สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
fat bloom หรือเปล่าครับ
ผมซื้อช็อคโกแล็ตจากต่างประเทศถ้าไปเมืองหนาว โหลดใต้เครื่องที่ไรขึ้นแบบนั้นทุกทีเลย
ไปหามาเจอ
ช็อกโกเลตเปลี่ยนเป็นสีเทาได้เนื่องจากเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า sugar bloom หรือ fat bloom
Sugar bloom เกิดจากความชื้นที่บริเวณผิว ความชื้นนี้จะทำให้น้ำตาลในช็อกโกเลตละลาย และเมื่อความชื้นระเหยออกไป ผลึกของน้ำตาลจะยังคงอยู่ที่ผิวช็อกโกเลต ถ้าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ผลึกน้ำตาลจะติดแน่นและทำให้สีเปลี่ยนได้
Sugar bloom เกิดขึ้นบ่อยครั้งถ้าเก็บไว้ในบริเวณที่มีความชื้นสูง แต่ก็สามารถเกิดได้สำหรับช็อกโกเลตที่เก็บบริเวณที่อุณหภูมิต่ำ แต่ถูกนำออกมาสู่อากาศที่ร้อนอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำแล้วความชื้นที่ผิวก็จะสูง
Fat bloom จะคล้ายคลึงกับ sugar bloom เว้นแต่มันจะเกิดจากไขมันหรือเนยโกโก้ ซึ่งจะแยกตัวออกจากช็อกโกเลตและจับตัวกันอยู่ภายนอก โดยสาเหตุที่เกิดก็คล้ายคลึงกับ sugar bloom ซึ่งก็คือการเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างรวดเร็วและการเก็บที่อุณหภูมิสูงเกินไป
สีเทาด้าน ๆ ที่เกิดขึ้นแม้จะดูไม่น่ารับประทานเท่าสีดำมันเงา แต่ว่าช็อกโกเลตที่เกิด sugar bloom ก็ยังสามารถทานได้ แม้ว่าที่ผิวจะเต็มไปด้วยเม็ดเล็ก ๆ ของน้ำตาล แต่รสชาติโดยรวมก็ยังดีอยู่ ทางป้องกันก็คือ เก็บรักษาในสภาวะที่เหมาะสม ทั้งช็อกโกเลตขาว ขนมปังช็อกโกเลต ช็อกโกเลตนม หรือแม้แต่ขนมที่มีส่วนผสมของช็อกโกเลต
นอกจากนี้ ช็อกโกเลตยังดูดกลิ่นจากอาหารหรือผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นได้เป็นอย่างดี การเก็บที่ถูกวิธีคือห่อให้มิดชิด อยู่ห่างจากอาหารที่มีกลิ่นแรง ที่อุณหภูมิ 18-20 oC และความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 50-55 % สำหรับช็อกโกเลตขาวและช็อกโกเลตนมสามารถเก็บได้นานถึง 6 เดือนเลยทีเดียว แต่ช็อกโกเลตบางชนิดอาจเก็บได้ยาวนานกว่านั้น
Credit: http://vcharkarn.com/vnews/138864
ผมซื้อช็อคโกแล็ตจากต่างประเทศถ้าไปเมืองหนาว โหลดใต้เครื่องที่ไรขึ้นแบบนั้นทุกทีเลย
ไปหามาเจอ
ช็อกโกเลตเปลี่ยนเป็นสีเทาได้เนื่องจากเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า sugar bloom หรือ fat bloom
Sugar bloom เกิดจากความชื้นที่บริเวณผิว ความชื้นนี้จะทำให้น้ำตาลในช็อกโกเลตละลาย และเมื่อความชื้นระเหยออกไป ผลึกของน้ำตาลจะยังคงอยู่ที่ผิวช็อกโกเลต ถ้าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ผลึกน้ำตาลจะติดแน่นและทำให้สีเปลี่ยนได้
Sugar bloom เกิดขึ้นบ่อยครั้งถ้าเก็บไว้ในบริเวณที่มีความชื้นสูง แต่ก็สามารถเกิดได้สำหรับช็อกโกเลตที่เก็บบริเวณที่อุณหภูมิต่ำ แต่ถูกนำออกมาสู่อากาศที่ร้อนอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำแล้วความชื้นที่ผิวก็จะสูง
Fat bloom จะคล้ายคลึงกับ sugar bloom เว้นแต่มันจะเกิดจากไขมันหรือเนยโกโก้ ซึ่งจะแยกตัวออกจากช็อกโกเลตและจับตัวกันอยู่ภายนอก โดยสาเหตุที่เกิดก็คล้ายคลึงกับ sugar bloom ซึ่งก็คือการเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างรวดเร็วและการเก็บที่อุณหภูมิสูงเกินไป
สีเทาด้าน ๆ ที่เกิดขึ้นแม้จะดูไม่น่ารับประทานเท่าสีดำมันเงา แต่ว่าช็อกโกเลตที่เกิด sugar bloom ก็ยังสามารถทานได้ แม้ว่าที่ผิวจะเต็มไปด้วยเม็ดเล็ก ๆ ของน้ำตาล แต่รสชาติโดยรวมก็ยังดีอยู่ ทางป้องกันก็คือ เก็บรักษาในสภาวะที่เหมาะสม ทั้งช็อกโกเลตขาว ขนมปังช็อกโกเลต ช็อกโกเลตนม หรือแม้แต่ขนมที่มีส่วนผสมของช็อกโกเลต
นอกจากนี้ ช็อกโกเลตยังดูดกลิ่นจากอาหารหรือผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นได้เป็นอย่างดี การเก็บที่ถูกวิธีคือห่อให้มิดชิด อยู่ห่างจากอาหารที่มีกลิ่นแรง ที่อุณหภูมิ 18-20 oC และความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 50-55 % สำหรับช็อกโกเลตขาวและช็อกโกเลตนมสามารถเก็บได้นานถึง 6 เดือนเลยทีเดียว แต่ช็อกโกเลตบางชนิดอาจเก็บได้ยาวนานกว่านั้น
Credit: http://vcharkarn.com/vnews/138864
แสดงความคิดเห็น
เตือน!!! กิน KitKat ระวังกันด้วย ฉีกฟรอยส์แล้วอย่างเพิ่งเอาใส่ปากล่ะ
ก็คือ อาการ Fat bloom เหมือนทีี่ คห.3 ลงข้อมูลไว้
อาการนี้รับประทานได้ปกติ ไม่มีอันตรายใดๆ แต่หน้าตาไม่น่ากินแล้ว
พี่เขาเลยจะเข้ามาขอเก็บตัวอย่างเพื่อปรับปรุงคุณภาพการขนส่ง
และนำผลิตภัณฑ์มาเปลี่ยนให้ เดี๋ยวจะถ่ายรูปมาลงให้ดู
เป็นบริษัทที่ดีจริงๆ เห็นคุณค่าของทุกชิ้น ไม่เสียแรงที่ชอบกิน Kitkat
ซึ้งใจ
...................... ........
แกะมาตกใจเลย รีบดูวันหมดอายุก็ โน้น เดือน 12/2013
แกะอีกชิ้น ปกติ ไม่มีอะไร
จะส่งไปให้ Nestle ดูอยู่
ปล. ความร้อนก็ไม่น่าจะทำให้เกิดแบบนี้ ร้านที่ซื้อติดแอร์ตลอดเวลา