จขกท.ขอขอบคุณทุกท่านที่บอกว่าจะรออ่านนะคะ
ส่วนใครเพิ่งเข้ามา ขอบอกว่านี่เป็นกระทู้ต่อเนื่อง ถ้าไม่อ่านกระทู้ก่อนหน้ามาก่อนจะงงค่ะ
และขอตอบคุณเนว่า สำหรับคำแนะนำให้ลอง tag ถนนนักเขียนว่า เนื่องจาก จขกท.แต่งเรื่องนี้เล่นๆ จะเรียกให้เท่ๆ ว่าเป็นจินตนาการคู่ขนานไปกับละครเรื่องคุณชายรณพีร์ก็ได้ โดยสมมุติว่าถ้าตัวละครอย่างวิไลรัมภาเป็นนางเอก มีพระเอกของตัวเองอีกคน แล้วเรื่องมันจะเป็นยังไง ดังนั้นทุกอย่างในเรื่องอิงอยู่กับงานเขียนของผู้แต่งนิยายกับผู้เขียนบท เอาไปลงที่ห้องถนนนักเขียนคงไม่เหมาะแน่ ส่วนห้องเฉลิมไทยนี้มีแฟนละครเยอะและชอบจิ้นกันอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าพื้นที่นี้เหมาะที่สุดค่ะ
อธิบายเสียยืดยาว มาอ่านเรื่องต่อกันดีกว่าค่ะ
บ้านสุภาริญ
แม่บ้านใหญ่เดินหน้าขรึมนำ ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม เข้ามายังห้องรับแขก
“นั่งรอตรงนี้ก่อน คุณหญิงยังไม่กลับ” หญิงวัยกลางคนสั่งเสียงห้วนเฉียบ
เมื่อย่างก้าวเข้าสู่ห้องโอ่โถงที่ออกแบบตกแต่งสไตล์ยุโรป ชุดกระโปรงเรียบพื้นของหญิงสาวผู้เป็นแขกดูมอซอไปถนัดใจ แต่เจ้าตัวกลับไม่มีทีท่าตื่นรัศมีของความหรูหราอลังการที่แผ่เข้าใส่ นอกจากไม่สนใจแล้วยังตวัดสายตาสอดส่ายคล้ายมองหาสิ่งหนึ่ง ทั้งที่เพิ่งเคยมาเยือนที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก
แววตาหญิงสาววาวโรจน์เมื่อเห็นเปียโนโบราณตรงมุมห้อง
ครั้นแล้วภาพอดีตก็ผุดขึ้น วันนั้นแม่กำลังสอนเปียโนให้ลูกสาวตัวน้อยที่อิดออด ถึงตอนนี้เสียงแม่คล้ายยังดังอยู่เคียงข้างกาย ‘เรียนไว้เถอะลูก ให้เป็นสมบัติติดตัวในวันหน้า’
หญิงสาวถูกฉุดกระชากออกจากภวังค์ทันทีที่ได้ยินเสียงบ่นปอดแปดดังคับบ้าน
“จะอะไรกันนักกันหนา ฉันเป็นคุณหญิงแล้วไปรวมกลุ่มกับแม่พวกผู้ดีทีไร ยังจะต้องแบ่งแยกคุณหญิงตราตั้งกับคุณหญิงโดยกำเนิด”
คุณหญิงสดศรีเดินบ่นเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งอย่างเมื่อยล้า แล้วยิงคำถามใส่แขกผู้มารออยู่ตรงหน้า “เอ้าว่ามา ชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร”
เจ้าของบ้านไม่พูดพร่ำทำเพลงมาแบบนี้ หญิงสาวเลยตอบเร็วพอกัน “วิไลค่ะ”
“ที่บ้านทำอะไร”
วิไลรัมภาเหลือบดูถุงขนมวังเทวพรหมที่เจ้าของบ้านเพิ่งวางลงกับโต๊ะ เลือกตอบแบบไม่พูดความจริงแต่ก็เลี่ยงโกหก “ทำของขายค่ะ”
“อ้อ ลูกพ่อค้า”
“เรียนจบถึงไหนล่ะเรา”
“จบ ม.ปลายค่ะ”
“แล้วฉันจะเชื่อหล่อนได้ยังไง หลักถงหลักฐานอะไรก็ไม่มี”
“พอดีลืมไว้ที่บ้านต่างจังหวัดค่ะ”
“นี่ถ้าคุณหญิงพิลาสไม่ส่งหล่อนต่อมาให้ ฉันไม่เรียกมาคุยด้วยหรอกนะ แล้วนี่หล่อนเล่นเปียโนเป็นได้ยังไง”
หญิงสาวหันไปมองเปียโนโบราณหลังงามแทนคำตอบ
“ดิฉันขอลองเล่นให้ฟังเลยแล้วกัน” ว่าแล้วก็กระโจนเข้าหาเปียโนโดยไม่รอคำอนุญาต เล่นเอาคุณหญิงเจ้าของบ้านร้องโวย “เอ้า แม่นี่! นึกจะลุกก็ลุกพรวดพราด ฉันตกใจหมด”
นายร้อยอากาศโทหนุ่มก้าวลงจากรถด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก เขานึกบ่นกับตัวเองว่าเหนื่อยยังพอไหวแต่ผิดหวังนี่สิ ไอ้ปารัญเอ๊ย...ไล่ตามผู้หญิงชวดไม่ได้เห็นหน้า แถมยังต้องเจ็บใจที่ปะหน้าจ่าตำรวจที่แยกเขี้ยวเขียนใบสั่งเข้าให้เต็มๆ แทน แล้วแม่สาวคนนั้นก็ไวเสียจริงๆ รอดหลุดจากสายตาไปอย่างกับหายตัวได้ ถ้ารู้ว่าเป็นใคร...พ่อจะจับตีก้นสักสามที
ขณะจะก้าวเข้าประตูชายหนุ่มพลันชะงัก เพราะเพิ่งได้ยินเสียงเปียโนกังวานหวานจากภายใน เขาหยุดถอยหลังไปมองดูประตูให้แน่ใจอีกที...ก็มาถูกบ้านแล้วนี่หว่า ก่อนนึกขึ้นได้ว่าอาทิตย์ก่อนมารดาเพิ่งได้เปียโนโบราณจากวังเก่ามา “ประดับบ้าน”
แล้วใครเล่นกันล่ะนี่
เมื่อวิไลรัมภา...คือนางเอก
ส่วนใครเพิ่งเข้ามา ขอบอกว่านี่เป็นกระทู้ต่อเนื่อง ถ้าไม่อ่านกระทู้ก่อนหน้ามาก่อนจะงงค่ะ
และขอตอบคุณเนว่า สำหรับคำแนะนำให้ลอง tag ถนนนักเขียนว่า เนื่องจาก จขกท.แต่งเรื่องนี้เล่นๆ จะเรียกให้เท่ๆ ว่าเป็นจินตนาการคู่ขนานไปกับละครเรื่องคุณชายรณพีร์ก็ได้ โดยสมมุติว่าถ้าตัวละครอย่างวิไลรัมภาเป็นนางเอก มีพระเอกของตัวเองอีกคน แล้วเรื่องมันจะเป็นยังไง ดังนั้นทุกอย่างในเรื่องอิงอยู่กับงานเขียนของผู้แต่งนิยายกับผู้เขียนบท เอาไปลงที่ห้องถนนนักเขียนคงไม่เหมาะแน่ ส่วนห้องเฉลิมไทยนี้มีแฟนละครเยอะและชอบจิ้นกันอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าพื้นที่นี้เหมาะที่สุดค่ะ
อธิบายเสียยืดยาว มาอ่านเรื่องต่อกันดีกว่าค่ะ
บ้านสุภาริญ
แม่บ้านใหญ่เดินหน้าขรึมนำ ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม เข้ามายังห้องรับแขก
“นั่งรอตรงนี้ก่อน คุณหญิงยังไม่กลับ” หญิงวัยกลางคนสั่งเสียงห้วนเฉียบ
เมื่อย่างก้าวเข้าสู่ห้องโอ่โถงที่ออกแบบตกแต่งสไตล์ยุโรป ชุดกระโปรงเรียบพื้นของหญิงสาวผู้เป็นแขกดูมอซอไปถนัดใจ แต่เจ้าตัวกลับไม่มีทีท่าตื่นรัศมีของความหรูหราอลังการที่แผ่เข้าใส่ นอกจากไม่สนใจแล้วยังตวัดสายตาสอดส่ายคล้ายมองหาสิ่งหนึ่ง ทั้งที่เพิ่งเคยมาเยือนที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก
แววตาหญิงสาววาวโรจน์เมื่อเห็นเปียโนโบราณตรงมุมห้อง
ครั้นแล้วภาพอดีตก็ผุดขึ้น วันนั้นแม่กำลังสอนเปียโนให้ลูกสาวตัวน้อยที่อิดออด ถึงตอนนี้เสียงแม่คล้ายยังดังอยู่เคียงข้างกาย ‘เรียนไว้เถอะลูก ให้เป็นสมบัติติดตัวในวันหน้า’
หญิงสาวถูกฉุดกระชากออกจากภวังค์ทันทีที่ได้ยินเสียงบ่นปอดแปดดังคับบ้าน
“จะอะไรกันนักกันหนา ฉันเป็นคุณหญิงแล้วไปรวมกลุ่มกับแม่พวกผู้ดีทีไร ยังจะต้องแบ่งแยกคุณหญิงตราตั้งกับคุณหญิงโดยกำเนิด”
คุณหญิงสดศรีเดินบ่นเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งอย่างเมื่อยล้า แล้วยิงคำถามใส่แขกผู้มารออยู่ตรงหน้า “เอ้าว่ามา ชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร”
เจ้าของบ้านไม่พูดพร่ำทำเพลงมาแบบนี้ หญิงสาวเลยตอบเร็วพอกัน “วิไลค่ะ”
“ที่บ้านทำอะไร”
วิไลรัมภาเหลือบดูถุงขนมวังเทวพรหมที่เจ้าของบ้านเพิ่งวางลงกับโต๊ะ เลือกตอบแบบไม่พูดความจริงแต่ก็เลี่ยงโกหก “ทำของขายค่ะ”
“อ้อ ลูกพ่อค้า”
“เรียนจบถึงไหนล่ะเรา”
“จบ ม.ปลายค่ะ”
“แล้วฉันจะเชื่อหล่อนได้ยังไง หลักถงหลักฐานอะไรก็ไม่มี”
“พอดีลืมไว้ที่บ้านต่างจังหวัดค่ะ”
“นี่ถ้าคุณหญิงพิลาสไม่ส่งหล่อนต่อมาให้ ฉันไม่เรียกมาคุยด้วยหรอกนะ แล้วนี่หล่อนเล่นเปียโนเป็นได้ยังไง”
หญิงสาวหันไปมองเปียโนโบราณหลังงามแทนคำตอบ
“ดิฉันขอลองเล่นให้ฟังเลยแล้วกัน” ว่าแล้วก็กระโจนเข้าหาเปียโนโดยไม่รอคำอนุญาต เล่นเอาคุณหญิงเจ้าของบ้านร้องโวย “เอ้า แม่นี่! นึกจะลุกก็ลุกพรวดพราด ฉันตกใจหมด”
นายร้อยอากาศโทหนุ่มก้าวลงจากรถด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก เขานึกบ่นกับตัวเองว่าเหนื่อยยังพอไหวแต่ผิดหวังนี่สิ ไอ้ปารัญเอ๊ย...ไล่ตามผู้หญิงชวดไม่ได้เห็นหน้า แถมยังต้องเจ็บใจที่ปะหน้าจ่าตำรวจที่แยกเขี้ยวเขียนใบสั่งเข้าให้เต็มๆ แทน แล้วแม่สาวคนนั้นก็ไวเสียจริงๆ รอดหลุดจากสายตาไปอย่างกับหายตัวได้ ถ้ารู้ว่าเป็นใคร...พ่อจะจับตีก้นสักสามที
ขณะจะก้าวเข้าประตูชายหนุ่มพลันชะงัก เพราะเพิ่งได้ยินเสียงเปียโนกังวานหวานจากภายใน เขาหยุดถอยหลังไปมองดูประตูให้แน่ใจอีกที...ก็มาถูกบ้านแล้วนี่หว่า ก่อนนึกขึ้นได้ว่าอาทิตย์ก่อนมารดาเพิ่งได้เปียโนโบราณจากวังเก่ามา “ประดับบ้าน”
แล้วใครเล่นกันล่ะนี่