วันที่ 22 มิ.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรับจำนำข้าวว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมาหลังการประชุม กขช. ตนได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการค้าภายใน ตัวแทนอนุกรรมการปิดบัญชี อคส.เป็นต้น ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หารือแนวปฏิบัติในการลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังข้าวในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ โดยตนได้หารือกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร.และได้ข้อสรุปตรงกันว่า ในวันดังกล่าวเราจะเชิญผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัด ประมาณ 60 ท่าน มาประจำการศูนย์ปฏิบัติการของ ตร.ที่ส่วนกลาง เพื่อรวบรวมข้อมูลการลงพื้นที่แต่ละจังหวัด ซึ่งจะมีผู้บังคับการระดับปฏิบัติในแต่ละจังหวัด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ประจำการที่จุดรับจำนำ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตรวจสอบการเข้าออกของข้าว ถ้ามีข้าวเข้ามาโดยไม่มีชาวนามายืนยัน ต้องมีการตรวจสอบหลักฐานทางราชการ หากพบเหตุผิดปกติให้รายงานมายังส่วนกลางโดยด่วน รวมทั้งในส่วนของโกดังที่เก็บข้าวด้วย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจลงตรวจสอบข้อมูลและความเคลื่อนไหวเช่นกัน

     นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการประชุมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตำรวจที่ ปปป. เมื่อช่วงเช้า ได้ข้อสรุปว่าทุกฝ่ายจะกำหนดแบบฟอร์มการลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังเก็บข้าว โดยจะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบเดียวกัน ดังนั้นการบันทึกข้อมูลจะใช้โปรแกรมเดียวกัน โดยมีตัวแทนของกรมการค้าภายใน กคส.ตัวแทนอนุกรรมการปิดบัญชี อนุกรรมการระดับจังหวัดเจ้าหน้าที่จากบริษัทเซอร์เวย์เยอร์กลาง 14 ราย ร่วมตรวจสอบคุณภาพข้าวด้วย ทั้งนี้ หากในระหว่างนี้ก่อนถึงวันดีเดย์ ประชาชนพบความผิดปกติในการขนถ่าย ยักย้ายข้าวสารและข้าวเปลือก สามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 1569 เจ้าหน้าที่พร้อมลงไปตรวจสอบทันที

   นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีสูตรการคำนวณหาปริมาณข้าวนั้น หากเป็นโกดังกลาง มีข้าวสารบรรจุกระสอบไปแล้ว จะมีสูตรคำนวณเฉพาะ โดยจำนวนกระสอบต้องตรงตามจำนวนที่ลงบันทึกไว้ หากไม่ตรงเจ้าหน้าที่ถือกุญแจรวม 3 คนจะต้องรับผิดชอบ ส่วนกรณีที่เป็นข้าวสารรอบรรจุหรือข้าวเปลือกรอสีที่กองอยู่ในไซโล จะมีสูตรการคำนวณตามรูปทรงของกองข้าวซึ่งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและตัวแทนเกษตรกรเห็นตรงกันในการใช้คำนวณปริมาณข้าวที่กองอยู่ในไซโล ซึ่งให้ค่าคลาดเคลื่อนหรือค่าเออร์เร่อที่ข้าวสารไม่เกินร้อยละ 5 ข้าวเปลือกไม่เกินร้อยละ 10 หากมีปริมาณข้าวเกินไปจากนี้จะต้องมีการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ ในต้นสัปดาห์หน้าตนจะนัดหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจมาซักซ้อมความเข้าใจ และติดตามความพร้อมเป็นระยะ ๆ
  
   ส่วนที่มีฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลรวมทั้งสมาชิกฝ่ายค้าน ออกมาวิพากษ์โครงการนี้ ต้องพูดให้ชัดว่าโครงการนี้เป็นโครงการแรกและเป็นรัฐบาลชุดแรกในประวัติศาสตร์ที่โอนเม็ดเงินเข้าสู่บัญชีของเกษตรกรโดยตรง มากกว่า 6.28 แสนล้านบาท เป็นการพิสูจน์ว่าเรารับผิดชอบต่อนโยบาย และมีความจริงใจ ตงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม ชาวนาที่วิตกกังวลว่าจะได้รับผลกระทบ เราพร้อมรับฟังความคิดเห็น แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อหาข้อสรุปที่ทุกฝ่ายเข้าใจกันได้ เราไม่ปิดกั้นหรือปฏิเสธข้อเสนอของชาวนา เราเป็นมิตรแท้และจะยืนเคียงข้างชาวนาต่อไป
ทั้งนี้ ตนแปลกใจกับข้อกล่าวหาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่พูดทุกวันว่าโครงการนี้ชาวนาได้ประโยชน์จริงแค่แปดหมื่นล้านบาท บางวันก็บอกว่าแสนกว่าล้านบาท หรือตัวเลขเงินไม่ถึงมือชาวนาโดยตรง ดังนั้น ขอให้นายอภิสิทธิ์แสดงความรับผิดชอบ โดยออกมาอธิบายให้ชัด เพราะ อคส.ยืนยันว่าโอนเงินไปแล้วถึง 6.28 แสนล้านบาท ดังนั้นนายอภิสิทธิ์มีหลักเกณฑ์การคำนวณอย่างไร ออกมาพูดให้ชัดไม่ใช่ออกมาพูดสร้างความสับสนแบบนี้ ขอเตือนความจำว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่หรือที่ออกมาวิพากษ์ตัวเลขจำนำว่า 15,000 บาทสูงเกินไป เมื่อรัฐบาลปรับลดก็ออกมาไม่เห็นด้วยอีก

  "ผมขอบอกว่าจะจำไว้และขอให้ชาวนาจดไว้ข้างยุ้งฉาง ว่าหากราคาตลาดโลกปรับสูงขึ้น วินัยการคลังของประเทศคลายตัวลง อนาคตรัฐบาลพร้อมปรับหลักเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ พรรคประชาธิปัตย์จะเห็นด้วยและไม่โจมตีรัฐบาลอีก ตรงนี้ต้องให้ชัด พรรคประชาธิปัตย์ควรหยุดทำตัวเป็นหอยเชอร์รี่ เบียดเบียนประโยชน์ของชาวนาโดยไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้" นายณัฐวุฒิ กล่าว

จาก http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=686224&lang=T&cat=

คาดว่าอีก 7 วัน หลังจากนี้ ราคาข้าวภายในประเทศจะกระเตื้องขึ้น

เพราะรัฐบาลให้โอกาสแล้ว ทั้งนี้ หากไม่มีข้าวตรงตามความเป็นจริง หรือมีข้าวหายจากโกดัง หรือข้าวเสียหาย

งานนี้ บางคนร้อน ๆ หนาว ๆ มีสิทธิ์ได้ไปนอนมุ้งสายบัว โดยไม่มีโอกาสได้ใช้เงินอีกต่อไป