฐานของคัมภีร์, และมีโองการอื่น ๆ อีกที่มีข้อความเป็นนัย ส่วนบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกตนมีความเบี่ยงเบนนั้น พวกเขาจะติดตามโองการที่มีข้อความเป็นนัยจากคัมภีร์ เพราะต้องการก่อจลาจล และต้องการตีความโองการนั้น และไม่มีผู้ใดรู้การตีความโองการนั้นได้นอกจากอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่มั่นคงในความรู้เท่านั้น โดยที่พวกเขาจะกล่าวว่า "พวกเรามีศรัทธาต่อมัน ทั้งมวลมาจากพระเจ้าของพวกเรา" และไม่มีผู้ใดที่จะได้รับคําตักเตือนนอกจากบรรดาผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้น”
ผมขอกลับมาที่หัวข้อกระทู้ที่ว่า:
อิสลาม ถ้าพระเจ้ามีจริง ทำไมไม่เขียนโปรแกรมลงสมองเราให้เชื่อในพระเจ้า?
จาก คำถามนี้ เราสามารถที่จะตั้ง สมมติฐาน ได้เลยว่า “พระเจ้ามีอยู่จริง”, ถ้าไม่เช่นนั้น เราไม่อาจจะ อธิบาย, การสร้างของ พระเจ้าได้ถ้าไม่มีพระเจ้าอยู่จริง
เมื่อสรุปลงได้ว่า ทำไม พระเจ้า จึงไม่เขียนโปรแกรมลงสมองเราให้เชื่อในพระเจ้า? "สมมติฐาน" นี้ก็จะเป็นความจริง
คำถามอยู่ที่ว่า “ถ้าพระเจ้ามีจริงแล้ว, ทำไมพระเจ้าไม่เขียนโปรแกรมลงสมองเราให้เชื่อในพระเจ้า?” คือสร้าง เป็นหุ่นยนต์มนุษย์ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นการง่ายในการ ออกคำสั่งในการให้ปฏิบัติและเชื่อฟังตามพระประสงค์ของพระเจ้า
มุสลิมส่วนมาก ทราบเป็น อย่างดีว่า พระเจ้าได้สร้างทั้ง มนุษย์ และหุ่นยนตร์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งในโลกจิตวิญญาณและในโลกมนุษย์
หุ่นยนตร์ที่พระเจ้าสร้างได้แก่เทวทูตทุกชนิด รวมทั้ง เทวทูต ญิบรีล ด้วย ซึ่งหุ่นยนตร์ เทวทูตนี้ ไม่มีใจ และความคิดเป็นอิสระ ไม่มีความรู้ความสามารถของตัวเอง ไม่ฉลาดกว่ามนุษย์ โดยเฉพาะศาสนทูตของพระเจ้าทุกๆท่าน, และต้องกราบมนุษย์คนแรก ได้แก่นบีอดัม
พระเจ้าสร้างหุ่นยนตร์เทวทูตขึ้นมานี้ เพื่อเป็นผู้รับใช้พระเจ้าโดยตรง หรือเรียกอย่างง่ายๆก็คือ เด็กเดินหนังสือของพระเจ้านั้นเอง, เทวทูตหุ่นยนตร์นี้ ไม่มีความสามารถที่จะขัดคำสั่งหรือไม่เชื่อฟังพระเจ้าได้, ซึ่งจะเห็นได้จากบัญญัติที่ 66:6
(66:6) ดูกร บรรดาผู้มีศรัทธา! จงคุ้มครองตัวของพวกเธอและครอบครัวของพวกเธอให้พ้นจากไฟนรก เพราะเชื้อเพลิงของมันคือหมู่มนุษย์และก้อนหิน มีมะลาอิกะหฺผู้แข็งกร้าวหาญคอยเฝ้ารักษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนอัลลอหฺในสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาแก่พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ถูกบัญชา.
มุสลิมศรัทธาว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์มาด้วยความรักความเมตตาของพระองค์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าในทัศนะของมุสลิมนั้น ประกอบไปด้วยความเมตตากรุณาปราณีต่อมนุษย์ พระองค์ไม่ต้องการให้ มนุษย์เป็นหุ่นยนตร์, พระองค์ต้องการให้มนุษย์ เป็นตัวแทนแห่งจริยาธรรมของพระองค์ที่มีอิสระในความคิดและการตัดสินใจตามแนวทาง คุณธรรมและจริยาธรรมของพระองค์ที่บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน พร้อมด้วยรายละเอียดอย่างสมบูรณ์, พระองค์ต้องการให้มุสลิม(มนุษย์) มีสิทธิที่จะไม่เชื่อพระองค์ (ดื้อดัน) แต่ต้องรับผลจากการดื้อดึงของตนเอง,เนื่องจากการกระทำที่ ขัดต่อมนุษยธรรม ที่เป็นความชั่วร้าย และก่อให้เกิดโทษต่อผู้อื่นโดยขาดความยุติธรรม
(18:29) และจงกล่าวเถิด "สัจธรรมนั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้า ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ก็จงมีศรัทธาและผู้ใดประสงค์ก็จงปฏิเสธ" แท้จริง เราได้เตรียมเพลิงนรกไว้สำหรับพวกอธรรม ซึ่งกําแพงของมันล้อมรอบพวกเขา และถ้าพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ ก็จะถูกช่วยเหลือด้วยน้ำเสมือนน้ำทองแดงเดือดลวกใบหน้า มันเป็นน้ำดื่มที่เลวร้าย และเป็นที่พำนักที่ชั่วช้าเสียนี่กระไร
พระเจ้าในทัศนะอิสลาม สั่งสอนมุสลิมเสมือนพ่อแม่สั่งสอนลูก โดยกำชับว่า ถ้าไม่ยึดทางคุณธรรมแล้วจะถูกลงโทษ คือถ้าไปทำชั่วแล้วจะถูกลงโทษเนื่องจากพระองค์ไม่ได้สร้างความชั่วร้าย ไว้ให้มนุษย์ปฏิบัติ, อย่างที่หลายๆท่านเข้าใจกัน.
ในศาสนาอิสลาม พระเจ้าทรงรับผิดชอบแต่ความดีที่ทรงไว้ด้วยคุณธรรมและความกรุณาต่อมนุษย์เท่านั้น, แต่ความชั่วร้ายต่างๆนั้น เป็นความรับผิดชอบของมนุษย์โดยตรง, เป็นผลจากการกระทำของมนุษย์ โดยตรง ดังบัญญัติ ที่ พระเจ้ากล่าวต่อท่านศาสนทูตมูฮัมมัดว่า
(4:79) ความดีใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากอัลลอฮฺ และความเลวร้ายใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากตัวของเจ้าเอง และเราได้ส่งเจ้าไปเป็นศาสนทูตแก่ปวงมนุษย์ และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮฺทรงเป็นพยาน
จะเห็นได้ว่า ในโลกมนุษย์นี้ พระเจ้าสร้างมนุษย์ ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความเมตตาปราณีและคุณธรรมและจริยาธรรมตามแนวทางของพระองค์, พระองค์ได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ถ้ามนุษย์ ปฏิบัติตนตามแนวทางที่ชั่วร้าย, ซึ่งออกนอกแนวทางของพระเจ้าที่วางไว้ให้แล้วในอัลกุรอาน, มนุษย์ผู้นั้นจะถูกลงโทษ.
การที่มีวันตัดสินในวันสิ้นโลกนั้น ก็เพื่อลงโทษผู้ที่ ฝ่าฝืนบัญญัติของพระองค์ ซึ่งได้กำหนดโทษไว้ล่วงหน้าแล้ว, และมุสลิมได้รับทราบแล้ว, ดังนั้นการฝ่าฝืนบัญญัติของพระเจ้า ไปในทางแห่งความชั่ว จึงเป็นการกระทำและการตัดสินใจของมนุษย์เอง ไม่ใช่ทางที่พระเจ้ากำหนดให้(4:79)
ถ้าคำอธิบายนี้ มีเหตุผลเพียงพอ ในการตอบคำถาม ที่ถามว่า เพราะเหตุใดพระเจ้า ของ อิสลาม จึงไม่เขียนโปรแกรมลงสมองเราให้เชื่อในพระเจ้า?
นั้นก็คือ: คำตอบนี้แสดงให้เห็นว่า “พระเจ้ามีอยู่จริง” ตามทัศนะและหลักการของศาสนาอิสลาม.
ผมจะหยุดหัวข้อกระทู้ไว้เท่านี้ก่อน นายแม้น และสมาชิกท่านใด มีความคิดเห็นเช่นใด, ก็ขอเชิญได้อย่างไม่ต้องเกรงใจเลยครับ
ผมเขียนอย่างรวบรัดไปมากทีเดียว ถ้าข้องใจผมจะอธิบายเพิ่มเท่าที่จะทำได้
ตอบนายแม้น (คริสต์) อิสลาม ถ้าพระเจ้ามีจริง ทำไมไม่เขียนโปรแกรมลงสมองเราให้เชื่อในพระเจ้า?
ก่อนอื่นผมขอชี้แจงให้ทราบเสียก่อนว่า เนื้อหาของหัวข้อกระทู้นี้เป็น Original ของความคิดเห็นและความเข้าใจของผม ในการที่จะหาวิธีอธิบาย สภาวะของพระเจ้า เพื่อให้ ผู้ที่ไม่มีความศรัทธาในพระเจ้า เข้าใจ ว่า มุสลิมโดยเฉพาะตัวผมเข้าใจและศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างไร? ซึ่งผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว, สำหรับทัศนะทาง ศาสนาคริสต์ นั้น ให้ท่านสมาชิกคริสเตียน แสดงความคิดเห็นจะเหมาะสมกว่า
คำว่าพระเจ้า เป็นสามัญนามที่ มนุษย์ตั้งขึ้นมาเพื่อ อธิบาย “เอกพลานุภาพสูงสุดที่ก่อให้บังเกิดจักรวาล,ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมรวมทั้งสิ่งที่มีชีวิตต่างๆ บนโลกนี้”
เอกพลานุภาพนี้ประกอบไปด้วย อาการนาม 99 อาการนามด้วยกัน ซึ่งผมจะไม่นำรายละเอียดมาอธิบายในที่นี้
ทางศาสนาอิสลามเชื่อว่า เอกพลานุภาพที่สูงสุดนี้มีอยู่จริง และขนานนาม “เอกพลานุภาพที่สูงสุด" นี้ว่า “อัลลอฮ์” ซึ่งมีความหมายว่า “พระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น” และ พระเจ้าองค์เดียวนี้ อยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์ ดุจดั่งเส้นเลือด ดำ/แดงใหญ่ ที่ติดกับลำคอของมนุษย์เรา, และสามารถที่จะติดต่อกับมนุษย์ได้ด้วยการดลใจ หรือทางจิตใต้สำนึกของเรา
การที่ อัลลอฮ์หรือพระเจ้าองค์เดียวนี้ จะอธิบายสภาวะภายในโลกแห่งจิตวิญญาณ ให้มนุษย์เข้าใจนั้น จะต้องกระทำโดยผ่านทาง การดลใจมนุษย์ ให้เข้าใจโลกแห่งจิตวิญญาณได้ด้วยการเปรียบเทียบ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างในโลกแห่งจิตวิญญาณ, ด้วยสิ่งที่มนุษย์มีประสพการณ์มาแล้ว, มนุษย์จึงจะเข้าใจได้ ถ้าไม่มีการเปรียบเทียบหรือมีการอุปมาอุปมัยแล้ว มนุษย์จะไม่มีทางเข้าใจโลกแห่งจิตวิญญาณได้, ซึ่งจะมีเรื่องเช่นนี้อยู่มากในอัลกุรอาน
ด้วยเหตุนี้ในคัมภีร์ อัลกุรอาน จึงมีบัญญัติหนึ่งที่ อธิบายถึง ลักษณะโครงสร้างและการเข้าใจ อัลกุรอานให้ถูกต้อง, และเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์ใจชั่วที่จะใช้ ส่วนไหน ของอัลกุรอาน ในการ ล่อลวงมนุษย์ผู้ที่ไม่เข้าใจอัลกุรอาน อัลกุรอานบัญญัตินั้น ได้แก่ บัญญัติที่ 7 ของ ซูเราะฮฺอาลิอิมรอน (บทที่3)
“พระองค์คือผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้า โดยที่ส่วนหนึ่งของคัมภีร์นั้นเป็นบรรดาโองการที่มีข้อความรัดกุมชัดเจน ซึ่งโองการเหล่านั้นคือรากฐานของคัมภีร์, และมีโองการอื่น ๆ อีกที่มีข้อความเป็นนัย ส่วนบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกตนมีความเบี่ยงเบนนั้น พวกเขาจะติดตามโองการที่มีข้อความเป็นนัยจากคัมภีร์ เพราะต้องการก่อจลาจล และต้องการตีความโองการนั้น และไม่มีผู้ใดรู้การตีความโองการนั้นได้นอกจากอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่มั่นคงในความรู้เท่านั้น โดยที่พวกเขาจะกล่าวว่า "พวกเรามีศรัทธาต่อมัน ทั้งมวลมาจากพระเจ้าของพวกเรา" และไม่มีผู้ใดที่จะได้รับคําตักเตือนนอกจากบรรดาผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้น”
ผมขอกลับมาที่หัวข้อกระทู้ที่ว่า:
อิสลาม ถ้าพระเจ้ามีจริง ทำไมไม่เขียนโปรแกรมลงสมองเราให้เชื่อในพระเจ้า?
จาก คำถามนี้ เราสามารถที่จะตั้ง สมมติฐาน ได้เลยว่า “พระเจ้ามีอยู่จริง”, ถ้าไม่เช่นนั้น เราไม่อาจจะ อธิบาย, การสร้างของ พระเจ้าได้ถ้าไม่มีพระเจ้าอยู่จริง
เมื่อสรุปลงได้ว่า ทำไม พระเจ้า จึงไม่เขียนโปรแกรมลงสมองเราให้เชื่อในพระเจ้า? "สมมติฐาน" นี้ก็จะเป็นความจริง
คำถามอยู่ที่ว่า “ถ้าพระเจ้ามีจริงแล้ว, ทำไมพระเจ้าไม่เขียนโปรแกรมลงสมองเราให้เชื่อในพระเจ้า?” คือสร้าง เป็นหุ่นยนต์มนุษย์ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นการง่ายในการ ออกคำสั่งในการให้ปฏิบัติและเชื่อฟังตามพระประสงค์ของพระเจ้า
มุสลิมส่วนมาก ทราบเป็น อย่างดีว่า พระเจ้าได้สร้างทั้ง มนุษย์ และหุ่นยนตร์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งในโลกจิตวิญญาณและในโลกมนุษย์
หุ่นยนตร์ที่พระเจ้าสร้างได้แก่เทวทูตทุกชนิด รวมทั้ง เทวทูต ญิบรีล ด้วย ซึ่งหุ่นยนตร์ เทวทูตนี้ ไม่มีใจ และความคิดเป็นอิสระ ไม่มีความรู้ความสามารถของตัวเอง ไม่ฉลาดกว่ามนุษย์ โดยเฉพาะศาสนทูตของพระเจ้าทุกๆท่าน, และต้องกราบมนุษย์คนแรก ได้แก่นบีอดัม
พระเจ้าสร้างหุ่นยนตร์เทวทูตขึ้นมานี้ เพื่อเป็นผู้รับใช้พระเจ้าโดยตรง หรือเรียกอย่างง่ายๆก็คือ เด็กเดินหนังสือของพระเจ้านั้นเอง, เทวทูตหุ่นยนตร์นี้ ไม่มีความสามารถที่จะขัดคำสั่งหรือไม่เชื่อฟังพระเจ้าได้, ซึ่งจะเห็นได้จากบัญญัติที่ 66:6
(66:6) ดูกร บรรดาผู้มีศรัทธา! จงคุ้มครองตัวของพวกเธอและครอบครัวของพวกเธอให้พ้นจากไฟนรก เพราะเชื้อเพลิงของมันคือหมู่มนุษย์และก้อนหิน มีมะลาอิกะหฺผู้แข็งกร้าวหาญคอยเฝ้ารักษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนอัลลอหฺในสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาแก่พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ถูกบัญชา.
มุสลิมศรัทธาว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์มาด้วยความรักความเมตตาของพระองค์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าในทัศนะของมุสลิมนั้น ประกอบไปด้วยความเมตตากรุณาปราณีต่อมนุษย์ พระองค์ไม่ต้องการให้ มนุษย์เป็นหุ่นยนตร์, พระองค์ต้องการให้มนุษย์ เป็นตัวแทนแห่งจริยาธรรมของพระองค์ที่มีอิสระในความคิดและการตัดสินใจตามแนวทาง คุณธรรมและจริยาธรรมของพระองค์ที่บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน พร้อมด้วยรายละเอียดอย่างสมบูรณ์, พระองค์ต้องการให้มุสลิม(มนุษย์) มีสิทธิที่จะไม่เชื่อพระองค์ (ดื้อดัน) แต่ต้องรับผลจากการดื้อดึงของตนเอง,เนื่องจากการกระทำที่ ขัดต่อมนุษยธรรม ที่เป็นความชั่วร้าย และก่อให้เกิดโทษต่อผู้อื่นโดยขาดความยุติธรรม
(18:29) และจงกล่าวเถิด "สัจธรรมนั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้า ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ก็จงมีศรัทธาและผู้ใดประสงค์ก็จงปฏิเสธ" แท้จริง เราได้เตรียมเพลิงนรกไว้สำหรับพวกอธรรม ซึ่งกําแพงของมันล้อมรอบพวกเขา และถ้าพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ ก็จะถูกช่วยเหลือด้วยน้ำเสมือนน้ำทองแดงเดือดลวกใบหน้า มันเป็นน้ำดื่มที่เลวร้าย และเป็นที่พำนักที่ชั่วช้าเสียนี่กระไร
พระเจ้าในทัศนะอิสลาม สั่งสอนมุสลิมเสมือนพ่อแม่สั่งสอนลูก โดยกำชับว่า ถ้าไม่ยึดทางคุณธรรมแล้วจะถูกลงโทษ คือถ้าไปทำชั่วแล้วจะถูกลงโทษเนื่องจากพระองค์ไม่ได้สร้างความชั่วร้าย ไว้ให้มนุษย์ปฏิบัติ, อย่างที่หลายๆท่านเข้าใจกัน.
ในศาสนาอิสลาม พระเจ้าทรงรับผิดชอบแต่ความดีที่ทรงไว้ด้วยคุณธรรมและความกรุณาต่อมนุษย์เท่านั้น, แต่ความชั่วร้ายต่างๆนั้น เป็นความรับผิดชอบของมนุษย์โดยตรง, เป็นผลจากการกระทำของมนุษย์ โดยตรง ดังบัญญัติ ที่ พระเจ้ากล่าวต่อท่านศาสนทูตมูฮัมมัดว่า
(4:79) ความดีใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากอัลลอฮฺ และความเลวร้ายใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากตัวของเจ้าเอง และเราได้ส่งเจ้าไปเป็นศาสนทูตแก่ปวงมนุษย์ และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮฺทรงเป็นพยาน
จะเห็นได้ว่า ในโลกมนุษย์นี้ พระเจ้าสร้างมนุษย์ ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความเมตตาปราณีและคุณธรรมและจริยาธรรมตามแนวทางของพระองค์, พระองค์ได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ถ้ามนุษย์ ปฏิบัติตนตามแนวทางที่ชั่วร้าย, ซึ่งออกนอกแนวทางของพระเจ้าที่วางไว้ให้แล้วในอัลกุรอาน, มนุษย์ผู้นั้นจะถูกลงโทษ.
การที่มีวันตัดสินในวันสิ้นโลกนั้น ก็เพื่อลงโทษผู้ที่ ฝ่าฝืนบัญญัติของพระองค์ ซึ่งได้กำหนดโทษไว้ล่วงหน้าแล้ว, และมุสลิมได้รับทราบแล้ว, ดังนั้นการฝ่าฝืนบัญญัติของพระเจ้า ไปในทางแห่งความชั่ว จึงเป็นการกระทำและการตัดสินใจของมนุษย์เอง ไม่ใช่ทางที่พระเจ้ากำหนดให้(4:79)
ถ้าคำอธิบายนี้ มีเหตุผลเพียงพอ ในการตอบคำถาม ที่ถามว่า เพราะเหตุใดพระเจ้า ของ อิสลาม จึงไม่เขียนโปรแกรมลงสมองเราให้เชื่อในพระเจ้า?
นั้นก็คือ: คำตอบนี้แสดงให้เห็นว่า “พระเจ้ามีอยู่จริง” ตามทัศนะและหลักการของศาสนาอิสลาม.
ผมจะหยุดหัวข้อกระทู้ไว้เท่านี้ก่อน นายแม้น และสมาชิกท่านใด มีความคิดเห็นเช่นใด, ก็ขอเชิญได้อย่างไม่ต้องเกรงใจเลยครับ
ผมเขียนอย่างรวบรัดไปมากทีเดียว ถ้าข้องใจผมจะอธิบายเพิ่มเท่าที่จะทำได้