"ธนาคารพาณิชย์"ส่งสัญญาณปฎิเสธสินเชื่อบ้าน ตามแนวโน้มหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น "กสิกร" ยันยอดไม่ให้กู้สัดส่วน 60 % จากภาระหนี้ลูกค้าเพิ่ม พร้อมคุมเข้มบ้านหลังที่ 3 กำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำ "กรุงไทย"รับมีความเสี่ยงต้องระวังเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้เริ่มผ่อนบ้าน ด้าน"เอพี"ระบุลูกค้ากู้ไม่ผ่านเพิ่ม พลิกกลยุทธ์ลดเสี่ยงหันมุ่งแนวราบ
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การปฏิเสธสินเชื่อบ้านมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะภาระหนี้ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก หรือมียอดการปฏิเสธลูกค้าที่มาจากภาระหนี้เพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 60% ยอดของการปฏิเสธทั้งหมด ตามแนวโน้มหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น จากการก่อหนี้สินเชื่อบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อจากโครงการรถคันแรก โดยยอดการปฏิเสธสินเชื่อในขณะนี้อยู่ที่ 50% ของคำขอสินเชื่อที่เข้ามา โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่า
ชี้ภาระหนี้ลูกค้าแนวโน้มสูง
ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารเตรียมปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยลง 0.25% สำหรับลูกค้าใหม่ที่กู้บ้านทั้งรูปแบบของการกู้ดอกเบี้ยลอยตัว และดอกเบี้ยคงที่ในระยะปีที่ 1-3 ปีแรก มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อรักษาระดับการแข่งขัน
นอกจากนี้ธนาคารมีความระมัดระวังการปล่อยกู้ลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป และไม่ให้สินเชื่อสำหรับบ้านหลังที่ 4 ขึ้นไป โดยปัจจุบันลูกค้าที่กู้ซื้อบ้านหลังที่ 3 มีสัดส่วน 3-4% ของพอร์ตสินเชื่อบ้าน โดยธนาคารจะลดวงเงินสินเชื่อต่อหลักประกัน (Loan to Value) ลง 15% จากปกติที่สัดส่วนสินเชื่อต่อหลักประกัน 90-95% สำหรับบ้านในโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่หากเป็นโครงการทั่วไปจะอยู่ที่ 80% ทำให้ลูกค้าต้องเตรียมเงินดาวน์มากขึ้น
กรุงไทยปฎิเสธสินเชื่อ30%
ด้านนายเวทย์ นุชเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารยังไม่มีแผนลดดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อบ้าน โดยมองว่าดอกเบี้ยที่มีอยู่ในขณะนี้ยังเป็นระดับที่เหมาะสม โดยการขยายสินเชื่อในช่วงครึ่งแรกของปีปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 8 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 4หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้พอร์ตสินเชื่อบ้านของธนาคารในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท
สำหรับยอดปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ระดับ 30% เนื่องจากในปีที่ผ่านมาธนาคารมีการปรับเกณฑ์การกลั่นกรองสินเชื่อและหันมามุ่งเน้นลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก
อย่างไรก็ตามยอมรับว่ามีความกังวลกับลูกหนี้กลุ่มเดิมที่ผ่อนบ้านไปได้ประมา 2-3 ปี เริ่มมีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะลูกหนี้ที่เพิ่งครบกำหนดช่วงปรับโครงสร้างหนี้ จากความเสียหายในเหตุการณ์น้ำท่วมมาได้ไม่นาน อาจมีปัญหาติดขัดเล็กน้อย
ประกอบกับลูกค้าบางส่วน ที่เข้าโครงการรถคันแรก ที่ทำให้ภาระหนี้เพิ่มขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าอาจเห็นสัญญาณเอ็นพีแอลปรับเพิ่มขึ้นได้บ้าง ซึ่งธนาคารจะต้องเฝ้าระวังและติดตามใกล้ชิด
"เอพี"ชี้ลูกค้าขอกู้ไม่ผ่านมากขึ้น
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี(ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน) หรือเอพี กล่าวว่า จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังที่ไม่ชัดเจน อาจทำให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยยากขึ้น
ขณะนี้ภาพรวมของตลาดเริ่มมีสัญญาณของการที่ลูกค้า ขอกู้แล้วไม่ผ่านการอนุมัติจากธนาคารมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ใช่ผลกระทบของรถคันแรกเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยเรื่องของเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่ในส่วนของบริษัท สัดส่วนลูกค้ากู้ไม่ผ่านอยู่ที่ 15%
ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ
"แบงก์" เบรกเงินกู้บ้าน หลังหนี้ครัวเรือนพุ่ง
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การปฏิเสธสินเชื่อบ้านมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะภาระหนี้ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก หรือมียอดการปฏิเสธลูกค้าที่มาจากภาระหนี้เพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 60% ยอดของการปฏิเสธทั้งหมด ตามแนวโน้มหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น จากการก่อหนี้สินเชื่อบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อจากโครงการรถคันแรก โดยยอดการปฏิเสธสินเชื่อในขณะนี้อยู่ที่ 50% ของคำขอสินเชื่อที่เข้ามา โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่า
ชี้ภาระหนี้ลูกค้าแนวโน้มสูง
ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารเตรียมปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยลง 0.25% สำหรับลูกค้าใหม่ที่กู้บ้านทั้งรูปแบบของการกู้ดอกเบี้ยลอยตัว และดอกเบี้ยคงที่ในระยะปีที่ 1-3 ปีแรก มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อรักษาระดับการแข่งขัน
นอกจากนี้ธนาคารมีความระมัดระวังการปล่อยกู้ลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป และไม่ให้สินเชื่อสำหรับบ้านหลังที่ 4 ขึ้นไป โดยปัจจุบันลูกค้าที่กู้ซื้อบ้านหลังที่ 3 มีสัดส่วน 3-4% ของพอร์ตสินเชื่อบ้าน โดยธนาคารจะลดวงเงินสินเชื่อต่อหลักประกัน (Loan to Value) ลง 15% จากปกติที่สัดส่วนสินเชื่อต่อหลักประกัน 90-95% สำหรับบ้านในโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่หากเป็นโครงการทั่วไปจะอยู่ที่ 80% ทำให้ลูกค้าต้องเตรียมเงินดาวน์มากขึ้น
กรุงไทยปฎิเสธสินเชื่อ30%
ด้านนายเวทย์ นุชเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารยังไม่มีแผนลดดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อบ้าน โดยมองว่าดอกเบี้ยที่มีอยู่ในขณะนี้ยังเป็นระดับที่เหมาะสม โดยการขยายสินเชื่อในช่วงครึ่งแรกของปีปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 8 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 4หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้พอร์ตสินเชื่อบ้านของธนาคารในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท
สำหรับยอดปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ระดับ 30% เนื่องจากในปีที่ผ่านมาธนาคารมีการปรับเกณฑ์การกลั่นกรองสินเชื่อและหันมามุ่งเน้นลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก
อย่างไรก็ตามยอมรับว่ามีความกังวลกับลูกหนี้กลุ่มเดิมที่ผ่อนบ้านไปได้ประมา 2-3 ปี เริ่มมีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะลูกหนี้ที่เพิ่งครบกำหนดช่วงปรับโครงสร้างหนี้ จากความเสียหายในเหตุการณ์น้ำท่วมมาได้ไม่นาน อาจมีปัญหาติดขัดเล็กน้อย
ประกอบกับลูกค้าบางส่วน ที่เข้าโครงการรถคันแรก ที่ทำให้ภาระหนี้เพิ่มขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าอาจเห็นสัญญาณเอ็นพีแอลปรับเพิ่มขึ้นได้บ้าง ซึ่งธนาคารจะต้องเฝ้าระวังและติดตามใกล้ชิด
"เอพี"ชี้ลูกค้าขอกู้ไม่ผ่านมากขึ้น
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี(ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน) หรือเอพี กล่าวว่า จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังที่ไม่ชัดเจน อาจทำให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยยากขึ้น
ขณะนี้ภาพรวมของตลาดเริ่มมีสัญญาณของการที่ลูกค้า ขอกู้แล้วไม่ผ่านการอนุมัติจากธนาคารมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ใช่ผลกระทบของรถคันแรกเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยเรื่องของเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่ในส่วนของบริษัท สัดส่วนลูกค้ากู้ไม่ผ่านอยู่ที่ 15%
ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ