ตายแน่ ! กระสอบข้าวทับ โธ่ ! "วรงค์" (สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านครับ)

กระทู้ข่าว
ตายแน่ ! กระสอบข้าวทับ โธ่ ! "วรงค์"

“ตายน้ำตื้น” คือพังเพยเปรียบเทียบ เพื่อเตือนสติคนที่คิดว่าตนเองแน่ ตนเองฉลาดกว่าคนอื่น แต่ในโลกของความเป็นจริง คนพวกนี้พลาดท่าเสียทีกับเรื่องง่ายๆมานักต่อนักแล้ว ประเด็นการต่อสู้ทำลายล้างทางการเมือง ระหว่าง 2 พรรคใหญ่ยุคนี้ คือพรรคเพื่อไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ชัดเจนว่าเป็นลักษณะของการไม่เผาผีกันแล้วสำหรับคนรุ่นนี้ ฉะนั้นอะไรที่คิดว่าเล่นงานโจมตีกันได้ เป็นงัดขึ้นมาเล่นหมด โดยเฉพาะอะไรที่เป็นจุดขาย หรือจุดอ่อนทางการเมืองของขั้วตรงข้าม แล้วเป็นชัดไม่มียั้ง ได้ผลไม่ได้ผลไม่สน ขอเพียงสร้างกระแสได้เป็นพอ

ถือเป็นสไตล์ถนัดของพรรคประชาธิปัตย์ยุคที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค
ฉะนั้นจะเห็นว่า จุดแข็งของพรรคเพื่อไทยคือเรื่องนโยบายประชานิยม กับจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทย คือเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงเป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ และกลุ่มคนรอบข้าง พากันทั้งถล่ม ทั้งโจมตี ทั้งค้านสารพัดวิธี แม้จะถูกมองว่า ค้านดะ ค้านหยุมหยิมก็ตาม

กรณีโครงการรับจำนำข้าว ถือเป็นนโยบายของเพื่อไทย ที่หากทำได้สำเร็จ ฐานมวลชนรากหญ้า โดยเฉพาะชาวนา จะหนุนเพื่อไทยอย่างมั่นคง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้ทางการเมือง และทำให้แก๊งมาร์ค ลุยปะฉะดะ เรื่องนี้ว่ามีการทุจริตมโหฬาร แบบกัดไม่ปล่อย

แม้จะมีการตั้งคำถามว่า แล้วประกันราคาข้าว ประกันราคาพืชผลทางการเกษตรนั้น ไม่มีการทุจริตหรืออย่างไร ล่าสุดโครงการประกันราคาหอมแดง ก็เน่าฉาวโฉ่ เป็นคดีคาราคาซังอยู่

เมื่อรับจำนำข้าวเป็นเรือธงเชิงนโยบายทางการเมืองของเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ก็เลยต้องถล่มหนักอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.ประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหอกที่จับเรื่องนี้มาโดยตลอด ก็ออกมาชนรัฐบาลเพื่อไทย ชนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แบบเต็มในการตั้งกระทู้สดถามเรื่องทุจริตรับจำนำข้าว

มีรายการโชว์หลักฐานเป็นกระสอบบรรจุข้าวสาร อ้างว่าได้จากคลังเก็บข้าวสารของรัฐบาล โดยระบุว่ามาจากโกดังแห่งหนึ่งในจ.สุรินทร์ เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย ว่าเจ๋งจริงๆ ได้หลักฐานมาขนาดนี้
แต่ทำไปทำมาทำท่าว่า จะเป็นเสียงฮือฮาที่เหมือนกับการจุดพลุทางการเมือง ที่พุ่งขึ้นไปวูบหนึ่งพร้อมเสียงดัง แต่สุดท้ายก็ตกลงมาสู่พื้น หรือถ้าโชคร้ายไม่ระมัดระวังก็ตกลงมาใส่หัวคนยิงพลุเสียเอง
เพราะงานนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ปล่อยให้สร้างกระแสตีกินง่าย

ยืนยันตอบในสภาอย่างเดียวไม่พอ แต่เบิ้ลกลับด้วยการตรวจสอบ ทั้งตรวจสอบโรงสีว่าจริงหรือไม่ ที่ นพ.วรงค์ ระบุว่าการเก็บรักษาข้าวของรัฐบาลทำให้ข้าวเกิดความเสียหายกลายเป็นข้าวเน่า ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบว่า มีเรื่องทุจริตเกิดขึ้นอย่างที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่

แต่ที่สวนกลับเต็มๆชนิดแลกหมัดให้หน้าหงายกันไปข้างหนึ่ง ก็คือ การตรวจสอบที่มาที่ไปของกระสอบข้าวที่ นพ.วรงค์ นำมาโชว์กลางสภานั่นเอง

“ผมตอบกระทู้แล้วบอกว่ารัฐบาลดูแลรักษาข้าวอย่างดี แต่กระสอบข้าวที่นพ.วรงค์นำออกมาจากโกดังของรัฐบาลได้อย่างไร ถือว่าลักทรัพย์ของทางราชการใช่หรือไม่”

โดยให้ทั้ง พาณิชย์จังหวัด การค้าภายในจังหวัด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานเกษตรจังหวัด ศูนย์วิจัยข้าวสุรินทร์ ปกครองจังหวัด ร่วมออกไปตรวจสอบข้าวสารในคลังกลาง ของ หจก. สหพืชผลท่าตูม ที่ จ.สุรินทร์ ตามข้อมูลจากรหัสข้างกระสอบข้าวสาร ที่ นพ.วรงค์เอามาโชว์

ซึ่งนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ก็ได้มอบหมายให้นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์เป็นหัวหน้าคณะตรวจสอบ ปรากฎว่า 1.คลังกลางของหจก.สหพืชผลท่าตูม เป็นคลังกลางขององค์การคลังสินค้า (อคส.)ที่ยังอยู่ในกระบวนการรับมอบข้าวสารที่ยังไม่แจ้งปิดคลัง มีข้าวสารหอมมะลิตามโครงการการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2555/56 อยู่ในคลัง 136,672 กระสอบ
2.การเก็บตัวอย่างข้าวสารจากกระสอบในคลังกลางมาตรวจสอบพบว่าข้าวสารมีข้าวเป็นปกติ ได้รับการยืนยันจากผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวสารประจำคลังกลาง (เซอร์เวเยอร์) ว่าเป็นข้าวสารหอมมะลิฤดูการผลิตปี2555/56 ที่มีสีขาวตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

“ผมยืนยันได้ว่าในโกดังเก็บข้าวของรัฐบาลตามรหัสข้างกระสอบที่กล่าวอ้างนั้นยังอยู่ในสภาพดี โกดังมีมาตรฐานไม่เกิดความเสียหายแต่อย่างใด และเพื่อความชัดเจนจึงมอบหมาย อคส.ตรวจสอบทุกโกดังในจ.สุรินทร์อีกครั้ง และมอบหมายให้อคส.เข้าแจ้งความ ที่สภ.อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อแจ้งความเอาผิด นพ.วรงค์ ในข้อหาลักทรัพย์และลักของโจร กรณีมีการนำข้าวสารในโกดังรัฐบาลออกมา”นายณัฐวุฒิระบุ

ประด็นที่ทำให้เจอข้อหาลักทรัพย์ ก็เพราะการเก็บข้าวสารในคลังรัฐบาลทุกจังหวัดทุกพื้นที่ต้องคัดเลือกโกดังที่ได้มาตรฐาน มีกรรมการตรวจสอบดูแลใกล้ชิด การเปิดโกดังไม่ใช่เรื่องทำได้โดยง่าย ทุกโกดังเปิดออกมาได้ต่อเมื่อมีผู้ถือกุญแจ 3 คนมาไขกุญแจพร้อมกัน คือ 1.เจ้าหน้าที่อคส.ประจำจังหวัด 2.เจ้าหน้าที่บริษัทเซอร์เวเยอร์ และ 3.เจ้าหน้าที่ทางจังหวัดมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด
และการไขกุญแจโกดังแต่ละครั้งต้องบันทึกอย่างชัดเจน

“การที่นพ.วรงรค์เอากระสอบข้าวสารออกมาเป็นการกระทำที่อุกอาจ เพราะเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ ซึ่งทุกโกดังมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งผมสั่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังแล้ว”

ที่สำคัญงานนี้ไม่ได้เจอแลกหมัดเพียงแค่ดอกเดียว แต่ยังมีศอกกลับสวนเข้าให้อีกดอกด้วย เพราะนายณัฐวุฒิ นอกจาจะจี้เรื่องที่มาที่ไปของข้าวกระสอบนั้นว่าได้มาจากที่ไหน แล้วใครนำมามอบให้ ซึ่งถ้านพ.วรงค์ยังปิดบังข้อมูลนี้ ก็ต้องกลายเป็นว่าร่วมอยู่ในขบวนการขโมยทรัพย์สินทางราชการ
เพราะของกลางอยู่ในมือ

แต่ ถ้านพ.วงรค์ปฏิเสธ ก็เท่ากับกลายเป็นว่า มีการสร้างหลักฐานเท็จป้ายสีให้กับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล!!!

โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ชนิดมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง!!!

ได้ทีแบบนี้มีหรือนายณัฐวุฒิจะปล่อยผ่านโอกาสทอง รีบดักคอก่อนเลยว่าเรื่องนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปชี้แจง หมอวรงค์อย่าอ้างเรื่องติดสมัยประชุมดึงเวลาให้ยาวออกไปก็แล้วกัน เพื่อความชัดเจนของประชาชน ก็ควรร่วมมือกับตำรวจและพูดควมจริงเพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างชัดเจน
แต่มาขนาดนี้แล้ว นพ.วรงค์ ก็ต้องแลกหมัดสู้ โดยใช้สไตล์ฮิตของ ปชป.ยุคอภิสิทธิ์ คือไปโพสต์ข้อความลงบนเฟชบุ๊คส่วนตัว “Warong Dechgitvigrom” ใจความสำคัญระบุว่า

“ผมว่า จะเป็นการดีมากเลยที่ท่านเต้น จะดำเนินคดีกับผมจริงๆ อย่างน้อยผมจะได้พิสูจน์ต่อสังคมว่า นิสัยผมถ้าไม่มีหลักฐานจริง หรือมีเอกสารยืนยันผมไม่พูดหรอก”

เรียกว่าไม่หวั่นในเรื่องลักทรัพย์ และเรื่องหลักฐานเท็จ

แต่ที่ทำให้คนดูวันที่ถามกระทู้สดงงก็คือ วันนั้นบอกว่าข้าวสารเน่าเพราะเก็บรักษาไม่ดี แต่โพสต์รอบนี้บอกว่า ข้าวเน่าไม่ใช่เน่าเพราะการจัดเก็บ แต่เป็นการสมรู้ร่วมคิดเอาข้าวเน่ามายัดใส่โกดังรัฐบาล และมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะกับพวกตรวจคุณภาพข้าว(เซอร์เวเยอร์)

ขยายการเปิดศึกไปยังบรรดาเซอร์เวเยอร์เข้าให้อีกวงหนึ่ง ว่ารับใต้โต๊ะ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเซอร์เวเยอร์ที่ตรวจโกดังคลังกลาง ของหจก. สหพืชผลท่าตูม จะมีใครฟ้องหมิ่นประมาทหรือไม่

เล่นการเมืองแบบตายน้ำตื้น โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง มีแต่เจ๊งกับเจ็งแบบนี้แหละ ที่ทำให้มีคนถามหาบรรดาผู้อาวุโส ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะต้องลงมากอบกู้พรรค และทำหน้าที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านให้คน ปชป.รุ่นปัจจุบัน ดูได้หรือยังว่า ค้านแบบมีคุณภาพ มีคุณธรรมการเมืองนั้นทำอย่างไร
คนรุ่นเก่าใน ปชป. ควรมาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลให้เห็นประสิทธิภาพฝ่ายค้านได้แล้ว เพราะถ้าพรรคฝ่ายค้านเข้มแข็ง ตรวจสอบมีประสิทธิภาพ ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตามก็กินไม่สะดวกคอแน่ๆ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคของนายอภิสิทธิ์ ก็คือ เล่นการเมืองกันได้แต่แบบนี้หรือ???

ที่สำคัญนายณัฐวุฒินั้นฝึกซ้อมการเมืองมาตั้งแต่เด็กๆ ผ่านเวทีการพูดมาอย่างโชกโชน ไหวพริบทางการเมืองไม่เป็นรองใคร หากจะเชือดเต้น ต้องใช้คนที่มีฝีมือและต้องทำการบ้านมากกว่านี้ ถึงจะพอสูสี
เพราะเต้น ณัฐวุฒิ นั้น อนาคตทางการเมืองคงไม่หยุดแค่รัฐมนตรีช่วยอย่างแน่นอน แต่ยังสามารถไปได้อีกไกล ตราบเท่าที่มีความสามารถ และยังมีฐานมวลชนให้การสนับสนุน ฉะนั้นเต้นจะต้องไม่ทิ้งฐานมวลชน ไม่ลืมคนเสื้อแดงเป็นอันขาด

อย่าให้ตำแหน่งเสนาบดีมาบังตา แล้วรับรองได้ว่าอนาคตการเมืองไปได้ไกลแน่ๆ

ขณะที่ประชาธิปัตย์ยุคนี้ ถ้าไม่ยอมผ่าตัดใหญ่ ก็มองอนาคตได้เพียงแค่ว่าอันตรายแน่ๆ

เพราะอย่างน้อยที่สุด นี่คือการไม่จำบทเรียนในอดีต... สมัยที่ใช้กระดาษแผ่นเดียว อภิปรายศัญชาตินายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งนั้นทำให้ประชาธิปัตย์ถูกหยันเรื่องนี้มาจนทุกวันนี้
ครั้งนี้ดันใช้กระข้าวสารใบเดียว มาอีหรอบเดียวกันเป๊ะ!!!

ที่มา... บางกอกทูเดย์
http://www.bangkok-today.com/node/14908
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่