วันนี้มีโอกาสอ่านหนังสือ “ป่าแตก—เขียนโดยอาจารย์ธิดา และหมอเหวง—จัดพิมพ์โดยมติชน-หนา208หน้าจัดพิมพ์เมื่อ2526—30ปีล่วงมาแล้ว”
ข้อเขียนทั้งหมดสรุปว่า ทั้งสองคนเขาป่าเพื่อเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดยหัวใจเปี่ยมล้นที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง เพื่อประชาชนรากหญ้าทั้งหลาย—และการเข้าป่าต่อสู้ก็เป็นหนทางเดียวที่เหลืออยู่หลังจาก 6ต.ค.2519-โดยมีรัฐบาลทหารเข้ามายึดอำนาจ แต่ท้ายที่สุดทั้งสองคนก็ยอมรับว่าถูกหลอก จนต้องออกมาจากป่า เพื่อสวมเสื้อผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และกลับเข้าสู่สังคมของนักวิชาการ
ช่วง พ.ศ.2523 จนกระเษียญอายุราชการ และเข้าสู่วงการเมืองอีกครั้ง และโดดเด่นขึ้นมาโดยอาจารย์ธิดาเป็นแกนนำ น.ป.ช. ขณะที่หมอเหวงก็เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักไทย
ขณะนี้อาจารย์ทั้งสองอายุก็ใกล้ 70ปี ผมก็แปลกใจว่าทำไมอาจารย์ทั้งสองถึงมองต่างจากนักวิชาการและคนที่เคยผ่านโลกการเมืองมากว่าค่อนชืวิตว่าการเข้าไปทำงานให้กับพรรคชาติไทยโดยมีการยึดมั่นในตัวตนของ คุณทักษิณ ชินวัตรนั้น
แท้ที่จริงการคือการรับใช้นายทุน ซึ่งแน่นอนผลประโยชน์ที่จะได้รับนั้นคุ้มค่าแน่นอน
สมกับวลีที่ว่า “สู้แล้วรวย”
แต่อาจารย์ทั้งสองไม่ได้หวังแบบนั้น ท่านหวังจะเข้าไปช่วยรากหญ้าจริง ๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเอาผู้ผู้ถูกกล่าวหา และจำเลยในคดี เผาบ้านเผาเมืองออกจากคุก อย่างเต็มความสามารถ การทำตัวแบบที่ว่าเหมือนกำลังถูกหลอกอีกครั้งในยามแก่ ซึ่งโอกาสที่จะสำเร็จนั้นมองไม่เห็น ถึงแม้ว่าความสำเร็จของคุณทักษิณและพรรคพวกยังมีแบบ 50-50 ครับ
ผมเห็นใจอาจารย์ทั้งสองจริง ๆ และขอเอาใจช่วยครับ
บันทึกถึงอาจารย์ธิดา และคุณหมอเหวง
ข้อเขียนทั้งหมดสรุปว่า ทั้งสองคนเขาป่าเพื่อเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดยหัวใจเปี่ยมล้นที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง เพื่อประชาชนรากหญ้าทั้งหลาย—และการเข้าป่าต่อสู้ก็เป็นหนทางเดียวที่เหลืออยู่หลังจาก 6ต.ค.2519-โดยมีรัฐบาลทหารเข้ามายึดอำนาจ แต่ท้ายที่สุดทั้งสองคนก็ยอมรับว่าถูกหลอก จนต้องออกมาจากป่า เพื่อสวมเสื้อผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และกลับเข้าสู่สังคมของนักวิชาการ
ช่วง พ.ศ.2523 จนกระเษียญอายุราชการ และเข้าสู่วงการเมืองอีกครั้ง และโดดเด่นขึ้นมาโดยอาจารย์ธิดาเป็นแกนนำ น.ป.ช. ขณะที่หมอเหวงก็เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักไทย
ขณะนี้อาจารย์ทั้งสองอายุก็ใกล้ 70ปี ผมก็แปลกใจว่าทำไมอาจารย์ทั้งสองถึงมองต่างจากนักวิชาการและคนที่เคยผ่านโลกการเมืองมากว่าค่อนชืวิตว่าการเข้าไปทำงานให้กับพรรคชาติไทยโดยมีการยึดมั่นในตัวตนของ คุณทักษิณ ชินวัตรนั้น
แท้ที่จริงการคือการรับใช้นายทุน ซึ่งแน่นอนผลประโยชน์ที่จะได้รับนั้นคุ้มค่าแน่นอน
สมกับวลีที่ว่า “สู้แล้วรวย”
แต่อาจารย์ทั้งสองไม่ได้หวังแบบนั้น ท่านหวังจะเข้าไปช่วยรากหญ้าจริง ๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเอาผู้ผู้ถูกกล่าวหา และจำเลยในคดี เผาบ้านเผาเมืองออกจากคุก อย่างเต็มความสามารถ การทำตัวแบบที่ว่าเหมือนกำลังถูกหลอกอีกครั้งในยามแก่ ซึ่งโอกาสที่จะสำเร็จนั้นมองไม่เห็น ถึงแม้ว่าความสำเร็จของคุณทักษิณและพรรคพวกยังมีแบบ 50-50 ครับ
ผมเห็นใจอาจารย์ทั้งสองจริง ๆ และขอเอาใจช่วยครับ