บัญญัติในคัมภีร์อัลกุรอาน มีการยกเลิก และ แก้ไข โดยพระเจ้าได้ด้วยหรือ?

กระทู้สนทนา
กระทู้นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมตามเหตุผลจากอัลกุรอาน  และเชื่อว่าอัลกุรอานเป็นบัญญัติของพระเจ้าอย่างแท้จริง  ทุกๆบัญญัติมีความสำคัญในตัวบัญญัติ ซึ่งมนุษย์สามารถที่จะนำ วิทยปัญญาจากตัวบัญญัติมาใชักับชีวิตประจำวัน และนำความเจริญรุ่งเรื่อง มาสู่สังคมมุสลิมได้อย่างที่เคยเป็นมาแล้ว ในสมัยท่านรอซูลและในศตวรรษที่ 6-7  

    ทัศนของนักวิชาการมุสลิมส่วนใหญ่มีความเห็นสนับสนับสนุนความคิดเห็นของนักวิชาการชาวคริสเตียน ที่พยายามจะทำลายความเชื่อถือถือในคัมภีร์อัลกุรอานว่าไม่ใช่คัมภีร์ที่มาจากพระเจ้า โดยที่อ้างว่า "บัญญัติในอัลกุรอานมีการยกเลิกซึ่งกันและกันภายใน
อัลกุรอาน"นักวิชาการชาวคริสเตียน อ้างว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น แสดงว่า อัลกุรอานไม่ใช่บัญญัติของพระเจ้าที่แท้จริง เนื่องจากพระเจ้าจะต้องรอบรู้ ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต การที่บัญญัติไว้แล้วแก้ไขบัญญัติในภายหลังแสดงถึงว่า อัลกุรอานไม่ได้มาจากพระเจ้า”
  
      ผมเองไม่เห็นด้วยว่าภายในอัลกุรอานมีบัญญัติที่ยกเลิกซึ่งกันและกัน แต่สิ่งที่ผมเข้าใจ คือ อัลกุรอานยกเลิกบัญญัติที่ไม่ดีไม่เหมาะสมในคัมภีร์ที่มาก่อนๆ คัมภีร์อัลกุรอาน,  ตัวอย่างเช่น การ Stoning ไม่มีในอัลกุรอาน แต่  มีในคัมภีร์เตารอต และมีบัญญัติในการลงโทษ โบย 100 ครั้งมาแทนการ Stoning , แต่มุสลิมส่วนมากเชื่อว่า เคยมีบัญญัติ Stoning มาก่อน  แต่หายไป และนำเอา ฮาดีษมาใช้แทนในการลงโทษ โดยตั้งเงื่อนไขไว้ในฮาดีษ

    ตามความเข้าใจของผม นักวิชาการทาง อิสลาม ไม่อาจจะแก้ไขอัลกุรอานโดยตรงได้ เมื่อต้องการจะนำประเพณีเก่าๆมาใช้ เลยสร้าง  The Quran's Doctrine of Abrogation ขึ้นมา เพื่อให้สดวกในการอธิบายอัลกุรอาน เช่นในเรื่อง "แอลกอฮอล์"

      ในปัจจุบันมนุษย์ได้ล่วงเกินอำนาจของพระเจ้าในรูปแบบต่างๆกัน เนื่องจากอัลกุรอานเป็นความมห้ศจรรย์ที่เกิดแก่มนุษยชาติ เป็นคัมภีร์เล่มสุดท้ายที่พระเจ้าประทานให้แก่มวลมนุษย์ชาติ และด้วยบัญญัติของพระองค์ที่ยืนยันความถูกต้องและความสมบูรณ์ของ คัมภีร์ของพระองค์ มุสลิมผู้ที่ปฏิญาณด้วยปากว่า ศรัทธาต่อพระองค์นั้น ควรที่จะต้องมีความศรัทธาต่อ ความสมบูรณ์และรายละเอียด และความสำคัญ ของทุกๆบัญญัติในอัลกุรอาน ด้วยใจศรัทธาอย่างแท้จริง ไม่ใช่แต่ลมปากเท่านั้น

อัลกุรอานบัญญัติไว้ใน ซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ     บัญญัติที่ 2:106 ว่า

مَا نَنْسَخْ مِنْ آيَةٍ أَوْ نُنْسِهَا نَأْتِ بِخَيْرٍ مِنْهَا أَوْ مِثْلِهَا ۗ أَلَمْ تَعْلَمْ أَنَّ اللَّهَ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ

โองการใดที่เราได้ยกเลิกหรือถูกทำให้ลืมเลือน เราก็ได้นำสิ่งที่ดีกว่าหรือที่เท่าเทียมกันมาทดแทน พวกเจ้าไม่รู้หรือว่า อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง{2:106}

    พระองค์ได้กล่าวไว้ในทำนองเดียวกันนี้อีกในซูเราะฮฺอันนะหฺลิ  บัญญัติที่ 16:101

คำภาษา อรับ ที่กล่าวไว้ใน บัญญัติที่ 2:106 ว่า “อายยัต   آيَةٍ” ซึ่งมีความหมายว่า สัญญาณ หรือ บัญญัติ และ มีความหมาย อย่างอื่นอีก ว่า  “โองการ,การประกาศ, การเปิดเผย, แสดงให้เปิดเผย”    

บัญญัติอัลกุรอานที่ 2:106 นี้ สามารที่จะให้ ความหมายได้ 2 อย่างคือ

   1. โองการที่ถูกยกเลิก คือ โองการต่างๆที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์ เล่มก่อนๆที่ถูกประทานมาก่อน คัมภีร์อัลกุรอาน เช่น โองการในคัมภีร์ เตารอต(โตรา),ซาบูร์ และอินญีล และ

   2.  อีกความหมายหนึ่ง คือ  บัญญัติบางบัญญัติในอัลกุรอานที่ประทานมาก่อน ถูกยกเลิก หรือถูกแทนที่ด้วย บัญญัติที่ ถูกประทานให้ในภายหลัง

    ความหมายในข้อสองนั้น ถึงแม้ว่า เป็นความจริงก็ไม่ได้หมายความว่าบัญญัติที่มาทีหลัง ทำลายความเป็นจริงของบัญญัติที่ถูกประทานมาก่อนและมีความขัดแย้งกันในทุกๆกรณี  เนื่องจาก บัญญัติของพระเจ้าทุกๆบัญญัติมีความสำคัญตามยุคสมัยตามบริบทของบัญญัตินั้นๆ

    ตามที่พระเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า พระองค์ไม่ได้ทำให้บัญญัติที่ประทานมาก่อนถูกหลงลืม, แต่พระองค์ทรงประทานบัญญัติใหม่ที่ดีกว่าหรือคล้ายๆกัน, ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า คัมภีร์ เตารอต(โตรา),ซาบูร์ และอินญีล ได้ถูกแทนที่ด้วย คัมภีร์ อัลกุรอาน

จาก ซูเราะฮฺอันนะหฺลิ บัญญัติที่ 16:101 นี้สำคัญ เป็นบัญญัติที่บอกให้เราทราบว่า ข้อความในบัญญัติ 2:106  นี้น หมายถึงการยกเลิก บัญญัติในคัมภีร์ อื่นๆ ที่ถูกประทานมาก่อนคัมภีร์ ไม่ใช่ บัญญัติในอัลกุรอาน

{16:101} และเมื่อเราได้เปลี่ยนโองการหนึ่งแทนอีกโองการหนึ่ง และอัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมา พวกเขากล่าวว่า "แท้จริงท่านเป็นผู้กุขึ้น" ไม่ใช่เช่นนั้นดอก! พวกเขาส่วนมากไม่รู้

    เราจะต้องพิจารณาข้อความใน ซูเราะฮฺอันนะหฺลิ บัญญัติที่ 16:101 นี้อย่างละเอียดด้วยเหตุผล ว่า, ใครเป็นผู้กล่าวหาท่านรอซุลมูฮัมมัดว่า “แท้จริงท่านเป็นผู้กุขึ้น"?

1.คำถามนี้จะต้องไม่ได้มาจาก ศอฮาบะฮ์ ผู้ติดตามท่านรอซูล เนื่องจากเขาเหล่านั้นเชื่อฟังท่านรอซูล, ศอฮาบะฮ์ ผู้ติดตามท่านรอซูล  จะรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านรอซูลบอกแก่พวกเขา

2.เช่นเดียวกัน คำถามนี้จะต้องไม่มาจาก มุชริกอรับ เพราะ มุชริกอรับ ไม่มีความศรัทธาต่ออัลกุรอาน และไม่มีอะไรที่จะเกี่ยวข้อง ว่า บัญญัติใดในอัลกุรอานจะถูกยกเลิกหรือ ถูกทดแทน และจะไม่มีการกล่าวหาว่า ท่านรอซุลว่า “แท้จริงท่านเป็นผู้กุบัญญัติในอัลกุรอานขึ้นมา" เนื่องจาก มุชริกอรับ ไม่มีความศรัทธาต่อพระเจ้า อัลลอฮ์ตะอาลา

แต่เมื่อเราพิจารณาบัญญัติต่างๆที่มาก่อน บัญญัติ 16:101  เราจะเข้าใจได้ว่า บัญญัตินี้กล่าวถึงบรรดาผู้ที่ผิดสัญญากับพระเจ้า,ผู้ที่แลกเปลี่ยนความสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วยราคาเพียงเล็กน้อย,เป็นที่เห็นได้ชัดว่า เขาเหล่านั้น คือ ชาวยิวและชาวคริสเตียน ในสมัยที่อัลกุรอานถูกประทานมาแต่เริ่มแรก, เขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่กล่าวหาว่า ท่านรอซูลมูฮัมมัด แปลกปลอมบัญญัติของพระเจ้าเนื่องจากบัญญัติในอัลกุรอานไม่ตรงกับบัญญัติที่พระเจ้าประทานให้กับพวกเขามาก่อนในคัมภีร์ที่พวกเขาได้รับมาก่อน.

เราทราบว่า..

يَمْحُو اللَّهُ مَا يَشَاءُ وَيُثْبِتُ ۖ وَعِنْدَهُ أُمُّ الْكِتَابِ

อัลลอฮฺทรงยกเลิกสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงยืนหยัดให้มั่น และ ณพระองค์มีแม่บทแห่งคัมภีร์{13:39}

ذَٰلِكَ الْكِتَابُ لَا رَيْبَ ۛ فِيهِ ۛ هُدًى لِلْمُتَّقِينَ

นั่นคือคัมภีร์ที่ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยอยู่ในนั้น มันเป็นทางนำสำหรับมวลผู้ยำเกรง{2:2}
    
ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้เราเข้าใจได้ว่าเมื่อ พระเจ้ากล่าวว่า

โองการใดที่เราได้ยกเลิกหรือถูกทำให้ลืมเลือน เราก็ได้นำสิ่งที่ดีกว่าหรือที่เท่าเทียมกันมาทดแทน พวกเจ้าไม่รู้หรือว่า อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง{2:106}

และเมื่อเราได้เปลี่ยนโองการหนึ่งแทนอีกโองการหนึ่ง และอัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมา พวกเขากล่าวว่า "แท้จริงท่านเป็นผู้กุขึ้น" ไม่ใช่เช่นนั้นดอก! พวกเขาส่วนมากไม่รู้{16:101}

ทั้งสองบัญญัตินี้กล่าวถึง การยกเลิกบัญญัติ “อายยัต  آيَةٍ” ที่อยู่ในคัมภีร์ที่มีมาก่อน  อัลกุรอาน และทดแทนด้วย “อายยัต   آيَةٍ” ที่ดีกว่าหรือคล้ายๆกัน ในอัลกุรอาน, แต่หลักใหญ่พื้นฐานของคัมภีร์ทั้งสามยังคงเดิม คือ บัญญัติ 10 ประการที่มีอยู่ใน คัมภีร์เตารอตที่ประทานแก่ท่านนบีมูซาและคัมภีร์อินญีลที่ประทานให้แก่ท่านนบีอีซาและคัมภีร์อัลกุรอานที่ประทานให้แก่ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด และ อัลกุรอาน  คือคัมภีร์ที่ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยอยู่ในนั้น มันเป็นทางนำสำหรับมวลผู้ยำเกรง

ตัวอย่างเช่น อัลกุรอานอ่านบัญญัติเกี่ยวกับ เรื่องสุรา, ผู้อ่านไม่อาจจะอธิบายให้เข้าใจได้ตามความหมายที่แท้จริง เลยจำเป็นต้องลำดับเหตุการณ์ ว่ามีการยกเลิก เรื่องสุราเป็นระยะเวลาไป แบบการเลิกทาส, แต่อัลกุรอานในแต่ละบัญญัติมีความหมายในตัวบริบทของบัญญัตินั้นๆ
ในกรณีนี้ ถ้ายกเลิก บัญญัติที่16:67 แล้ว, มุสลิมจะไม่มีทางใช้ประโยชน์จากสารแอลลกอฮอล์ ได้เลย

และจากผลของต้นอินทผาลัมและองุ่น พวกเธอได้เอามันมาเป็นทั้งเครื่องดื่มที่โอชาและอาหารที่ดี แท้จริงในการนั้น ย่อมเป็นสัญญาณแก่กลุ่มชนผู้ใช้ปัญญา{16:67}

มุสลิมจะไม่มีน้ำข้าวหมาก, น้ำลูกยอ และเครื่องดื่มต่างๆที่เกิดจากการหมักดอง (น้ำส้มสายชู)  ประเทศมุสลิมที่เจริญ ในด้านวิทยาการ เช่นใน มาเลเซีย ผลิตน้ำลูกยอ เป็นเครื่องดื่ม ที่ใช้การหมักด้วย ยีสต์และน้ำตาล, และข้าว และควบคุมสภาวะการหมัก ก่อนที่จะกลายเป็นแอลกอฮอฮ์ เพื่อมุสลิมจะได้ใช้เป็นเครื่องดื่มที่ โอชาให้ความสดชื่นต่อผู้ดื่ม,   ถ้ามนุษย์ยกเลิกบัญญัตินี้ไปแล้ว  การอุตสาหกรรมในด้านนี้จะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากเข้าใจว่า อัลกุรอานห้าม

  เราจะเห็นว่าเหตุผลที่ สังคมมุสลิมบางสังคม ส่วนมากล้าหลังในวิทยาการ เนื่องจากการไม่เข้าใจวิทยปัญญาจากอัลกุรอานและนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ อย่างที่ มุสลิมในประเทศมาเลเซียนำมาใช้ในการอุตสาหกรรม มุสลิมไทยเรายังล้าหลังกว่ามุสลิมในมาเลเซียมาก เนื่องจากขาด วิทยปัญญาจากอัลกุรอาน มีฮาดีษบอกว่า ท่านรอซูลนิยมเครื่องดื่มประเภทนี้  (ผมกำลังทำการทดลองอยู่ในขณะนี้)

อัลกุรอานอธิบายเรื่อง คุณและโทษของสารแอลกอฮอล์ไว้ดังนี้..

1. อัลกุรอานอธิบายคุณสมบัติของแอลกอฮอล์  ซึ่งมีทั้งโทษและคุณ แต่โทษมีสูงมากกว่า คุณ(ถ้าใช้บริโภค)
2. อัลกุรอานสอนว่าการดื่ม แอลกอฮอล์ มีอันตรายและมีโทษมากกว่ามีคุณ เนื่องจากป็นสารพิษย์ ทำให้มึนเมา และควบคุมความคิดอ่านไม่ได้
3. ถ้าไม่เชื่อฟังและฝ่าฝืน ดื่มสุราเข้าไปแล้ว เกิดความมึน(เมา) อย่าทำการละหมาด เนื่องจากจะไม่เข้าใจ ว่า "อ่านอะไรบ้างในการละหมาด"
4. ตักเตือนและห้ามปรามให้เข้าใจว่า "สุราเป็นเครื่องมือแห่งความชั่วร้าย" เป็นสิ่งที่ผู้ศรัทธาควรที่จะหลีกเลี่ยงและงดเว้นการดื่มอย่างเด็ดขาด

ในสังคมมุสลิมในปัจจุบันจะเห็นว่าถึงแม้ว่าจะมีการประกาศการเลิกดื่มอย่างเด็ดขาดแล้วก็ตาม, แต่ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนข้อห้ามดื่มสุราตามสันดานของมนุษย์โดยทั่วๆไป, ในกรณีนี้  อัลกุรอาน ห้ามอย่างเด็ดขาด ว่า "ผู้ที่ฝ่าฝืนดื่มสุราเข้าไปแล้ว,เกิดมีอาการมึนเมา" จงอยาเข้าใกล้ในการทำละหมาด หรือ ทำการละหมาดขณะมึนเมา

         จะเห็นว่าถ้ายกเลิกบัญญัติที่ห้ามทำการละหมาดขณะมึน(เมา) แล้ว, ผู้ที่ฝ่าฝืนข้อห้ามในการดื่ม จะไปทำการละหมาดโดยนึกว่าตัวเองสามารที่จะทำได้

    
อุตสาหกรรมเครื่องดื่มน้ำผลไม้(ลักษณะเหมือนลูกยอบ้านเรา)  ที่นำวิทยปัญญาจากอัลกุรอานบัญญัติที่  16:67 มาใช้ในการอุตสาหกรรม

وَمِنْ ثَمَرَاتِ النَّخِيلِ وَالْأَعْنَابِ تَتَّخِذُونَ مِنْهُ سَكَرًا وَرِزْقًا حَسَنًا ۗ إِنَّ فِي ذَٰلِكَ لَآيَةً لِقَوْمٍ يَعْقِلُونَ

And from the fruit of the date-palm and the vine, ye get out wholesome drink and food: behold, in this also is a sign for those who are wise.[Yusufali 16:67]

และจากผลอินทผลัมและผลองุ่น, เจ้าจะได้มาซึ่งเครื่องดืมที่ชุ่มชื่นและอาหารที่มีประโยชน์(ทางโภชนาการ), นี่ก็คือสัญญาณของผู้ที่ใช้สติปัญญา

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่