แนะนำตัวก่อนครับ ผม บี ครับ เป็นน้องใหม่ที่นี่ครับ เพิ่งสมัครสมาชิกได้ไม่นาน พอดีว่ามีโอกาสได้ไปเที่ยวอิตาลีมา
เมื่อวันที่ 1-14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่พอกลับมาก็มาเจอกับช่วงสอบปลายภาคของเทอมที่แล้วเข้าพอดี อ้อ ผมเป็นติวเตอร์
สอนภาษาอังกฤษครับ กลับมาถึงก็ติวเด็กเตรียมสอบทันที หลังจากนั้น พอเมษายน ปิดเทอมก็กลับบ้านต่างจังหวัด แถมยัง
ลงใต้ต่ออีก กว่าจะกลับขึ้นมากรุงเทพฯก็ต้นเดือนพฤษภาคมแล้ว เปิดเทอมก็เริ่มสอนจนอะไรๆเข้าที่เข้าทาง ก็ได้ฤกษ์ยาม
ในการ"เล่าสู่กันฟัง"สักทีว่าไปเที่ยวอิตาลีมาเป็นยังไงบ้าง ที่เค้าว่ากันว่าของแพง อากาศหนาว โจรแยะ พวกหลอกลวงเยอะ
ฯลฯ ตามมาครับ เดี๋ยวผมจะพาเพื่อนๆย้อนกลับไปเที่ยวอิตาลีพร้อมๆกับผมอีกครั้งนึงเองครับ การเดินทางในครั้งนี้จะมีราย
ละเอียดการท่องเที่ยวเมือง Milano - Venezia - Vicenza - Padova - Verona - Firenze - Pisa และ Roma ด้วยตัวเองครับ

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พศ 2556
       
       จริงๆแล้วสาเหตุที่ไปอิตาลีเนี่ย คือ บริษัทที่น้องสาวผมเค้าทำงานอยู่ได้ส่งน้องไป training ที่โน่น ผมกับแม่ก็เลยถือ
โอกาสนี้ขอติดสอยห้องตามไปด้วย แต่ไม่ได้ให้บริษัทออกค่าใช้จ่ายอะไรให้นะครับ ทุกอย่างเราออกกันเอง(เกือบ)หมด
อ่ะ เริ่มเลยครับ

       ก็ตื่นเต้นนะ เกิดมาไม่เคยไปยุโรปมาก่อน ไอ้เรื่องหลงทางหรือเอาตัวรอดไม่ได้นี่ไม่มีอยู่ในหัวครับ เชื่อมั่นในตัวเองว่า
สอนภาษาอังกฤษมา 10 ปี ถ้าดีแต่สอนแล้วใช้จริงไม่ได้ กลับมาจากเที่ยวจะเลิกสอนให้มันรู้แล้วรู้รอดไป !!!!



       วันออกเดินทางนี่เครื่องออกดึกหน่อยครับ ก็ตามธรรมเนียม เช็คอินตั๋ว โหลดกระเป๋า เดินเล่น ดูของใน Duty Free จนได้
เวลาพอสมควรก็เดินมานั่งรอที่หน้า Gate กันล่ะครับ



       นั่งรออยู่สักพัก เอ้ยยย หิวนิ ผมกับน้องสาว เอ้อ ชื่อ หญิง นะครับ ก็เดินกลับมาแถว Duty Free เพื่อหาอะไรไปกินกับแม่
ที่จะนั่งรอและเฝ้าของอยู่ที่ Gate อีตอนนั้นมันก็ดึกแล้ว ร้านของกินก็เริ่มเก็บร้านกันบ้างแล้ว เดินไปเดินมา สุดท้ายได้ขนมปัง
กับน้ำมะนาวจาก Auntie Anne's มาประทังชีวิตกันครับ

       เครื่องออกช้ากว่ากำหนดพอสมควร เพราะรอบดึกๆแบบนี้ การจราจรทางอากาศคับคั่ง กว่าเที่ยวบินของเราจะได้คิวขึ้น
ก็ปาเข้าไปตี 2 หน่อยๆแล้วครับ  แผนการบินของเราคือจะไปเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบครับ ถ้าจำไม่ผิด การเดินทางระยะแรกของเรา
นี่ใช้เวลา 6 ชั่วโมงครับ

       บินเที่ยวดึกๆด้วยชั้นประหยัดนี่ก็นอนไม่สบายนักหรอกครับ ผมก็หลับๆตื่นๆไปตลอดทาง โหยยย ตั้ง 6 ชั่วโมง จะไหวมั้ยเนี่ย
นั่งไปได้สักพัก ก็เริ่มมองหาที่ว่างทั้งแถว เผื่อจะไปงีบแบบนอนยาวได้บ้าง แต่ทว่า ไม่ทันครับ มีมนุษย์ไปจับจองที่ว่างเสียหมดแล้ว



       ก็ได้เพลงและหนังเนี่ยล่ะครับที่พอจะแก้เบื่อแก้บ้าแก้เซ็งกับการต้องนั่งอยู่ในที่แคบๆตั้ง 6 ชั่วโมงลงไปได้บ้าง ว่าแต่ เอ่อ เห็น
รายการเพลงที่ฟังแล้วนี่ก็คงเดาอายุผมกันได้เลยมั้งเนี่ย



       พอเครื่องออกไปได้สักพัก เค้าก็เริ่มแจกจ่ายอาหารให้ผู้โดยสารกันล่ะ โอเค ได้เวลากินสักที ไม่ใช่ว่าอยากกิน แต่อยากนอน
มากกว่าครับ อาหารก็แนวๆที่กินกันบนเครื่องบินนี่แหล่ะครับ พอกินเสร็จก็ตามนั้นเลยครับ นอน Zzzzzzzzzzzz



       ก่อนเครื่องจะลงสักเกือบจะครึ่งชั่วโมง ผมก็ตื่นเพราะเสียงประกาศจากกัปตัน มันก็มึนๆอ่ะครับ เพราะเริ่มงงกับเวลาที่ถอยหลัง
ลงเรื่อยๆตามระยะทางที่บินมา ออกจากกรุงเทพฯตี 2 บินมา 6 ชั่วโมง แต่มาถึง Dubai 6 โมงเช้า !!!

  





       หลังจากที่ผมเดินไปเดินมา แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเลยมาพักนึง ก็เดินไปที่ Gate เพื่อรอแม่กับหญิงที่เค้าแยกกันไปเดินเอง
ผมก็นึกว่าเค้าจะได้อะไรมาบ้าง แต่ปรากฏว่าก็ไม่ได้อะไรมาเหมือนกัน อ่ะ นั่งรอเวลาเพื่อเริ่มต้นการเดินทางระยะที่สองกันครับ



       การเดินทางในช่วงที่สองนี้สั้นกว่าช่วงแรกครับ เที่ยวบินจาก Dubai ไป Milano นี่ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง แต่ก็นั่นแหล่ะครับ
ต้องนั่งอยู่ในที่แคบๆอยู่ดีแหล่ะ



       เครื่องออกจาก Dubai ด้วยการดีเลย์เสียนาน สงสัยจะคิวขึ้นยาวเหมือนที่บ้านเราแหงๆเลยนิ พอเครื่องขึ้นได้สักพักก็กินข้าวครับ
เสร็จแล้วก็แก้เบื่อแก้เซ็งด้วยวิธีเดิมๆ คือ ดูหนังและฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อยจนหลับไปในที่สุด





       ผมก็หลับๆตื่นๆไปตลอดทาง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตนะครับ ที่ต้องขึ้นเครื่องบินและเดินทางด้วยระยะเวลาที่นานขนาดนี้ แต่ก็มีแรง
ฮึดครับ เพราะกำลังจะได้ไปอิตาลี หนึ่งในประเทศที่อยากไปมากที่สุดในชีวิตนี้ครับผม