ตามกระแสหลัก
ว่ากันว่า
อรูปฌานที่ ๔ (ที่พระพุทธเจ้าทรงสมารถเท่าเทียมท่านอาจารย์ ก่อน ตรัสรู้ ปฏิจจฯ คือ อริยสัจ ๔ นั้น)
"สภาวธรรมทาง มโน อันเป็น อายตนะภายใน" คือ อรูปฌานที่ ๔ ที่ได้แก่ คำว่า เนวสัญญานาสัญญายตนะ นั้น ใช้ทำ วิปัสสนา ไม่ได้?
^^^^^^^^^^^
วิปัสสนา ตามประเด็นกระทู้นี้ ---- กำหนด ที่ตรัสว่า ---
(๑) ธรรมอันพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง คือ สมถะ และ วิปัสสนา
(มหาวาร สํ ๑๙/๗๗-๗๘/ ๒๙๐-๒๙๕ อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส หน้า ๑๔๑๘)
(๒)
เมื่อเขาเจริญอริยมรรคอยู่ด้วย อาการอย่างนี้ ฯลฯ (ตรัสหมวดธรรมแห่งโพธิปักขิยธรรม ฯ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่ความเจริญ)
ธรรม ๒ ของเขา คือ
สมถะด้วยวิปัสสนาด้วย ย่อมเคียงคู่กันไป
บุคคลนั้น ย่อม กำหนดรู้ (อะไร?) ด้วยปัญญาอันยิ่ง (คือ สมถะ และ วิปัสสนา)
ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ------------------------------ ในฐานะ สาวกของพระองค์ ดู มูลปริยายสูตรฯ
^^^^^^^^
ประเด็น สนทนา
ตามกระแสหลัก ----- ชี้ไว้ว่า ---
เนวสัญญานาสัญญายตนะ และสัญญาเวทยิตนิโรธ จัดว่าเป็นสมาบัติจำพวกเสวยผล
มิใช่ประเภทสำหรับใช้ทำกิจ สมาบัติที่ต่ำกว่านั้น คือตั้งแต่อากิญจัญญายตนะลงไป จึงจะใช้ได้ทั้งสำหรับเสวยผลและสำหรับทำกิจ ทั้งนี้เพราะยังมีสัญญาและธรรมอื่นๆ ที่ประกอบร่วมอยู่ชัดเจนพอ ฯลฯ....
^^^^
มุมมอง ต่างจากกระแสหลัก ดังนี้
(๑) เมื่อ
พระอนาคามี คือ -----> อริยสาวก ที่เจริญอริยมรรคอยู่ด้วย อาการอย่างนี้(ตรัสหมวดธรรมแห่งโพธิปักขิยธรรม ฯ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่ความเจริญ)
ธรรม ๒ ของเขา คือ
สมถะด้วยวิปัสสนาด้วย ย่อมเคียงคู่กันไป ----------- ใช่หรือไม่
(๒) จเหตุ ากข้อที่ ๑ ผล คือ
บุคคลนั้น คือ พระอนาคามี ผู้ สามารถใน "อนุปุพพวิหาร ๙"
ก็ ย่อม กำหนดรู้ (อาการ ฝ่าย มโนทวาร ที่เนื่องกับ อนุปุพพวิหาร ๙
(- ดู โปฏฐปาทสูตรประกอบ)
ด้วยปัญญาอันยิ่ง (คือ สมถะ และ วิปัสสนา)
หรือ ที่ตรัสว่า ผู้มีศีลสมบูรณ์สมาธิสมบูรณ์ ปัญญาพอประมาณ
(ปัญญาในอริยสัจ ขั้น อรหันต์)
ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง -------------------------------- ธรรมทั้งหลาย โดยเฉพาะ
เวทนา ทาง มนายตนะ ที่เนื่องกับ อนุปุพพวิหาร ๙
สรุป
สนทนา เรื่องที่ ๑
เวทนา ที่เนื่องกับ อรูปฌานที่ ๔ ที่ได้แก่ คำว่า เนวสัญญานาสัญญายตนะ นั้น ใช้ทำ วิปัสสนา ไม่ได้? ---- จริง หรือไม่จริง ?
สนทนาเรื่องที่ ๒
สัญญา (ต่อ) เวทนา ที่เนื่องกับ อรูปฌานที่ ๔ ที่ได้แก่ คำว่า เนวสัญญานาสัญญายตนะ นั้น ใช้ทำ วิปัสสนา ไม่ได้? ---- จริง หรือไม่จริง ?
(อ้าง สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง -- โปฏฐปาทสูตร
^^^^
สนทนาเรื่องที่ ๓
ใครคิดว่า "พระอนาคามี ที่ เจริญอริยมรรคอยู่ ตามที่ตรัส + ธรรม ๒ คือ สมถะด้วยวิปัสสนาด้วย ที่เคียงคู่กันไป
จะกำหนดรู้ "เวทนา และหรือ สัญญาซึ่งเวทนา ทางมโนทวาร "ในอาการคือ อรูปฌานที่ ๔" ที่เนื่องกับ อริยมรรคมีองค์ ๘ อยู่ ไม่ได้ ?
หมายเหตุ ๑
สนทนา มี ๓ เรื่อง ------ สนทนา สั้นๆ ตามประเด็นก่อน แล้ว ค่อย อย่างอื่น เช่น ก๊อปปี้ แปะ พระสูตร หรือ อรรถดถา ฯ นะครับ ท่าน สมาชิก
หมายเหตุ ๒
FYI ....
ละอ่อนนักอภิธัมฯ และหรือ ผู้ที่นิยม ทรงเจ้า โดยเฉพาะ "เฉลิมศักดิื 1" --------------- ถ้า ไม่ สนทนา ตาม ข้อความต่อไปนี้
"สนทนา มี ๓ เรื่อง ------ สนทนา สั้นๆ ตามประเด็นก่อน แล้ว ค่อย อย่างอื่น เช่น ก๊อปปี้ แปะ พระสูตร หรือ อรรถดถา ฯ นะครับ ท่าน สมาชิก"
ผม จะ เสียมารยาท กับ "ท่าน" นะครับ
อรูปฌานที่ ๔ .... ทำความแจ่มแจ้งแทงตลอดไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานขันธ์ หรือไม่?
ว่ากันว่า
อรูปฌานที่ ๔ (ที่พระพุทธเจ้าทรงสมารถเท่าเทียมท่านอาจารย์ ก่อน ตรัสรู้ ปฏิจจฯ คือ อริยสัจ ๔ นั้น)
"สภาวธรรมทาง มโน อันเป็น อายตนะภายใน" คือ อรูปฌานที่ ๔ ที่ได้แก่ คำว่า เนวสัญญานาสัญญายตนะ นั้น ใช้ทำ วิปัสสนา ไม่ได้?
^^^^^^^^^^^
วิปัสสนา ตามประเด็นกระทู้นี้ ---- กำหนด ที่ตรัสว่า ---
(๑) ธรรมอันพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง คือ สมถะ และ วิปัสสนา
(มหาวาร สํ ๑๙/๗๗-๗๘/ ๒๙๐-๒๙๕ อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส หน้า ๑๔๑๘)
(๒) เมื่อเขาเจริญอริยมรรคอยู่ด้วย อาการอย่างนี้ ฯลฯ (ตรัสหมวดธรรมแห่งโพธิปักขิยธรรม ฯ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่ความเจริญ)
ธรรม ๒ ของเขา คือ สมถะด้วยวิปัสสนาด้วย ย่อมเคียงคู่กันไป
บุคคลนั้น ย่อม กำหนดรู้ (อะไร?) ด้วยปัญญาอันยิ่ง (คือ สมถะ และ วิปัสสนา)
ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ------------------------------ ในฐานะ สาวกของพระองค์ ดู มูลปริยายสูตรฯ
^^^^^^^^
ประเด็น สนทนา
ตามกระแสหลัก ----- ชี้ไว้ว่า ---
เนวสัญญานาสัญญายตนะ และสัญญาเวทยิตนิโรธ จัดว่าเป็นสมาบัติจำพวกเสวยผล
มิใช่ประเภทสำหรับใช้ทำกิจ สมาบัติที่ต่ำกว่านั้น คือตั้งแต่อากิญจัญญายตนะลงไป จึงจะใช้ได้ทั้งสำหรับเสวยผลและสำหรับทำกิจ ทั้งนี้เพราะยังมีสัญญาและธรรมอื่นๆ ที่ประกอบร่วมอยู่ชัดเจนพอ ฯลฯ....
^^^^
มุมมอง ต่างจากกระแสหลัก ดังนี้
(๑) เมื่อ
พระอนาคามี คือ -----> อริยสาวก ที่เจริญอริยมรรคอยู่ด้วย อาการอย่างนี้(ตรัสหมวดธรรมแห่งโพธิปักขิยธรรม ฯ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่ความเจริญ)
ธรรม ๒ ของเขา คือ สมถะด้วยวิปัสสนาด้วย ย่อมเคียงคู่กันไป ----------- ใช่หรือไม่
(๒) จเหตุ ากข้อที่ ๑ ผล คือ
บุคคลนั้น คือ พระอนาคามี ผู้ สามารถใน "อนุปุพพวิหาร ๙"
ก็ ย่อม กำหนดรู้ (อาการ ฝ่าย มโนทวาร ที่เนื่องกับ อนุปุพพวิหาร ๙
(- ดู โปฏฐปาทสูตรประกอบ)
ด้วยปัญญาอันยิ่ง (คือ สมถะ และ วิปัสสนา)
หรือ ที่ตรัสว่า ผู้มีศีลสมบูรณ์สมาธิสมบูรณ์ ปัญญาพอประมาณ
(ปัญญาในอริยสัจ ขั้น อรหันต์)
ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง -------------------------------- ธรรมทั้งหลาย โดยเฉพาะ
เวทนา ทาง มนายตนะ ที่เนื่องกับ อนุปุพพวิหาร ๙
สรุป
สนทนา เรื่องที่ ๑
เวทนา ที่เนื่องกับ อรูปฌานที่ ๔ ที่ได้แก่ คำว่า เนวสัญญานาสัญญายตนะ นั้น ใช้ทำ วิปัสสนา ไม่ได้? ---- จริง หรือไม่จริง ?
สนทนาเรื่องที่ ๒
สัญญา (ต่อ) เวทนา ที่เนื่องกับ อรูปฌานที่ ๔ ที่ได้แก่ คำว่า เนวสัญญานาสัญญายตนะ นั้น ใช้ทำ วิปัสสนา ไม่ได้? ---- จริง หรือไม่จริง ?
(อ้าง สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง -- โปฏฐปาทสูตร
^^^^
สนทนาเรื่องที่ ๓
ใครคิดว่า "พระอนาคามี ที่ เจริญอริยมรรคอยู่ ตามที่ตรัส + ธรรม ๒ คือ สมถะด้วยวิปัสสนาด้วย ที่เคียงคู่กันไป
จะกำหนดรู้ "เวทนา และหรือ สัญญาซึ่งเวทนา ทางมโนทวาร "ในอาการคือ อรูปฌานที่ ๔" ที่เนื่องกับ อริยมรรคมีองค์ ๘ อยู่ ไม่ได้ ?
หมายเหตุ ๑
สนทนา มี ๓ เรื่อง ------ สนทนา สั้นๆ ตามประเด็นก่อน แล้ว ค่อย อย่างอื่น เช่น ก๊อปปี้ แปะ พระสูตร หรือ อรรถดถา ฯ นะครับ ท่าน สมาชิก
หมายเหตุ ๒
FYI ....
ละอ่อนนักอภิธัมฯ และหรือ ผู้ที่นิยม ทรงเจ้า โดยเฉพาะ "เฉลิมศักดิื 1" --------------- ถ้า ไม่ สนทนา ตาม ข้อความต่อไปนี้
"สนทนา มี ๓ เรื่อง ------ สนทนา สั้นๆ ตามประเด็นก่อน แล้ว ค่อย อย่างอื่น เช่น ก๊อปปี้ แปะ พระสูตร หรือ อรรถดถา ฯ นะครับ ท่าน สมาชิก"
ผม จะ เสียมารยาท กับ "ท่าน" นะครับ