รัฐสภาปากีสถานลงมติแก้ไขกฎหมายพิจารณาคดีข่มขืน โดยให้การพิจารณาคดีขึ้นกับศาลยุติธรรมปกติ จากเดิมที่ต้องขึ้นศาลตามกฎหมายศาสนาชารีอะห์(ศาลศาสนา) ซึ่งระบุว่าหญิงที่ถูกข่มขืนจะต้องมีพยานเป็นชาย 4 คน มิฉะนั้นแล้วเธออาจถูกข้อกล่าวหาว่ามีชู้หรือประพฤติผิดประเวณี (และไม่เกี่ยวว่าต้องเห็นการสอดหรือไม่เห็นการสอด มีแต่คนจิตไม่ปกติที่คิดว่าพยานต้องเห็นการสอด)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานพร้อมระบุว่าการแก้กฎหมายฉบับดังกล่าวถือเป็นบททดสอบของประธานาธิบดีมูชาราฟที่เคย กล่าวให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปแนวทางไปสู่การเป็นมุสลิมที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น (มุสลิมสายกลาง) อย่างไรก็ตามพรรคศาสนาสายเคร่งครัดซึ่งบอยคอตการลงมติร่างกฎหมายดังกล่าวได้กล่าวว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดฟรีเซ็กส์
ล่าสุดกลุ่มมุกตาฮีดา มัจลีส-อี-อามาล หรือเอ็มเอ็มเอ แกนนำองค์กรมุสลิม สายเคร่งครัดในปากีสถาน ประกาศว่า จะจัดการชุมนุมประท้วงต่อต้านการแก้ไขกฏหมายฉบับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าร่างฯดังกลาวนั้นได้รับอิทธิพลจากเนื่องจากสหรัฐอเมริกาและกฎหมายฉบับเดิมก็มีความเหมาะสม ตรงตามคัมภีร์ อัล-กุรอ่าน อยู่แล้ว กลุ่มเอ็มเอ็มเอ ยังวิจารณ์อีกว่า จากการแก้ไขกฏหมายต่อต้านการข่มขืนในครั้งนี้ จะทำให้ปากีสถานเป็นประเทศที่เปิดเสรีทางเพศ
ด้านนายกรัฐมนตรีชอกัต อาซิส แถลงว่า การแก้ไขกฎหมายต่อต้านการข่มขืน นับเป็นประวัติศาสตร์ทางกฏหมายที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นการให้สิทธิตามกฎหมายแก่สตรีและเปิดโอกาสให้สตรีตอบโต้ผู้ต้องหาคดีข่มขืนได้มากยิ่งขึ้น ส่วนสตรีในปากีสถาน ส่วนใหญ่และองค์กรสิทธิสตรีหลายแห่ง ก็ต่างออกมาแสดงความยินดี
สำหรับกฏหมายต่อต้านการข่มขืนที่เป็นไปตามหลักอิสลามเคร่งครัดของปากีสถานนี้ ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก เมื่อ 27 ปีก่อนในช่วงที่พลเอกเซียอุล ฮัค เป็นประธานาธิบดีโดยมีจุดประสงค์สำคัญ เพื่อทำให้ปากีสถานเป็นรัฐอิสลามที่เข้มแข็งและต่อต้านอิทธิพลของอดีตสหภาพโซเวียต ส่วนการประหารผู้ต้องหาในคดีข่มขืน รวมถึงการผิดประเวณีในปากีสถานยังคงเป็นการใช้ก้อนหินขว้างเข้าใส่จนกว่าจะเสียชีวิต
ปากีสถานลงมติแก้กฎหมายพิจารณาคดีข่มขืน ด้านมุสลิมสายเคร่งครัดออกโรงค้าน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานพร้อมระบุว่าการแก้กฎหมายฉบับดังกล่าวถือเป็นบททดสอบของประธานาธิบดีมูชาราฟที่เคย กล่าวให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปแนวทางไปสู่การเป็นมุสลิมที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น (มุสลิมสายกลาง) อย่างไรก็ตามพรรคศาสนาสายเคร่งครัดซึ่งบอยคอตการลงมติร่างกฎหมายดังกล่าวได้กล่าวว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดฟรีเซ็กส์
ล่าสุดกลุ่มมุกตาฮีดา มัจลีส-อี-อามาล หรือเอ็มเอ็มเอ แกนนำองค์กรมุสลิม สายเคร่งครัดในปากีสถาน ประกาศว่า จะจัดการชุมนุมประท้วงต่อต้านการแก้ไขกฏหมายฉบับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าร่างฯดังกลาวนั้นได้รับอิทธิพลจากเนื่องจากสหรัฐอเมริกาและกฎหมายฉบับเดิมก็มีความเหมาะสม ตรงตามคัมภีร์ อัล-กุรอ่าน อยู่แล้ว กลุ่มเอ็มเอ็มเอ ยังวิจารณ์อีกว่า จากการแก้ไขกฏหมายต่อต้านการข่มขืนในครั้งนี้ จะทำให้ปากีสถานเป็นประเทศที่เปิดเสรีทางเพศ
ด้านนายกรัฐมนตรีชอกัต อาซิส แถลงว่า การแก้ไขกฎหมายต่อต้านการข่มขืน นับเป็นประวัติศาสตร์ทางกฏหมายที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นการให้สิทธิตามกฎหมายแก่สตรีและเปิดโอกาสให้สตรีตอบโต้ผู้ต้องหาคดีข่มขืนได้มากยิ่งขึ้น ส่วนสตรีในปากีสถาน ส่วนใหญ่และองค์กรสิทธิสตรีหลายแห่ง ก็ต่างออกมาแสดงความยินดี
สำหรับกฏหมายต่อต้านการข่มขืนที่เป็นไปตามหลักอิสลามเคร่งครัดของปากีสถานนี้ ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก เมื่อ 27 ปีก่อนในช่วงที่พลเอกเซียอุล ฮัค เป็นประธานาธิบดีโดยมีจุดประสงค์สำคัญ เพื่อทำให้ปากีสถานเป็นรัฐอิสลามที่เข้มแข็งและต่อต้านอิทธิพลของอดีตสหภาพโซเวียต ส่วนการประหารผู้ต้องหาในคดีข่มขืน รวมถึงการผิดประเวณีในปากีสถานยังคงเป็นการใช้ก้อนหินขว้างเข้าใส่จนกว่าจะเสียชีวิต