สอบโรงสีพิจิตรยักยอกข้าว ปนแกลบตบตาจนท. สั่งอายัด 33 โกดัง
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่ประชุมร่วมกับนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผวจ.พิจิตร พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรพิจิตร และ พ.ต.อ.ธวัธชัย มวลนรา รองผู้บังคับการตำรวจ ภูธรพิจิตร และคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัดพิจิตร เพื่อติดตามความคืบหน้า ข้าวในโครงการรับจำนำข้าวหายไปจากโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เป็นข้าวจำนวนกว่า 8,000 ตัน ซึ่งแบ่งเป็นข้าวที่เข้าร่วมโครงการ 2555/56 จำนวน 4,000 ตัน และข้าวที่เข้าร่วมโครงการเดิมปี 55 อีก 4,000 ตัน รวมมูลค่า 96 ล้านบาทเศษ ได้หายไปจากโกดังของโรงสี และทำให้เกษตรกรจำนวน 300 ราย จำนำข้าวกับทางโรงสี นานกว่า 4 เดือนแล้ว ยังไม่ได้ใบประทวน และเข้าข่ายถูกฉ้อโกงเงินจากการเข้าจำนำข้าว
จากนั้นพล.ต.ต.ธวัช เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในโรงสีโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ที่ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบภายในคลังสินค้ากลางและโกดังที่ใช้เก็บข้าวเปลือกและข้าวสารของ อตก. โดยจากการตรวจสอบพบว่าพบสิ่งปกติ คือ กองข้าวดังกล่าวมีข้าวปนแกลบ และกลวงใน ทั้งยังพบว่ามีกองแกลบ มากองไว้ด้านข้างเพื่อตบตา เจ้าหน้าที่ที่ตรวจข้าว
นอกจากนั้นยังพบกองกระสอบข้าวสารที่แปรสภาพแล้วและตีตรา โครงการรับจำนำของ อตก. ปี 55/56 จำนวนหนึ่งกองอยู่ และมีบางส่วน แยกออกมากองกับพื้นภายในโกดัง พบเป็นข้าวฟันหนู หรือข้าวที่เสื่อมสภาพ ผุกร่อนและเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลือง รวมทั้งหมดประมาณ จำนวน 400 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวที่ไม่มีคุณภาพไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้ เหมาะสำหรับเอาไว้ตบตาเพื่อนับปริมาณจำนวนข้าวให้ครบจำนวนเท่านั้นซึ่งในเบื้องต้นพบว่าข้าวดังหกล่าว ไม่ได้ เป็นข้าวในโครงการรับจำนำ นาปี 2555-2556 แต่ เป็นการนำข้าวมาสวมแทน เพื่อส่ง อตก. นอกจากนี้โรงสีดังกกล่าวยังได้ มีการตบแต่งหลักฐานขึ้นมาใหม่เพื่อหลอกตา อีกด้วยซึ่งในเบื้องต้นพบว่า ขณะนี้ข้าวของ อตก. ซึ่ง เป็นข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 ขาดสต๊อกไป 4,000 ตัน ส่วนข้าวนาปี ของ อตก. ปี 2555//2556 แจ้งแต่ความเสียหาย มูลค่า 40 ล้านบาทแต่ไม่มีจำนวน รวมทั้งสิ้นมูลค่าความเสียหายของ อบต. 85 ล้านบาท ซึ่ง ล้วนแต่ เป็นโครงการรับจำนำข้าวในราคา 15,000 บาททั้งสิ้น ในส่วนความเสียบหาย เกือบ 300 ราย ถูกโกง 4,000 ตัน มูลค้าความเสียหาย 50 ล้านบาท สรุปพิจิตรขณะนี้ ได้รับความเสียบหายจากโครงการรับจำนำข้าว 130 กว่าล้านบาท
โดยพล.ต.ต.ธวัช กำชับพล.ต.ต.กฤษณะ ให้จัดกำลังตำรวจ สภ.โพทะเล มาเฝ้าโกดังและคลังสินค้าที่ใช้เก็บรักษาข้าวสารและข้าวเปลือกภายในโรงสีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับสั่งอายัดข้าวที่เหลือจำนวน 400 ตัน ห้ามไม่ให้มีการเคลื่อนย้าย นำเข้าหรือเคลื่อนย้ายปริมาณข้าวทั้งหมดออกจากโกดัง ซึ่งถือเป็นวัตถุพยานหลักฐานจนกว่าคดีจะมีคำพิพากษาจากศาล สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการโรงสีดังกล่าว รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กำชับให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ที่รับแจ้งความจากชาวนา ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาในความผิดฐานฉ้อโกงเกษตรกรชาวนาขั้นเด็ดขาด โดยไม่มีการละเว้นพร้อมกับดำเนินคดีทางแพ่งอย่างรัดกุมควบคู่กันไป โดยให้นับจำนวนชาวนาที่ตกเป็นผู้เสียหาย ชาวนา 1 รายให้ถือเป็นความผิด 1 คดี เนื่องจากเป็นความผิดที่ต่างกรรมต่างวาระกัน
พล.ต.ต.ธวัช กล่าวว่า ผู้ว่าฯ มาตรวจโรงสีเมื่อวาน พบว่ากองข้าวเปลือก และกองแกลบ ที่กองไว้กลบเล็กน้อย แต่วันนี้กลับมีการนำข้าวมาเพิ่มเติมในโกดัง จากทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นมาจากเมื่อวานที่ผ่านมาเพื่อตกแต่งปริมาณข้าวให้ดูเหมือนมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อกลบเกลื่อนการกระทำผิด ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ อตก. ให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เฝ้าโกดังข้าว และคอยสังเกตปริมาณข้าว ที่อาจจะมีผู้ประกอบการโรงสีนำมาเติม และเน้นให้ตำรวจ สภ.โพทะเล เฝ้าพื้นที่และห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าไปในโกดังเก็บข้าว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่โรงสีให้อยู่เฉพาะในออฟฟิศด้านหน้าเท่านั้น โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสอบสวนคดีนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน และจะของบจากคณะกรรมการข้าวแห่งชาติมาเยียวยาประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนโดยจะทราบผลภายใน 30 วัน
“ขณะนี้ มีชาวนา ได้มาแจ้งความเพิ่มเติม จาก 4 ราย เป็น จำนวน 12 ราย แจ้งความดำเนินคดี กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน 12 คดี และคดียักยอกทรัพย์ จากเจ้าหน้าที่ อตก. แจ้งความดำเนินคดี นางสาวณัฐริกา บุญเกื้อ กรมการผู้จัดการโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ในข้อหายักยอกทรัพย์ อีก 1 คดี รวม 13 คดี”
พล.ต.ต.ธวัช ยังกล่าวว่า ในกรณีที่ชาวนาถามว่าทางภาครัฐจะช่วยเหลืออย่างไร ทางภาครัฐ จะดำเนินคดีทางอาญา และคดีแพ่ง ซึ่งโครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดี แต่ผู้ปฎิบัติคือโรงสี ทำการทุจริต จึงต้องแยกแยะออกจากกัน และอยากให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบไปทำการแจ้งความดำเนินคดี กับทางโรงสี ให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะสามารถให้ทางรัฐเยียวยา เนื่องจากเป็นโครงการของรัฐบาลนอกจากนี้ ในส่วนโรงสีดังกล่าว อ้างสนิทสนมนักการเมืองจนเข้าร่วมโครงการรับจำนำได้ ทั้งที่ อดีตเคยโกงชาวนาพิจิตร เมื่อ ปี 2549 เรื่องนี้ ก็ได้รับทราบจากผู้ว่าฯ แล้วเช่นกัน ก็คงจะต้องมีการตรวจสอบและรายงานให้กับนายกรัฐมนตรีทราบเช่นกัน ส่วนข้าวนาปรัง ของ อตก. ปี 2555 หายไปจากโรงสี 4,000 ตัน ก็ต้องตรวจสอบเช่นกันว่าทำไมเจ้าหน้าที่ อตก. ที่รับผิดชอบที่พิจิตรทำไมไม่แจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้ จนปล่อยให้มีเหตุบานปลายซึ่งหากตรวจสอบพบว่าเป็นการละเลย ก็คงจะต้องมีความผิดเช่นกัน
นายจักริน กล่าวว่า ทางจังหวัดพิจิตรได้สั่งให้อายัดข้าวทั้งหมด ของโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำนวน 400 ตัน ไว้ตรวจสอบห้ามเคลื่อนย้ายข้าวสารแม้แต่เม็ดเดียว และสั่งห้ามโรงสีอีก 33 แห่งทั่วจังหวัดพิจิตร ที่เข้าร่วมโครงการ ทำการเคลื่อนย้ายข้าวโดยเด็ดขาด ในช่วงตั้งแต่ 22 -29 มิ.ย.นี้ โดยให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปเฝ้าตามโรงสีต่างไว้ ทั้ง 33 แห่ง พร้อมทั้งขอให้ อตก. เร่งทำการสำรวจความเสียหายและแจ้งความดำเนินคดี พร้อมกับตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาวนา นอกจากนี้ทำหนังสือสั่งการตามไปให้นายอำเภอทั้ง 12 อำเภอที่มีโรงสีเข้าโครงการรับจำนำตั้งอยู่ ออกตรวจสต๊อกข้าวในโรงสี 33 แห่ง เพื่อเฝ้าระวังข้าวเปลือกภายในจังหวัดที่จะวิ่งออกจากโรงสีหนึ่งไปยังอีกโรงสีหนึ่งเพื่อเวียนเทียนเข้าโครงการรับจำนำข้าวทั้งภายในจังหวัด และจังหวัดข้างเคียง รวมถึงข้าวเปลือกจากโรงสีจากจังหวัดข้างเคียงอาจเวียนเทียนเข้ามาจำนำในพิจิตรด้วยนอกจากนี้ยังให้ตำรวจตั้งด่านตรวจ หากพบรถบรรทุกข้าวเปลือกให้ใช้ความละเอียดรอบคอบตรวจตราและซักถามข้อมูลเพื่อเฝ้าระวังช่วง 7 วันอันตรายที่อาจจะมีการนำข้าวเปลือกมาเวียนเทียนเข้าโครงการตันละ 15,000 บาท ก่อนที่จะถูกปรับลดลงเหลือ 12,000 บาทในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
สำหรับโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ชื่อเดิม คือ โรงสีข้าวก้องเกียรติ ที่เคยต้องโทษคดีฉ้อโกงชาวนา ในเขตพื้นที่ อำเภอโพทะเล ที่หลอกชาวนาจำนวน 600 ราย ขายข้าวให้กับโรงสี มูลค่า เกือบพันล้านบาท เมื่อปี 48/49 และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำกัด และผู้บริหารโรงสี ใหม่ มาเข้าร่วม โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 55/56 ของทางรัฐบาล โดยใช้ช่องว่างของสิทธิ ที่เคยเข้าร่วมโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือก ปี 55 และได้วิ่งเต้นจาก อตก. ส่วนกลาง เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวทันที ท่วมกลางเสียงต่อต้าน จากทางชมรมโรงสีข้าวพิจิตร และทางคณะอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัดพิจิตร ว่าโรงสีแห่งนี้ จะเข้าข่ายจะทุจริตโครงการรับจำนำในปี 55 /56 ในคราวนี้ด้วย
............................................................................................................
โรงสีนี้ เคยโกงข้าวชาวนามาก่อนแล้ว จนถูกขึ้นบัญชีดำ..... พอมาคราวนี้ ทั้งทางจังหวัด กับ คนพื้นที่ก็ค้านแล้ว แต่ อตก กลางดันให้เข้าร่วม เพราะเส้นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ....ใครหนอ ?
เจ้าหน้าที่ อตก ก็ช่างกระไร แค่กองแกลบยังหลอกกันได้ง่ายๆ.... (แปลว่าเคยทำผ่านกันได้มาแล้ว)
แล้วไอ้โรงสีอื่นๆ .....มันจะเหลืออะไร ?
ปล. ช่วงนี้ เขมรกำลังเร่งรัดทำยอดส่งออกข้าว ตามคำแนะนำของณัฐวุฒิ
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000076566
โรงสีพิจิตรที่โกงชาวนา ...เข้าโครงการจำนำข้าวได้เพราะเส้นนักการเมือง
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่ประชุมร่วมกับนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผวจ.พิจิตร พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรพิจิตร และ พ.ต.อ.ธวัธชัย มวลนรา รองผู้บังคับการตำรวจ ภูธรพิจิตร และคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัดพิจิตร เพื่อติดตามความคืบหน้า ข้าวในโครงการรับจำนำข้าวหายไปจากโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เป็นข้าวจำนวนกว่า 8,000 ตัน ซึ่งแบ่งเป็นข้าวที่เข้าร่วมโครงการ 2555/56 จำนวน 4,000 ตัน และข้าวที่เข้าร่วมโครงการเดิมปี 55 อีก 4,000 ตัน รวมมูลค่า 96 ล้านบาทเศษ ได้หายไปจากโกดังของโรงสี และทำให้เกษตรกรจำนวน 300 ราย จำนำข้าวกับทางโรงสี นานกว่า 4 เดือนแล้ว ยังไม่ได้ใบประทวน และเข้าข่ายถูกฉ้อโกงเงินจากการเข้าจำนำข้าว
จากนั้นพล.ต.ต.ธวัช เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในโรงสีโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ที่ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบภายในคลังสินค้ากลางและโกดังที่ใช้เก็บข้าวเปลือกและข้าวสารของ อตก. โดยจากการตรวจสอบพบว่าพบสิ่งปกติ คือ กองข้าวดังกล่าวมีข้าวปนแกลบ และกลวงใน ทั้งยังพบว่ามีกองแกลบ มากองไว้ด้านข้างเพื่อตบตา เจ้าหน้าที่ที่ตรวจข้าว
นอกจากนั้นยังพบกองกระสอบข้าวสารที่แปรสภาพแล้วและตีตรา โครงการรับจำนำของ อตก. ปี 55/56 จำนวนหนึ่งกองอยู่ และมีบางส่วน แยกออกมากองกับพื้นภายในโกดัง พบเป็นข้าวฟันหนู หรือข้าวที่เสื่อมสภาพ ผุกร่อนและเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลือง รวมทั้งหมดประมาณ จำนวน 400 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวที่ไม่มีคุณภาพไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้ เหมาะสำหรับเอาไว้ตบตาเพื่อนับปริมาณจำนวนข้าวให้ครบจำนวนเท่านั้นซึ่งในเบื้องต้นพบว่าข้าวดังหกล่าว ไม่ได้ เป็นข้าวในโครงการรับจำนำ นาปี 2555-2556 แต่ เป็นการนำข้าวมาสวมแทน เพื่อส่ง อตก. นอกจากนี้โรงสีดังกกล่าวยังได้ มีการตบแต่งหลักฐานขึ้นมาใหม่เพื่อหลอกตา อีกด้วยซึ่งในเบื้องต้นพบว่า ขณะนี้ข้าวของ อตก. ซึ่ง เป็นข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 ขาดสต๊อกไป 4,000 ตัน ส่วนข้าวนาปี ของ อตก. ปี 2555//2556 แจ้งแต่ความเสียหาย มูลค่า 40 ล้านบาทแต่ไม่มีจำนวน รวมทั้งสิ้นมูลค่าความเสียหายของ อบต. 85 ล้านบาท ซึ่ง ล้วนแต่ เป็นโครงการรับจำนำข้าวในราคา 15,000 บาททั้งสิ้น ในส่วนความเสียบหาย เกือบ 300 ราย ถูกโกง 4,000 ตัน มูลค้าความเสียหาย 50 ล้านบาท สรุปพิจิตรขณะนี้ ได้รับความเสียบหายจากโครงการรับจำนำข้าว 130 กว่าล้านบาท
โดยพล.ต.ต.ธวัช กำชับพล.ต.ต.กฤษณะ ให้จัดกำลังตำรวจ สภ.โพทะเล มาเฝ้าโกดังและคลังสินค้าที่ใช้เก็บรักษาข้าวสารและข้าวเปลือกภายในโรงสีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับสั่งอายัดข้าวที่เหลือจำนวน 400 ตัน ห้ามไม่ให้มีการเคลื่อนย้าย นำเข้าหรือเคลื่อนย้ายปริมาณข้าวทั้งหมดออกจากโกดัง ซึ่งถือเป็นวัตถุพยานหลักฐานจนกว่าคดีจะมีคำพิพากษาจากศาล สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการโรงสีดังกล่าว รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กำชับให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ที่รับแจ้งความจากชาวนา ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาในความผิดฐานฉ้อโกงเกษตรกรชาวนาขั้นเด็ดขาด โดยไม่มีการละเว้นพร้อมกับดำเนินคดีทางแพ่งอย่างรัดกุมควบคู่กันไป โดยให้นับจำนวนชาวนาที่ตกเป็นผู้เสียหาย ชาวนา 1 รายให้ถือเป็นความผิด 1 คดี เนื่องจากเป็นความผิดที่ต่างกรรมต่างวาระกัน
พล.ต.ต.ธวัช กล่าวว่า ผู้ว่าฯ มาตรวจโรงสีเมื่อวาน พบว่ากองข้าวเปลือก และกองแกลบ ที่กองไว้กลบเล็กน้อย แต่วันนี้กลับมีการนำข้าวมาเพิ่มเติมในโกดัง จากทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นมาจากเมื่อวานที่ผ่านมาเพื่อตกแต่งปริมาณข้าวให้ดูเหมือนมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อกลบเกลื่อนการกระทำผิด ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ อตก. ให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เฝ้าโกดังข้าว และคอยสังเกตปริมาณข้าว ที่อาจจะมีผู้ประกอบการโรงสีนำมาเติม และเน้นให้ตำรวจ สภ.โพทะเล เฝ้าพื้นที่และห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าไปในโกดังเก็บข้าว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่โรงสีให้อยู่เฉพาะในออฟฟิศด้านหน้าเท่านั้น โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสอบสวนคดีนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน และจะของบจากคณะกรรมการข้าวแห่งชาติมาเยียวยาประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนโดยจะทราบผลภายใน 30 วัน
“ขณะนี้ มีชาวนา ได้มาแจ้งความเพิ่มเติม จาก 4 ราย เป็น จำนวน 12 ราย แจ้งความดำเนินคดี กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน 12 คดี และคดียักยอกทรัพย์ จากเจ้าหน้าที่ อตก. แจ้งความดำเนินคดี นางสาวณัฐริกา บุญเกื้อ กรมการผู้จัดการโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ในข้อหายักยอกทรัพย์ อีก 1 คดี รวม 13 คดี”
พล.ต.ต.ธวัช ยังกล่าวว่า ในกรณีที่ชาวนาถามว่าทางภาครัฐจะช่วยเหลืออย่างไร ทางภาครัฐ จะดำเนินคดีทางอาญา และคดีแพ่ง ซึ่งโครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดี แต่ผู้ปฎิบัติคือโรงสี ทำการทุจริต จึงต้องแยกแยะออกจากกัน และอยากให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบไปทำการแจ้งความดำเนินคดี กับทางโรงสี ให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะสามารถให้ทางรัฐเยียวยา เนื่องจากเป็นโครงการของรัฐบาลนอกจากนี้ ในส่วนโรงสีดังกล่าว อ้างสนิทสนมนักการเมืองจนเข้าร่วมโครงการรับจำนำได้ ทั้งที่ อดีตเคยโกงชาวนาพิจิตร เมื่อ ปี 2549 เรื่องนี้ ก็ได้รับทราบจากผู้ว่าฯ แล้วเช่นกัน ก็คงจะต้องมีการตรวจสอบและรายงานให้กับนายกรัฐมนตรีทราบเช่นกัน ส่วนข้าวนาปรัง ของ อตก. ปี 2555 หายไปจากโรงสี 4,000 ตัน ก็ต้องตรวจสอบเช่นกันว่าทำไมเจ้าหน้าที่ อตก. ที่รับผิดชอบที่พิจิตรทำไมไม่แจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้ จนปล่อยให้มีเหตุบานปลายซึ่งหากตรวจสอบพบว่าเป็นการละเลย ก็คงจะต้องมีความผิดเช่นกัน
นายจักริน กล่าวว่า ทางจังหวัดพิจิตรได้สั่งให้อายัดข้าวทั้งหมด ของโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำนวน 400 ตัน ไว้ตรวจสอบห้ามเคลื่อนย้ายข้าวสารแม้แต่เม็ดเดียว และสั่งห้ามโรงสีอีก 33 แห่งทั่วจังหวัดพิจิตร ที่เข้าร่วมโครงการ ทำการเคลื่อนย้ายข้าวโดยเด็ดขาด ในช่วงตั้งแต่ 22 -29 มิ.ย.นี้ โดยให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปเฝ้าตามโรงสีต่างไว้ ทั้ง 33 แห่ง พร้อมทั้งขอให้ อตก. เร่งทำการสำรวจความเสียหายและแจ้งความดำเนินคดี พร้อมกับตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาวนา นอกจากนี้ทำหนังสือสั่งการตามไปให้นายอำเภอทั้ง 12 อำเภอที่มีโรงสีเข้าโครงการรับจำนำตั้งอยู่ ออกตรวจสต๊อกข้าวในโรงสี 33 แห่ง เพื่อเฝ้าระวังข้าวเปลือกภายในจังหวัดที่จะวิ่งออกจากโรงสีหนึ่งไปยังอีกโรงสีหนึ่งเพื่อเวียนเทียนเข้าโครงการรับจำนำข้าวทั้งภายในจังหวัด และจังหวัดข้างเคียง รวมถึงข้าวเปลือกจากโรงสีจากจังหวัดข้างเคียงอาจเวียนเทียนเข้ามาจำนำในพิจิตรด้วยนอกจากนี้ยังให้ตำรวจตั้งด่านตรวจ หากพบรถบรรทุกข้าวเปลือกให้ใช้ความละเอียดรอบคอบตรวจตราและซักถามข้อมูลเพื่อเฝ้าระวังช่วง 7 วันอันตรายที่อาจจะมีการนำข้าวเปลือกมาเวียนเทียนเข้าโครงการตันละ 15,000 บาท ก่อนที่จะถูกปรับลดลงเหลือ 12,000 บาทในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
สำหรับโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ชื่อเดิม คือ โรงสีข้าวก้องเกียรติ ที่เคยต้องโทษคดีฉ้อโกงชาวนา ในเขตพื้นที่ อำเภอโพทะเล ที่หลอกชาวนาจำนวน 600 ราย ขายข้าวให้กับโรงสี มูลค่า เกือบพันล้านบาท เมื่อปี 48/49 และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ จำกัด และผู้บริหารโรงสี ใหม่ มาเข้าร่วม โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 55/56 ของทางรัฐบาล โดยใช้ช่องว่างของสิทธิ ที่เคยเข้าร่วมโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือก ปี 55 และได้วิ่งเต้นจาก อตก. ส่วนกลาง เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวทันที ท่วมกลางเสียงต่อต้าน จากทางชมรมโรงสีข้าวพิจิตร และทางคณะอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัดพิจิตร ว่าโรงสีแห่งนี้ จะเข้าข่ายจะทุจริตโครงการรับจำนำในปี 55 /56 ในคราวนี้ด้วย
............................................................................................................
โรงสีนี้ เคยโกงข้าวชาวนามาก่อนแล้ว จนถูกขึ้นบัญชีดำ..... พอมาคราวนี้ ทั้งทางจังหวัด กับ คนพื้นที่ก็ค้านแล้ว แต่ อตก กลางดันให้เข้าร่วม เพราะเส้นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ....ใครหนอ ?
เจ้าหน้าที่ อตก ก็ช่างกระไร แค่กองแกลบยังหลอกกันได้ง่ายๆ.... (แปลว่าเคยทำผ่านกันได้มาแล้ว)
แล้วไอ้โรงสีอื่นๆ .....มันจะเหลืออะไร ?
ปล. ช่วงนี้ เขมรกำลังเร่งรัดทำยอดส่งออกข้าว ตามคำแนะนำของณัฐวุฒิ
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000076566