ตอนแรก ผมบอกกับคุณแก้มอ้นไปว่า วันนี้จะไม่ตั้งกระทู้ เพราะต้องกินเลี้ยงวันเกิดเจ้านาย
แต่ผมมาคิด ๆ ดู .. วันนี้
"แดงเดือด" ได้ใจแบบสุด ๆ .. ผมรู้สึกสงสารคนที่ติดดอย หรือ เพิ่งเข้ามาลงทุนมาก ๆ เลยครับ
ตอนนี้ เลยเปลี่ยนใจ ตั้งกระทู้เร็วหน่อยดีกว่า .. ให้มีที่สำหรับพูดคุย และ ระบายความในใจกันครับ T_T (แดงเถือกแบบนี้ ใครอยากจะสารภาพอะไร ก็เชิญได้เลยนะครับ)
วันนี้ ผมอาจจะอัพเดทไม่ครบนะครับ (ขออภัยด้วยครับ) .. อัพอะไรได้ ผมก็จะอัพไปก่อน .. เพราะประมาณ 2 ทุ่ม ผมต้องไปกินเลี้ยงแล้วครับ
*** สาระไม่สำคัญ *** (ต่อจากตอนที่แล้ว)
- จากหนังสือ
“ลงทุนอย่าง .. ปีเตอร์ ลินช์” (Beating the Street) .. จากหน้า 88 – 93 ที่หัวข้อ “
หุ้น และ กองทุนหุ้น” (ผมจำได้คร่าว ๆ นะ) .. ปีเตอร์ ลินช์ได้พูดถึง กองทุนดัชนี ไว้ประมาณว่า .. ตัวเค้า (ปีเตอร์ ลินช์) ได้คุยกับ ไมเคิล ลิปเปอร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุนรวมอันดับหนึ่ง (และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Lipper ที่ใช้เก็บรวบรวมบทวิเคราะห์ เก็บสถิติ และ จัดอันดับกองทุนกว่า 60 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย) .. โดยถ้าดูผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ตั่งแต่ปี 1983 – 1992 ดัชนี ให้ผลตอบแทนดีกว่ากองทุนแบบ Active .. โดย 10 ปีย้อนหลังนี้ มีเพียง 2 ปีเท่านั้น ที่กองทุนแบบ Active สามารถสร้างผลตอบแทนเอาชนะดัชนีได้ (อีก 8 ปี กองทุนแบบ Active แพ้ดัชนีเกือบทั้งหมด)
- แต่ถ้าย้อนหลังไปนานกว่านั้น ยาวนานถึง 30 ปี คือ ตั้งแต่ปี 1960 – 1992 (ข้อมูลตามหนังสือ) .. กลับพบว่า กองทุนแบบ Active และ กองทุนดัชนีมีผลตอบแทนใกล้เคียงกันมาก .. แต่กองทุน Active จะมีผลตอบแทนดีกว่าเล็กน้อย .. ฉะนั้น การที่เรามานั่งเสียเวลาคัดเลือกกองทุนที่น่าจะให้ผลตอบแทนดีที่สุด ก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย .. เพราะคุณจะต้องเสียเวลาอย่างมาก และ ต้องโชคดีมาก ๆ กว่าที่คุณจะค้นพบกองทุนที่สามารถเอาชนะดัชนีได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
- แม้กระทั่ง ไมเคิล ลิปเปอร์ ก็ให้ความเห็นว่า
"การเสาะหาผู้จัดการกองทุนฝีมือดีของปีต่อไปทุก ๆ ปี เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ .. อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่จะยังคงค้นหากองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด หรือ สูงกว่าตลาด ต่อไปอย่างไม่ลดละ"
(ต่อตอนหน้า)
ขอบคุณ ทุก ๆ ความเห็นมากครับ ^^
[กระทู้สำรองมุงกองทุน] รายงานราคา NAV กองทุนดัชนี และ พูดคุยเกี่ยวกับ หุ้น , กองทุนรวม ทุกประเภท ประจำวันที่ 11 มิ.ย. 56
แต่ผมมาคิด ๆ ดู .. วันนี้ "แดงเดือด" ได้ใจแบบสุด ๆ .. ผมรู้สึกสงสารคนที่ติดดอย หรือ เพิ่งเข้ามาลงทุนมาก ๆ เลยครับ
ตอนนี้ เลยเปลี่ยนใจ ตั้งกระทู้เร็วหน่อยดีกว่า .. ให้มีที่สำหรับพูดคุย และ ระบายความในใจกันครับ T_T (แดงเถือกแบบนี้ ใครอยากจะสารภาพอะไร ก็เชิญได้เลยนะครับ)
วันนี้ ผมอาจจะอัพเดทไม่ครบนะครับ (ขออภัยด้วยครับ) .. อัพอะไรได้ ผมก็จะอัพไปก่อน .. เพราะประมาณ 2 ทุ่ม ผมต้องไปกินเลี้ยงแล้วครับ
*** สาระไม่สำคัญ *** (ต่อจากตอนที่แล้ว)
- จากหนังสือ “ลงทุนอย่าง .. ปีเตอร์ ลินช์” (Beating the Street) .. จากหน้า 88 – 93 ที่หัวข้อ “หุ้น และ กองทุนหุ้น” (ผมจำได้คร่าว ๆ นะ) .. ปีเตอร์ ลินช์ได้พูดถึง กองทุนดัชนี ไว้ประมาณว่า .. ตัวเค้า (ปีเตอร์ ลินช์) ได้คุยกับ ไมเคิล ลิปเปอร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุนรวมอันดับหนึ่ง (และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Lipper ที่ใช้เก็บรวบรวมบทวิเคราะห์ เก็บสถิติ และ จัดอันดับกองทุนกว่า 60 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย) .. โดยถ้าดูผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ตั่งแต่ปี 1983 – 1992 ดัชนี ให้ผลตอบแทนดีกว่ากองทุนแบบ Active .. โดย 10 ปีย้อนหลังนี้ มีเพียง 2 ปีเท่านั้น ที่กองทุนแบบ Active สามารถสร้างผลตอบแทนเอาชนะดัชนีได้ (อีก 8 ปี กองทุนแบบ Active แพ้ดัชนีเกือบทั้งหมด)
- แต่ถ้าย้อนหลังไปนานกว่านั้น ยาวนานถึง 30 ปี คือ ตั้งแต่ปี 1960 – 1992 (ข้อมูลตามหนังสือ) .. กลับพบว่า กองทุนแบบ Active และ กองทุนดัชนีมีผลตอบแทนใกล้เคียงกันมาก .. แต่กองทุน Active จะมีผลตอบแทนดีกว่าเล็กน้อย .. ฉะนั้น การที่เรามานั่งเสียเวลาคัดเลือกกองทุนที่น่าจะให้ผลตอบแทนดีที่สุด ก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย .. เพราะคุณจะต้องเสียเวลาอย่างมาก และ ต้องโชคดีมาก ๆ กว่าที่คุณจะค้นพบกองทุนที่สามารถเอาชนะดัชนีได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
- แม้กระทั่ง ไมเคิล ลิปเปอร์ ก็ให้ความเห็นว่า "การเสาะหาผู้จัดการกองทุนฝีมือดีของปีต่อไปทุก ๆ ปี เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ .. อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่จะยังคงค้นหากองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด หรือ สูงกว่าตลาด ต่อไปอย่างไม่ลดละ"
(ต่อตอนหน้า)
ขอบคุณ ทุก ๆ ความเห็นมากครับ ^^