ยิ่งลักษณ์’ปรี๊ดใส่NGO-สื่อ
เดือดถูกจี้‘ข้าวถุงพิษ’
หอค้าแนะล้ม‘จำนำ’
เมื่อวันที่ 17กรกฎาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีมูลนิธิคุ้มครองเพื่อผู้บริโภคแถลงผลตรวจข้าวสารบรรจุถุงพบ 34 ยี่ห้อมีสารรมควันตกค้างและมีบางยี่ห้อเกินมาตรฐานว่า รัฐบาลไม่ปิดกั้นในการที่มูลนิธิฯจะช่วยรัฐบาลตรวจสอบ แต่ในส่วนรัฐบาลก็มีมาตรฐานการตรวจสอบจากกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้น อยากให้ประสานงานกันก่อน เพราะเราไม่ต้องการให้ต่างคนต่างออกไป แล้วทำให้ประชาชนกังวล
“ปู”ติงNGOฉายเดี่ยวตรวจข้าวถุง
“เราพร้อมบูรณาการลงพื้นที่ทันที ถ้ามีข้อมูล เพื่อตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนและที่หลายๆสมาคมออกมา แล้วมาตรฐานที่จะตรวจไม่เหมือนกัน เกรงว่าทำให้เกิดความสับสนก็พร้อมให้กระทรวงสาธารณสุขพูดคุยกับมูลนิธิฯ ซึ่งเราได้ย้ำกระทรวงสาธารณสุขให้ชี้แจงกับประชาชนในขั้นตอนต่างๆ”น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
โวยอย่าเหมาทั้งระบบทุบเชื่อมั่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายฝ่ายเกรงจะกระทบการส่งออกข้าวโดยเฉพาะส่งไปประเทศจีน นายกฯกล่าวว่า ขออย่าพูดในภาพรวม เพราะจะเกิดความเสียหายทั้งระบบ เพราะไม่เพียงกระทบความเชื่อมั่นคุณภาพข้าวที่เรามีข้าวคุณภาพดีอยู่แล้ว แต่คนจะมองไปทั้งหมด ถ้าติดตรงไหนขอให้บอก เราพร้อมเข้าไปชี้แจงและตรวจสอบ เพราะไม่ได้หมายความว่าเป็นทั้งหมด ถ้าระบุภาพรวมจะกระทบรายได้ของชาวนาและการค้าข้าวทั้งหมด ก็ขอความร่วมมือตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนจะนำมาเปิดเผย หรือชี้แจงกับประชาชนจะดีกว่า เกรงทำให้ตกใจ เพราะวันนี้เรารับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก
สั่งสธ.รีเช็คผลตรวจข้าวถุงมูลนิธิฯ
ถามต่อว่า วันนี้เกณฑ์มาตรฐานการตรวจสอบสารรมควันที่ตกค้างในข้าวตรงกันหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตรงกัน เพราะกระทรวงสาธารณสุขประสานกับองค์การอนามัยโลก (WHO) อยู่แล้ว แต่ข้อมูลในส่วนมูลนิธิฯคงต้องให้กระทรวงสาธารณสุขดูรายละเอียดต่อไป ซึ่งต้องตรวจว่ามีความเสียหายหรือไม่ ซึ่งรมว.สาธารณสุขแถลงไปแล้ว ขอตรวจเฉพาะจุดที่พบปัญหาดีกว่า
ว๊ากสื่อถามซ้ำๆย่ำอยู่กับที่
ถามย้ำว่าผู้บริโภคสงสัยเรื่องการตรวจสอบ เพราะข้าวที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคนำมาตรวจเป็นข้าวจากห้างสรรพสินค้า นายกฯกล่าวว่า เรายินดีเอาข้าวมาตรวจสอบ โดยเปิดให้สาธารณชนร่วมด้วย ถ้าตรวจเจอก็ต้องไล่หากระบวนการว่าข้าวนั่นอยู่ที่ไหน โรงสีไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ตรวจสอบแล้วจะเป็นทั้งกระบวนการ หรือข้าวทั้งหมดของไทยใช้ไม่ได้
"ต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนด้วย ถ้าสื่อยังถามคำถามนี้อยู่ตลอดเวลา ก็ไม่ไปไหน วันนี้แทนที่เราจะเดินหน้าแล้ว กลับมาคุยกันแต่ประเด็นตรงนี้"นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จ.อยุธยา และจะไปตรวจเยี่ยมบริษัทข้าวตราฉัตรมีวัตถุประสงค์อะไร นายกฯกล่าวว่า เราอยากไปสำรวจเองด้วยตา เพราะมีหลายมิติเราจะได้ไปรับฟังจากผู้ประกอบการทุกมุมมอง อยากให้โอกาสทุกคนได้พูดและให้ข้อมูลเต็มที่
ยื่นซองประมูลข้าว2แสนตัน30ก.ค.
ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าระบายข้าวค้างสต๊อก โดยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดประมูลขายข้าวเปลือกเจ้า 5 % เป็นการทั่วไป จำนวน 2 แสนตัน เพื่อส่งออกต่างประเทศ โดยสามารถยื่นซองเสนอราคาได้วันที่ 30 กรกฎาคม เวลา 9.00 -16.30น. โดยให้เสนอราคาซื้อ ณ โรงสี และ กำหนดให้ผู้ซื้อต้องนำใบคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศ มาแสดง ซึ่งปริมาณที่ประมูลต้องสอดคล้องกับปริมาณที่ส่งออก การซื้อคิดในอัตราส่วนข้าวเปลือก 1.65 ต่อ ข้าวสาร 1 ส่วน และต้องวางหลักประกันในอัตราร้อยละ 2 ของมูลค่าข้าวที่ยื่นเสนอซื้อ
หอก.ค้าค้านติดชิป-แนะล้มจำนำ
มีความเห็นจากนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยถึงแนวคิดกระทรวงพาณิชย์จะติดชิพ (RFID) ที่กระสอบข้าวแก้ปัญหาทุจริตโครงการจำนำข้าวว่า ไม่จำเป็น เพราะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุจริตข้าว เนื่องจากข้าวมีจำนวนมหาศาล อีกทั้ง ยังสามารถเอาชิปออกจากกระสอบข้าวได้ แต่ควรใช้วิธีทยอยระบายข้าวในสต๊อก โดยเอกชนเข้าไปดำเนินการ และยังเห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อไป รัฐบาลควรปล่อยให้ราคาข้าวเป็นไปตามกลไกตลาด และควรนำงบประมาณที่ใช้ในโครงการรับจำนำไปใช้พัฒนาการปลูกข้าวของชาวนา ซึ่งจะเกิดประโยชน์และมีความยั่งยืนมากกว่า
ส.ส.พท.โผล่ยันข้าวไทยปลอดภัย
วันเดียวกัน นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงยืนยันคุณภาพข้าวในสต๊อกของรัฐบาลและเอกชนว่า ปลอดภัยเพราะมีวิธีรักษาคุณภาพข้าว ด้วยวิธีรมควันป้องกันมอดและแมลงมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี จนมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน สารเคมีที่นำมาใช้ไม่ใช่สารตกค้าง สามารถระเหยไปในอากาศได้ ประชาชนก็ไม่ต้องตกใจ
บี้“ยรรยง”ระบายข้าวราคาตลาด
นายไพโรจน์ ยังแถลงถึงประเด็นการระบายข้าวค้างสต๊อกอีก 20ล้านตันว่า ตนอยากให้รัฐบาลระบายข้าวให้ได้ตันละ15,000บาท ตามราคาตลาด ขณะนี้มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะระบายข้าวในราคาตันละ12,000บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าตลาด ถ้าระบายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อตัน ผู้ที่รับผิดชอบโดยเฉพาะนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ต้องทบทวนว่า มีวิธีไหนที่จะระบายข้าวได้ราคาตามท้องตลาด เพราะตนรับไม่ได้หากรัฐบาลต้องขาดทุนไปมากกว่านี้
“รัฐบาลไม่ควรใช้วิธีการประมูลในทางลับ เพราะจะรู้กันเฉพาะบริษัทใหญ่ เพียงไม่กี่แห่ง หากจะขายข้าวในราคาถูก ก็ควรเอามาบรรจุถุงขายให้ประชาชนในราคากิโลกรัมละ 15บาท จะดีกว่า รัฐบาลช่วยชาวนาแล้วก็ควรช่วยผู้บริโภคด้วย”นายไพโรจน์ กล่าว
แนะโละเซอร์เวเยอร์ลดต้นทุน
ส.ส.กทม.ผู้นี้ระบุอีกว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะใช้เงินไปจ้างผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวหรือ เซอร์เวเยอร์ เพราะไม่มีความจำเป็น ควรตัดลดงบประมาณในส่วนนี้ โดยนำโรงสี โกดังองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) องค์การคลังสินค้า (อคส.)มาช่วยตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งออก ถ้าพบว่าข้าวที่ออกมาไปตรงกับตัวอย่าง ทั้ง 4 หน่วยงานต้องรับผิดชอบ หรือหากรัฐบาลต้องใช้ผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวจริงๆ ควรใช้บริษัทที่ทั่วโลกยอมรับ จะได้ไม่เสียเงินซ้ำซ้อน ไม่ใช่ใช้เซอร์เวเยอร์ของฝ่ายการเมืองที่เป็นเจ้าเดิม แล้วต้องมาชี้แจงกับประชาชนว่าข้าวมีปัญหา ทั้งที่การเก็บโกดังข้าวก็เป็นไปตามปกติ ไม่มีทางเกิดปัญหาข้าวเน่าถึงจะเก็บข้าวไว้นานแค่ไหนก็ตาม นอกจากกระสอบข้าวเสียหาย หรือมีความชื้นมาก และมีใครเอาสลิงค์ฉีดน้ำใส่กระสอบข้าวจนเกิดข้าวเน่า
ชม“สารี”สอบข้าวถุงเป็นคุณรบ.
ส่วนกรณีน.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค แถลงผลตรวจสอบข้าวสารบรรจุถุงที่จำหน่ายในตลาด นายไพโรจน์กล่าวว่า การทำหน้าที่ของน.ส.สารี ถือเป็นคุณประโยชน์ต่อรัฐบาล มีความน่าเชื่อถือ เพราะออกมาเคลื่อนไหวอย่างตรงไปตรงมาเพื่อผู้บริโภค ไม่มีนอกมีในกับรัฐบาล ถือเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนบริษัทที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน แต่ไม่เป็นอันตรายก็ต้องไปปรับปรุง เพราะถ้าทำไม่ดี ก็คงไม่มีใครซื้อ
“มาร์ค”จี้รัฐคุมคุณภาพข้าวถุง
มีความเห็นจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาคุณภาพข้าวถุงที่พบสารปนเปื้อนว่า รัฐบาลต้องมีมาตรการดูแลทั้งในส่วนที่เกินมาตรฐานสากล และที่เกินมาตรฐานของประเทศคู่ค้าของไทย เพราะข้าวที่จะส่งออกไปนั้น จีนเป็นตลาดหลักของไทย ถ้าข้าวไทยมีสารตกค้างเกินมาตรฐานที่จีนกำหนดจะเป็นปัญหา
นายอภิสิทธิ์ยังชื่นชมมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ตรวจสอบสารตกค้างในข้าวถุง และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ปัญหาตรงไปตรงมาโปร่งใส มีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์รองรับ แต่ขณะนี้หน่วยงานรัฐอ้างว่ายี่ห้อที่พบปัญหายังไม่ได้ตรวจ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือ เมื่อมูลนิธิฯพบข้อเท็จจริงเช่นนี้ รัฐบาลต้องทำความจริงให้กระจ่าง และเร่งตั้งองค์กรอิสระเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
หมอวรงค์โชว์ซุกข้าวเน่าไร้เงารบ.
วันเดียวกัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พร้อมด้วยนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปทำเนียบรัฐบาลรอบ 2 เพื่อสาธิตวิธีการซุกข้าวเน่า หรือข้าวหยอดหลุมให้ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดู แต่ไม่พบ เนื่องจากทีมงานโฆษกฯติดภารกิจเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ระหว่างวันที่ 18-19 กรกฎาคม ที่จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนายสมภาส นิลพันธ์ ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มาดูการสาธิตวิธีซุกกระสอบข้าวเน่าในโกดังเก็บข้าวของรัฐบาล พร้อมรับหนังสือแทน
เปิดคลิป “โกงจำนำข้าว5”แฉซ้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วรงค์ยังได้เปิดคลิปวิดีโอ “โกงจำนำข้าว5” ซึ่งเป็นการเข้าไปตรวจสอบกระบวนการซุกข้าวเน่าจากโรงสีแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ พร้อมมอบหลักฐานซึ่งเป็นลายเซ็นภาษาจีนของ “มาดามกง” ที่ระบุว่าเป็นผู้ซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จากรัฐบาลไทย รวมทั้งหลักฐานช่องทางทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวทุกขั้นตอนมามอบให้
ปูด”มาดามกง”โยงทีมเก่าข้าวจีทูจี
นพ.วรงค์กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศทีโออาร์ขายข้าวครั้งล่าสุดเป็นข้าวเปลือกเจ้า 5% รวมกับปลายข้าว โดยทีโออาร์ของรัฐบาลกำหนดไว้ว่าเมื่อประมูลได้แล้วต้องส่งขายต่างประเทศ ซึ่งตนเห็นด้วย แต่แปลกใจคือ เมื่อขายข้าวแบบจีทูจีเหตุใดจึงไม่บังคับ ทำให้มีการใช้ตัวละครชื่อมาดามกง มาซื้อข้าว แต่ไม่ส่งออกต่างประเทศ กลับเวียนมาขายในประเทศ จึงขอให้รมว.พาณิชย์ไปตรวจสอบสัญญา ก็จะรู้แล้วว่าเป็นใคร จากการตรวจสอบเชิงลึกทราบว่า มาดามกงผูกพันกับทีมผู้ประกอบการค้าข้าวแบบจีทูจีทีมเก่า ดังนั้น แค่รัฐบาลไปเรียกสัญญามาดูก็จบแล้ว
ตราบใดที่ยังไม่ทําให้โปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เพียงแค่ใช้คําพูดหรือเทคโนโลยีมาใช้เพื่อมากลบเกลื่อนปัญหา
อย่าหวังเลยว่าจะแก้ปัญหาได้ การปิดบัง กลบเกลื่อน ซ่อนเร้น ยิ่งทําให้ข้าวไทยพินาศทั้งแผ่นดิน
‘ยิ่งลักษณ์’ปรี๊ดใส่NGO-สื่อ เดือดถูกจี้‘ข้าวถุงพิษ’
เดือดถูกจี้‘ข้าวถุงพิษ’
หอค้าแนะล้ม‘จำนำ’
เมื่อวันที่ 17กรกฎาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีมูลนิธิคุ้มครองเพื่อผู้บริโภคแถลงผลตรวจข้าวสารบรรจุถุงพบ 34 ยี่ห้อมีสารรมควันตกค้างและมีบางยี่ห้อเกินมาตรฐานว่า รัฐบาลไม่ปิดกั้นในการที่มูลนิธิฯจะช่วยรัฐบาลตรวจสอบ แต่ในส่วนรัฐบาลก็มีมาตรฐานการตรวจสอบจากกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้น อยากให้ประสานงานกันก่อน เพราะเราไม่ต้องการให้ต่างคนต่างออกไป แล้วทำให้ประชาชนกังวล
“ปู”ติงNGOฉายเดี่ยวตรวจข้าวถุง
“เราพร้อมบูรณาการลงพื้นที่ทันที ถ้ามีข้อมูล เพื่อตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนและที่หลายๆสมาคมออกมา แล้วมาตรฐานที่จะตรวจไม่เหมือนกัน เกรงว่าทำให้เกิดความสับสนก็พร้อมให้กระทรวงสาธารณสุขพูดคุยกับมูลนิธิฯ ซึ่งเราได้ย้ำกระทรวงสาธารณสุขให้ชี้แจงกับประชาชนในขั้นตอนต่างๆ”น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
โวยอย่าเหมาทั้งระบบทุบเชื่อมั่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายฝ่ายเกรงจะกระทบการส่งออกข้าวโดยเฉพาะส่งไปประเทศจีน นายกฯกล่าวว่า ขออย่าพูดในภาพรวม เพราะจะเกิดความเสียหายทั้งระบบ เพราะไม่เพียงกระทบความเชื่อมั่นคุณภาพข้าวที่เรามีข้าวคุณภาพดีอยู่แล้ว แต่คนจะมองไปทั้งหมด ถ้าติดตรงไหนขอให้บอก เราพร้อมเข้าไปชี้แจงและตรวจสอบ เพราะไม่ได้หมายความว่าเป็นทั้งหมด ถ้าระบุภาพรวมจะกระทบรายได้ของชาวนาและการค้าข้าวทั้งหมด ก็ขอความร่วมมือตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนจะนำมาเปิดเผย หรือชี้แจงกับประชาชนจะดีกว่า เกรงทำให้ตกใจ เพราะวันนี้เรารับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก
สั่งสธ.รีเช็คผลตรวจข้าวถุงมูลนิธิฯ
ถามต่อว่า วันนี้เกณฑ์มาตรฐานการตรวจสอบสารรมควันที่ตกค้างในข้าวตรงกันหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตรงกัน เพราะกระทรวงสาธารณสุขประสานกับองค์การอนามัยโลก (WHO) อยู่แล้ว แต่ข้อมูลในส่วนมูลนิธิฯคงต้องให้กระทรวงสาธารณสุขดูรายละเอียดต่อไป ซึ่งต้องตรวจว่ามีความเสียหายหรือไม่ ซึ่งรมว.สาธารณสุขแถลงไปแล้ว ขอตรวจเฉพาะจุดที่พบปัญหาดีกว่า
ว๊ากสื่อถามซ้ำๆย่ำอยู่กับที่
ถามย้ำว่าผู้บริโภคสงสัยเรื่องการตรวจสอบ เพราะข้าวที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคนำมาตรวจเป็นข้าวจากห้างสรรพสินค้า นายกฯกล่าวว่า เรายินดีเอาข้าวมาตรวจสอบ โดยเปิดให้สาธารณชนร่วมด้วย ถ้าตรวจเจอก็ต้องไล่หากระบวนการว่าข้าวนั่นอยู่ที่ไหน โรงสีไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ตรวจสอบแล้วจะเป็นทั้งกระบวนการ หรือข้าวทั้งหมดของไทยใช้ไม่ได้
"ต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนด้วย ถ้าสื่อยังถามคำถามนี้อยู่ตลอดเวลา ก็ไม่ไปไหน วันนี้แทนที่เราจะเดินหน้าแล้ว กลับมาคุยกันแต่ประเด็นตรงนี้"นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จ.อยุธยา และจะไปตรวจเยี่ยมบริษัทข้าวตราฉัตรมีวัตถุประสงค์อะไร นายกฯกล่าวว่า เราอยากไปสำรวจเองด้วยตา เพราะมีหลายมิติเราจะได้ไปรับฟังจากผู้ประกอบการทุกมุมมอง อยากให้โอกาสทุกคนได้พูดและให้ข้อมูลเต็มที่
ยื่นซองประมูลข้าว2แสนตัน30ก.ค.
ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าระบายข้าวค้างสต๊อก โดยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดประมูลขายข้าวเปลือกเจ้า 5 % เป็นการทั่วไป จำนวน 2 แสนตัน เพื่อส่งออกต่างประเทศ โดยสามารถยื่นซองเสนอราคาได้วันที่ 30 กรกฎาคม เวลา 9.00 -16.30น. โดยให้เสนอราคาซื้อ ณ โรงสี และ กำหนดให้ผู้ซื้อต้องนำใบคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศ มาแสดง ซึ่งปริมาณที่ประมูลต้องสอดคล้องกับปริมาณที่ส่งออก การซื้อคิดในอัตราส่วนข้าวเปลือก 1.65 ต่อ ข้าวสาร 1 ส่วน และต้องวางหลักประกันในอัตราร้อยละ 2 ของมูลค่าข้าวที่ยื่นเสนอซื้อ
หอก.ค้าค้านติดชิป-แนะล้มจำนำ
มีความเห็นจากนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยถึงแนวคิดกระทรวงพาณิชย์จะติดชิพ (RFID) ที่กระสอบข้าวแก้ปัญหาทุจริตโครงการจำนำข้าวว่า ไม่จำเป็น เพราะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุจริตข้าว เนื่องจากข้าวมีจำนวนมหาศาล อีกทั้ง ยังสามารถเอาชิปออกจากกระสอบข้าวได้ แต่ควรใช้วิธีทยอยระบายข้าวในสต๊อก โดยเอกชนเข้าไปดำเนินการ และยังเห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อไป รัฐบาลควรปล่อยให้ราคาข้าวเป็นไปตามกลไกตลาด และควรนำงบประมาณที่ใช้ในโครงการรับจำนำไปใช้พัฒนาการปลูกข้าวของชาวนา ซึ่งจะเกิดประโยชน์และมีความยั่งยืนมากกว่า
ส.ส.พท.โผล่ยันข้าวไทยปลอดภัย
วันเดียวกัน นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงยืนยันคุณภาพข้าวในสต๊อกของรัฐบาลและเอกชนว่า ปลอดภัยเพราะมีวิธีรักษาคุณภาพข้าว ด้วยวิธีรมควันป้องกันมอดและแมลงมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี จนมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน สารเคมีที่นำมาใช้ไม่ใช่สารตกค้าง สามารถระเหยไปในอากาศได้ ประชาชนก็ไม่ต้องตกใจ
บี้“ยรรยง”ระบายข้าวราคาตลาด
นายไพโรจน์ ยังแถลงถึงประเด็นการระบายข้าวค้างสต๊อกอีก 20ล้านตันว่า ตนอยากให้รัฐบาลระบายข้าวให้ได้ตันละ15,000บาท ตามราคาตลาด ขณะนี้มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะระบายข้าวในราคาตันละ12,000บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าตลาด ถ้าระบายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อตัน ผู้ที่รับผิดชอบโดยเฉพาะนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ต้องทบทวนว่า มีวิธีไหนที่จะระบายข้าวได้ราคาตามท้องตลาด เพราะตนรับไม่ได้หากรัฐบาลต้องขาดทุนไปมากกว่านี้
“รัฐบาลไม่ควรใช้วิธีการประมูลในทางลับ เพราะจะรู้กันเฉพาะบริษัทใหญ่ เพียงไม่กี่แห่ง หากจะขายข้าวในราคาถูก ก็ควรเอามาบรรจุถุงขายให้ประชาชนในราคากิโลกรัมละ 15บาท จะดีกว่า รัฐบาลช่วยชาวนาแล้วก็ควรช่วยผู้บริโภคด้วย”นายไพโรจน์ กล่าว
แนะโละเซอร์เวเยอร์ลดต้นทุน
ส.ส.กทม.ผู้นี้ระบุอีกว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะใช้เงินไปจ้างผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวหรือ เซอร์เวเยอร์ เพราะไม่มีความจำเป็น ควรตัดลดงบประมาณในส่วนนี้ โดยนำโรงสี โกดังองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) องค์การคลังสินค้า (อคส.)มาช่วยตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งออก ถ้าพบว่าข้าวที่ออกมาไปตรงกับตัวอย่าง ทั้ง 4 หน่วยงานต้องรับผิดชอบ หรือหากรัฐบาลต้องใช้ผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวจริงๆ ควรใช้บริษัทที่ทั่วโลกยอมรับ จะได้ไม่เสียเงินซ้ำซ้อน ไม่ใช่ใช้เซอร์เวเยอร์ของฝ่ายการเมืองที่เป็นเจ้าเดิม แล้วต้องมาชี้แจงกับประชาชนว่าข้าวมีปัญหา ทั้งที่การเก็บโกดังข้าวก็เป็นไปตามปกติ ไม่มีทางเกิดปัญหาข้าวเน่าถึงจะเก็บข้าวไว้นานแค่ไหนก็ตาม นอกจากกระสอบข้าวเสียหาย หรือมีความชื้นมาก และมีใครเอาสลิงค์ฉีดน้ำใส่กระสอบข้าวจนเกิดข้าวเน่า
ชม“สารี”สอบข้าวถุงเป็นคุณรบ.
ส่วนกรณีน.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค แถลงผลตรวจสอบข้าวสารบรรจุถุงที่จำหน่ายในตลาด นายไพโรจน์กล่าวว่า การทำหน้าที่ของน.ส.สารี ถือเป็นคุณประโยชน์ต่อรัฐบาล มีความน่าเชื่อถือ เพราะออกมาเคลื่อนไหวอย่างตรงไปตรงมาเพื่อผู้บริโภค ไม่มีนอกมีในกับรัฐบาล ถือเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนบริษัทที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน แต่ไม่เป็นอันตรายก็ต้องไปปรับปรุง เพราะถ้าทำไม่ดี ก็คงไม่มีใครซื้อ
“มาร์ค”จี้รัฐคุมคุณภาพข้าวถุง
มีความเห็นจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาคุณภาพข้าวถุงที่พบสารปนเปื้อนว่า รัฐบาลต้องมีมาตรการดูแลทั้งในส่วนที่เกินมาตรฐานสากล และที่เกินมาตรฐานของประเทศคู่ค้าของไทย เพราะข้าวที่จะส่งออกไปนั้น จีนเป็นตลาดหลักของไทย ถ้าข้าวไทยมีสารตกค้างเกินมาตรฐานที่จีนกำหนดจะเป็นปัญหา
นายอภิสิทธิ์ยังชื่นชมมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ตรวจสอบสารตกค้างในข้าวถุง และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ปัญหาตรงไปตรงมาโปร่งใส มีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์รองรับ แต่ขณะนี้หน่วยงานรัฐอ้างว่ายี่ห้อที่พบปัญหายังไม่ได้ตรวจ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือ เมื่อมูลนิธิฯพบข้อเท็จจริงเช่นนี้ รัฐบาลต้องทำความจริงให้กระจ่าง และเร่งตั้งองค์กรอิสระเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
หมอวรงค์โชว์ซุกข้าวเน่าไร้เงารบ.
วันเดียวกัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พร้อมด้วยนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปทำเนียบรัฐบาลรอบ 2 เพื่อสาธิตวิธีการซุกข้าวเน่า หรือข้าวหยอดหลุมให้ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดู แต่ไม่พบ เนื่องจากทีมงานโฆษกฯติดภารกิจเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ระหว่างวันที่ 18-19 กรกฎาคม ที่จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนายสมภาส นิลพันธ์ ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มาดูการสาธิตวิธีซุกกระสอบข้าวเน่าในโกดังเก็บข้าวของรัฐบาล พร้อมรับหนังสือแทน
เปิดคลิป “โกงจำนำข้าว5”แฉซ้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วรงค์ยังได้เปิดคลิปวิดีโอ “โกงจำนำข้าว5” ซึ่งเป็นการเข้าไปตรวจสอบกระบวนการซุกข้าวเน่าจากโรงสีแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ พร้อมมอบหลักฐานซึ่งเป็นลายเซ็นภาษาจีนของ “มาดามกง” ที่ระบุว่าเป็นผู้ซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จากรัฐบาลไทย รวมทั้งหลักฐานช่องทางทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวทุกขั้นตอนมามอบให้
ปูด”มาดามกง”โยงทีมเก่าข้าวจีทูจี
นพ.วรงค์กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศทีโออาร์ขายข้าวครั้งล่าสุดเป็นข้าวเปลือกเจ้า 5% รวมกับปลายข้าว โดยทีโออาร์ของรัฐบาลกำหนดไว้ว่าเมื่อประมูลได้แล้วต้องส่งขายต่างประเทศ ซึ่งตนเห็นด้วย แต่แปลกใจคือ เมื่อขายข้าวแบบจีทูจีเหตุใดจึงไม่บังคับ ทำให้มีการใช้ตัวละครชื่อมาดามกง มาซื้อข้าว แต่ไม่ส่งออกต่างประเทศ กลับเวียนมาขายในประเทศ จึงขอให้รมว.พาณิชย์ไปตรวจสอบสัญญา ก็จะรู้แล้วว่าเป็นใคร จากการตรวจสอบเชิงลึกทราบว่า มาดามกงผูกพันกับทีมผู้ประกอบการค้าข้าวแบบจีทูจีทีมเก่า ดังนั้น แค่รัฐบาลไปเรียกสัญญามาดูก็จบแล้ว
ตราบใดที่ยังไม่ทําให้โปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เพียงแค่ใช้คําพูดหรือเทคโนโลยีมาใช้เพื่อมากลบเกลื่อนปัญหา
อย่าหวังเลยว่าจะแก้ปัญหาได้ การปิดบัง กลบเกลื่อน ซ่อนเร้น ยิ่งทําให้ข้าวไทยพินาศทั้งแผ่นดิน