-หน้าเปิดสี เป็นโคจิโร่ (เซอร์ไพรซ์เหมือนกันนะเนี่ย)
-เปิดตอนมา โคจิโร่บอกกับพวกโซมะว่าไม่ต้องเสียใจไปหรอก เพราะนี้เป็นผลการแข่งที่ควรจะเป็นอยู่แล้วล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเขาต้องขอตัวก่อนเพราะพรุ่งนี้เขาต้องรีบตื่นแต่เช้า แล้วบอกว่าพวกโซมะกับเมงุมิทำได้ดีแล้วล่ะ
-แต่เมงุมิก็คิดว่านี้มันไม่ดีสักหน่อย ซึ่งโซมะก็ถอดผ้าพันหัวหันมายิ้มแล้วเอ่ยขอโทษกับเมงุมิ พร้อมกับบอกว่าเขาขอโทษด้วยที่ช่วยเมงุมิได้แค่นี้ แต่เขาอยากให้เมงุมิภูมิใจเพราะเธอทำจานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเธอออกมาได้ไม่แพ้โคจิโร่เลย ซึ่งเมงุมิก็ร้องไห้แล้วบอกว่า มันไม่ใช่ความผิดของโซมะคุงสักหน่อย ทั้งหมดเป็นเพราะเธอต่างหาก เพราะเธอโซมะคุงถึงต้องพลอยซวยไปแบบนี้ด้วย เธอขอโทษจริงๆ ซึ่งโดจิม่าก็เสริมออกมาว่า ความแตกต่างของฝีมือของเมงุมิกับโคจิโร่ที่ปรากฎบนอาหารทั้งสองจานเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้วัดได้อย่างดีถึงสาเหตุที่โคจิโร่ชนะแบบขาดลอย ซึ่งเมงุมิพอได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยขอโทษออกมาอีกรอบ
-แต่แล้วในตอนนั้นโดจิม่าก็ทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดขึ้น เขาเดินไปที่จานของเมงุมิแล้ววางเหรียญของตัวเองลงไป ซึ่งโคจิโร่ก็ถามว่า การตัดสินมันจบลงไปแล้วนี้คุณคิดจะทำอะไรอีก ซึ่งโดจิม่าก็หันมาบอกว่า มันยังไม่จบหรอกที่เขาโหวตไปเพราะเขายอมรับคุณค่าของอาหารจานนี้ก็เท่านั้นเอง(หมายถึงอาหารของเมงุมิ)
-ศิษย์เก่าคนอื่นๆก็สงสัยว่าโดจิม่าจะทำอะไร โคจิโร่ถามโดจิม่าออกไปว่าคุณไม่ได้เป็นกรรมการตัดสินซะหน่อย อีกอย่างที่ว่ายอมรับคุณค่าของอาหารจานนี้เขาไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง โดจิม่าเลยถามสวนออกไปว่า"นายไม่เข้าใจงั้นเหรอ?" พร้อมกับดีดเหรียญโหวตของตัวเองใส่โคจิโร่แต่เขาก็รับไว้ได้ ก่อนที่โดจิม่าจะพูดต่อว่า "คำตอบน่ะ อยู่ในจานที่ทาโดโคโระคุงทำขึ้นยังไงล่ะ" แต่เมื่อเห็นโคจิโร่ยังคงสงสัยอยู่อีกโดจิม่าเลยเริ่มพูดออกมาว่า ชิโนมิยะ...อาหารของนายน่ะ...
-"หยุดนิ่งไปแล้วไม่ใช่เหรอไง?" ซึ่งพอโคจิโร่ได้ยินก็นึกถึงอดีต...ในวันจบการศึกษาของนักเรียนโทสึกิรุ่นที่79 ฮินาโกะในวัย17ปี(เป็นรุ่นที่80ยังไม่ได้จบในปีนี้)กำลังคุยกับโดนาโต้ที่เป็นรุ่นเดียวกันอยู่ โดยโดนาโต้บอกว่าเขาเข้าใจว่าฮินาโกะเหงาแต่อย่าร้องไห้ แล้วไปส่งโคจิโร่กันด้วยรอยยิ้มดีกว่า ซึ่งฮินาโกะก็เล่าสาเหตุให้โดนาโต้ฟังว่า เพราะโคจิโร่เรียนจบแล้วจะไปฝรั่งเศสทันทีเลยนิน่า แล้วก็ไม่ได้บอกอะไรกับเธอด้วย
-อีกอย่างที่เธอกังวลก็คือโคจิโร่เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์แย่มาก คงไม่มีทางหาเพื่อนได้แน่ๆ แถมยังมีสิทธิ์ไปทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นๆอีก ซึ่งฟุยุมิก็บอกว่าเธอเห็นด้วยนะ ทำให้โคจิโร่ต้องออกมาตัดมุขว่าไม่มีคำบอกลาคำอื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอไง? ซึ่งฟุยุมิก็ถามโคจิโร่อีกรอบว่านายเอาจริงแน่นะ ซึ่งโคจิโร่ก็บอกว่าเอาจริงสิ เขาจะไปเปิดร้านอาหารของตัวเองที่ปารีสแล้วก็คว้าเหรียญ Purusupooru มาให้ได้โดยเหรียญรางวัล Purusupooru นั้นจะมอบให้เป็นประจำทุกปีกับเชฟที่มีความดีความชอบพัฒนาวงการอาหารฝรั่งเศสในปีนั้นๆมากที่สุด ถ้าเขาสามารถคว้ามันมาได้ล่ะก็ เขาก็จะเป็นคนญี่ปุ่นคนแรกที่สามารถคว้าเหรียญนั้นได้สำเร็จ
-โคจิโร่บอกอีกว่า ถ้าเขาไม่ไปฝึกฝนหรือไปอยู่ที่โน่นล่ะก็เขาก็ไม่มีทางที่จะทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน(หมายถึงการคว้าเหรียญ) ซึ่งโคจิโร่ก็เริ่มนึกต่อไปว่า การที่คนญี่ปุ่นจะไปเปิดร้านอาหารฝรั่งเศสในฝรั่งเศสเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่ายากเสียอีก ซึ่งโคจิโร่อาศัยเงินทั้งหมดที่ได้มาจากงานประกวดต่างๆสมัยยังเรียนอยู่เป็นค่าเดินทางและเป็นทุนสำหรับหาเงินไปเปิดร้านอาหารที่ฝรั่งเศส หลังจากฝึกฝนผ่านไป6ปี ในที่สุดโคจิโร่ก็สามารถเปิดร้านอาหารของตัวเอง SHINO'S ได้สำเร็จ โดยตั้งอยู่ในทำเลทองบริเวณเขตเทศบาลที่8 โคจิโร่ได้รับคำชมจากเหล่าลูกค้ามากมายทั้งเรื่องที่ยังเป็นคนหนุ่มอายุน้อยแต่สามารถสร้างสรรค์อาหารที่สวยงามแบบนี้ออกมาได้ แต่โคจิโร่ไม่รู้ตัวเลยว่าปัญหาได้เริ่มก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จากสายตาของเชฟลูกน้องที่ไม่พอใจที่โคจิโร่ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นแต่ทำอาหารฝรั่งเศสได้ออกมาดีกว่าพวกตนที่เป็นคนฝรั่งเศส
-และแล้วก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อวันหนึ่งโคจิโร่พบว่ารสชาติของซอสมันแปลกไป โคจิโร่เข้ามาถามในครัวทันทีเลยว่าใครเป็นคนเปลี่ยนสูตร แล้วก็พบว่าเชฟฝรั่งเศสที่มีปัญหากับโคจิโร่สองคนนั่นเองที่เป็นคนเปลี่ยนแปลงสูตร โดยพวกเขาบอกว่ารสชาติซอสของโคจิโร่มันมีรสชาติออกไปทางตะวันออกเกินไป และรสชาติแบบที่พวกเขาเปลี่ยนแบบนี้คนปารีสจะคุ้นเคยกว่า ซึ่งโคจิโร่ก็ไม่กล้าค้านหรือเปลี่ยนแปลงอะไรและตัดสินใจยอมรับไปในที่สุด หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้ร้านของโคจิโร่ได้รับเสียงวิจารณ์ไปทางลบเรื่อยๆ ทั้งเรื่องของการบริการแย่ลงหรือรสชาติอาหารที่ห่วยลง นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ให้คะแนนแค่3คะแนนจาก5คะแนน เป็นต้น บรรดาลูกค้าก็เริ่มไม่มาทานร้านของโคจิโร่เพราะมีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับร้าน พอรายได้ลดลงก็ไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าเช่า ทำให้โดนเจ้าของที่ขู่ว่าถ้าค้างซ้ำอีกล่ะก็เขาจะยึดร้านของโคจิโร่ซะ
-โคจิโร่ที่สิ้นหวังก็เริ่มคิดว่าความฝันของเขา(การได้เหรียญ)จะต้องมาจบลงในที่แบบนี้นะเหรอ? เขาไม่มีทางยอมเด็ดขาด หลังจากนั้นโคจิโร่ที่เริ่มเปลี่ยนไปก็ใช้ไม้แข็งทันที เริ่มจากไล่สองคนที่เป็นต้นเหตุให้ออกไปจากร้านของเขา และหลังจากนี้เขาจะไม่เชื่อใจใครนอกจากตัวเองอีก ซึ่งลูกจ้างของโคจิโร่คนหนึ่งก็ถูกเขาว่าเรื่องที่ไม่ทำตามสูตรทั้งหมด แต่ลูกจ้างคนนั้นก็เถียงออกไปว่า..
-ถ้าหากทำตามวิธีของเขาล่ะก็ จะได้อาหารรสชาติแล้วก็คุณภาพเหมือนเดิมแล้วก็รสต้นทุนได้ด้วย แต่โคจิโร่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาตอกกลับไปว่าที่นี้เขาเป็นเชฟถ้ามีปัญหาล่ะก็ขอให้ออกไปจากร้านนี้ซะ ทำให้เชฟลูกน้องได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด ซึ่งผลตอบรับก็เป็นไปได้ด้วยดี
ร้านโคจิโร่กลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งยังได้รับคำชมเรื่องการใช้ผักที่เยอะขึ้นแต่ไม่ทำให้สาระสำคัญของอาหารฝรั่งเศสเปลี่ยนไป ตอนนี้โคจิโร่รู้แล้วว่าการมองว่าทุกๆคนเป็นศัตรูคือแนวคิดที่ถูก ไม่ต้องเชื่อใจใครใดอีกนอกจากตัวเองเท่านั้น
-สุดท้ายแล้วในที่สุดโคจิโร่ก็ได้รับขนานนามจากคนฝรั่งเศสว่าพ่อมดผัก และได้รับเหรียญรางวัล Purusupooru ที่เขาต้องการในที่สุด
-กลับมาที่ปัจจุบัน โดจิม่าก็ตอกโคจิโร่ไปว่า หลังจากที่นายได้รับเหรียญแล้ว นายก็ไม่รู้สินะว่าอะไรเป็นเป้าหมายต่อไป...หลังจากที่นายทำเป้าหมายของนายได้สำเร็จแล้ว นายก็ไม่มีความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งอื่นๆอีก นายหยุดตัวเองไว้ที่จุดสูงสุดแล้วก็ไม่ได้ก้าวหน้าไปเลยสักก้าว สำหรับพ่อครัวแล้ว สิ่งที่แย่ที่สุดคือการถอยหลังลงและการหยุดอยู่กับที่เดิม ที่นายไม่ได้ทำอาหารจานพิเศษออกมาในวันนี้เพราะนายไม่อยากให้พวกเรารู้ว่าฝีมือการทำอาหารของนายหยุดนิ่งไปแล้วสินะ ได้ยินแบบนั้นโคจิโร่ก็ตะโกนบอกให้โดจิม่าหุบปากทันที
-โคจิโร่ตอบออกไปว่าพวกลูกจ้างของโทสึกิอย่างพวกนายจะมาเข้าใจอะไรฉันได้ ซึ่งโดจิม่าก็ยื่นจานของเมงุมิให้กับเขาแล้วบอกให้ลองทานดูสิ ซึ่งโคจิโร่เอ่ยว่าทำไมเขาต้องกินด้วย
-แต่ลงท้ายแล้วในที่สุดโคจิโร่ก็ยอมกิน...เมื่อทานเข้าไปแล้วเขาเริ่มพูดเลยว่า การใช้ความร้อนยังไม่ได้เรื่อง การตกแต่งก็ยังไม่สวย ชั้นในแต่ละชั้นสัมผัสก็ยังไม่ได้เข้ากันดี(ปาเตไม่ละเอียด) คุณโดจิม่าคุณให้คะแนนจานนี้สงสัยว่าลิ้นคุณจะ.... แต่แล้วโคจิโร่ก็หยุดพูดไปซะดื้อๆ
-โคจิโร่คิดขึ้นมาทันทีว่า ทำไมกัน...ทำไมจานที่ครึ่งๆกลางๆของมือสมัครเล่นแบบนี้ถึงจับใจของเขาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอ(เมงุมิ)ทำลงไปและใส่ลงไปในจานนี้เหมือนจะช่วยเยียวยาหัวใจของคนทานได้ อีกอย่าง โคจิโร่รู้จักรสชาติแบบนี้...
-รสชาติแบบนี้มันเหมือนกับ...แล้วก็ย้อนอดีตไปในสมัยที่โคจิโร่ยังเป็นเด็ก โคจิโร่ที่สภาพตัวมอมแมมหน้ามีรอยแผลเพราะไปทะเลาะกับคนอื่นๆมาก็ถูกแม่ของเขาดุใส่ แม่ของโคจิโร่บอกว่าไปมีเรื่องเพราะปากเสียอีกแล้วสินะ ซึ่งโคจิโร่ก็บอกว่าแม่ไม่ต้องมาสนใจเขาหรอก เขาไม่อยากให้ใครมาเข้าใจเขา แต่แม่โคจิโร่ก็เดินไปคว้ามือของโคจิโร่ขึ้นมาดูก่อนจะเอ่ยว่า
-การใช้คำพูดแรงๆแล้วก็แสดงกริยาแบบนั้นจะทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายๆนะ แต่แม่รู้ว่าจริงๆแล้วเรามีเจตนาดี ได้ยินแบบนั้นโคจิโร่ก็เลยร้องไห้ออกมา ก่อนที่แม่ของโคจิโร่จะจูงมือเขาไปแล้วบอกว่ารีบกลับบ้านก่อนจะมืดดีกว่า วันนี้แม่ทำอาหารจานโปรดของลูกเอาไว้ให้แล้วด้วย ระหว่างทางกลับแม่โคจิโร่ก็ชี้ให้เห็นสิ่งหนึ่งบนฟ้า... "สายรุ้ง" ซึ่งโคจิโร่เองก็รู้แล้วว่ารสชาติของอาหารเมงุมินี้คืออะไร...
-มันคือ"ความรักของแม่"นั้นเอง (หรือรสมือแม่นั้นแหละ) ซึ่งบรรดาภูติน้อยเมงุมิทั้งหลายต่างก็อวยพรให้กับโคจิโร่พร้อมกับพูดว่าแบบนี้นิแหละที่มีความสุข รสชาติอาหารของเมงุมิได้ทะลุเข้าไปละลายน้ำแข็งในใจของโคจิโร่ทำให้โคจิโร่ถึงกับร้องไห้ออกมา...
จบตอน
สารภาพตามตรงว่า...เปิดมาอย่างเกรียนแต่จบแบบซึ้งๆนี้...มันเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการ์ตูนสายหลัก+แนวจัมป์จริงๆแฮะ สำหรับตอนหน้า เมื่อสายรุ้งเข้าไปในใจของโคจิโร่ได้สำเร็จ เชฟแว่นจะเปลี่ยนผลการตัดสินของตัวเองไหม? แล้วชะตากรรมของพวกโซมะจะเป็นยังไงต่อ?
เช่นเคยครับ ผิดตรงไหนท้วงติงได้เลยเน่อ
<Spoil> ยอดนักปรุงโซมะ (Shokugeki no Souma) 26 -จานแห่งความทรงจำ-
-หน้าเปิดสี เป็นโคจิโร่ (เซอร์ไพรซ์เหมือนกันนะเนี่ย)
-เปิดตอนมา โคจิโร่บอกกับพวกโซมะว่าไม่ต้องเสียใจไปหรอก เพราะนี้เป็นผลการแข่งที่ควรจะเป็นอยู่แล้วล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเขาต้องขอตัวก่อนเพราะพรุ่งนี้เขาต้องรีบตื่นแต่เช้า แล้วบอกว่าพวกโซมะกับเมงุมิทำได้ดีแล้วล่ะ
-แต่เมงุมิก็คิดว่านี้มันไม่ดีสักหน่อย ซึ่งโซมะก็ถอดผ้าพันหัวหันมายิ้มแล้วเอ่ยขอโทษกับเมงุมิ พร้อมกับบอกว่าเขาขอโทษด้วยที่ช่วยเมงุมิได้แค่นี้ แต่เขาอยากให้เมงุมิภูมิใจเพราะเธอทำจานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเธอออกมาได้ไม่แพ้โคจิโร่เลย ซึ่งเมงุมิก็ร้องไห้แล้วบอกว่า มันไม่ใช่ความผิดของโซมะคุงสักหน่อย ทั้งหมดเป็นเพราะเธอต่างหาก เพราะเธอโซมะคุงถึงต้องพลอยซวยไปแบบนี้ด้วย เธอขอโทษจริงๆ ซึ่งโดจิม่าก็เสริมออกมาว่า ความแตกต่างของฝีมือของเมงุมิกับโคจิโร่ที่ปรากฎบนอาหารทั้งสองจานเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้วัดได้อย่างดีถึงสาเหตุที่โคจิโร่ชนะแบบขาดลอย ซึ่งเมงุมิพอได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยขอโทษออกมาอีกรอบ
-แต่แล้วในตอนนั้นโดจิม่าก็ทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดขึ้น เขาเดินไปที่จานของเมงุมิแล้ววางเหรียญของตัวเองลงไป ซึ่งโคจิโร่ก็ถามว่า การตัดสินมันจบลงไปแล้วนี้คุณคิดจะทำอะไรอีก ซึ่งโดจิม่าก็หันมาบอกว่า มันยังไม่จบหรอกที่เขาโหวตไปเพราะเขายอมรับคุณค่าของอาหารจานนี้ก็เท่านั้นเอง(หมายถึงอาหารของเมงุมิ)
-ศิษย์เก่าคนอื่นๆก็สงสัยว่าโดจิม่าจะทำอะไร โคจิโร่ถามโดจิม่าออกไปว่าคุณไม่ได้เป็นกรรมการตัดสินซะหน่อย อีกอย่างที่ว่ายอมรับคุณค่าของอาหารจานนี้เขาไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง โดจิม่าเลยถามสวนออกไปว่า"นายไม่เข้าใจงั้นเหรอ?" พร้อมกับดีดเหรียญโหวตของตัวเองใส่โคจิโร่แต่เขาก็รับไว้ได้ ก่อนที่โดจิม่าจะพูดต่อว่า "คำตอบน่ะ อยู่ในจานที่ทาโดโคโระคุงทำขึ้นยังไงล่ะ" แต่เมื่อเห็นโคจิโร่ยังคงสงสัยอยู่อีกโดจิม่าเลยเริ่มพูดออกมาว่า ชิโนมิยะ...อาหารของนายน่ะ...
-"หยุดนิ่งไปแล้วไม่ใช่เหรอไง?" ซึ่งพอโคจิโร่ได้ยินก็นึกถึงอดีต...ในวันจบการศึกษาของนักเรียนโทสึกิรุ่นที่79 ฮินาโกะในวัย17ปี(เป็นรุ่นที่80ยังไม่ได้จบในปีนี้)กำลังคุยกับโดนาโต้ที่เป็นรุ่นเดียวกันอยู่ โดยโดนาโต้บอกว่าเขาเข้าใจว่าฮินาโกะเหงาแต่อย่าร้องไห้ แล้วไปส่งโคจิโร่กันด้วยรอยยิ้มดีกว่า ซึ่งฮินาโกะก็เล่าสาเหตุให้โดนาโต้ฟังว่า เพราะโคจิโร่เรียนจบแล้วจะไปฝรั่งเศสทันทีเลยนิน่า แล้วก็ไม่ได้บอกอะไรกับเธอด้วย
-อีกอย่างที่เธอกังวลก็คือโคจิโร่เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์แย่มาก คงไม่มีทางหาเพื่อนได้แน่ๆ แถมยังมีสิทธิ์ไปทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นๆอีก ซึ่งฟุยุมิก็บอกว่าเธอเห็นด้วยนะ ทำให้โคจิโร่ต้องออกมาตัดมุขว่าไม่มีคำบอกลาคำอื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอไง? ซึ่งฟุยุมิก็ถามโคจิโร่อีกรอบว่านายเอาจริงแน่นะ ซึ่งโคจิโร่ก็บอกว่าเอาจริงสิ เขาจะไปเปิดร้านอาหารของตัวเองที่ปารีสแล้วก็คว้าเหรียญ Purusupooru มาให้ได้โดยเหรียญรางวัล Purusupooru นั้นจะมอบให้เป็นประจำทุกปีกับเชฟที่มีความดีความชอบพัฒนาวงการอาหารฝรั่งเศสในปีนั้นๆมากที่สุด ถ้าเขาสามารถคว้ามันมาได้ล่ะก็ เขาก็จะเป็นคนญี่ปุ่นคนแรกที่สามารถคว้าเหรียญนั้นได้สำเร็จ
-โคจิโร่บอกอีกว่า ถ้าเขาไม่ไปฝึกฝนหรือไปอยู่ที่โน่นล่ะก็เขาก็ไม่มีทางที่จะทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน(หมายถึงการคว้าเหรียญ) ซึ่งโคจิโร่ก็เริ่มนึกต่อไปว่า การที่คนญี่ปุ่นจะไปเปิดร้านอาหารฝรั่งเศสในฝรั่งเศสเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่ายากเสียอีก ซึ่งโคจิโร่อาศัยเงินทั้งหมดที่ได้มาจากงานประกวดต่างๆสมัยยังเรียนอยู่เป็นค่าเดินทางและเป็นทุนสำหรับหาเงินไปเปิดร้านอาหารที่ฝรั่งเศส หลังจากฝึกฝนผ่านไป6ปี ในที่สุดโคจิโร่ก็สามารถเปิดร้านอาหารของตัวเอง SHINO'S ได้สำเร็จ โดยตั้งอยู่ในทำเลทองบริเวณเขตเทศบาลที่8 โคจิโร่ได้รับคำชมจากเหล่าลูกค้ามากมายทั้งเรื่องที่ยังเป็นคนหนุ่มอายุน้อยแต่สามารถสร้างสรรค์อาหารที่สวยงามแบบนี้ออกมาได้ แต่โคจิโร่ไม่รู้ตัวเลยว่าปัญหาได้เริ่มก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จากสายตาของเชฟลูกน้องที่ไม่พอใจที่โคจิโร่ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นแต่ทำอาหารฝรั่งเศสได้ออกมาดีกว่าพวกตนที่เป็นคนฝรั่งเศส
-และแล้วก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อวันหนึ่งโคจิโร่พบว่ารสชาติของซอสมันแปลกไป โคจิโร่เข้ามาถามในครัวทันทีเลยว่าใครเป็นคนเปลี่ยนสูตร แล้วก็พบว่าเชฟฝรั่งเศสที่มีปัญหากับโคจิโร่สองคนนั่นเองที่เป็นคนเปลี่ยนแปลงสูตร โดยพวกเขาบอกว่ารสชาติซอสของโคจิโร่มันมีรสชาติออกไปทางตะวันออกเกินไป และรสชาติแบบที่พวกเขาเปลี่ยนแบบนี้คนปารีสจะคุ้นเคยกว่า ซึ่งโคจิโร่ก็ไม่กล้าค้านหรือเปลี่ยนแปลงอะไรและตัดสินใจยอมรับไปในที่สุด หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้ร้านของโคจิโร่ได้รับเสียงวิจารณ์ไปทางลบเรื่อยๆ ทั้งเรื่องของการบริการแย่ลงหรือรสชาติอาหารที่ห่วยลง นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ให้คะแนนแค่3คะแนนจาก5คะแนน เป็นต้น บรรดาลูกค้าก็เริ่มไม่มาทานร้านของโคจิโร่เพราะมีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับร้าน พอรายได้ลดลงก็ไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าเช่า ทำให้โดนเจ้าของที่ขู่ว่าถ้าค้างซ้ำอีกล่ะก็เขาจะยึดร้านของโคจิโร่ซะ
-โคจิโร่ที่สิ้นหวังก็เริ่มคิดว่าความฝันของเขา(การได้เหรียญ)จะต้องมาจบลงในที่แบบนี้นะเหรอ? เขาไม่มีทางยอมเด็ดขาด หลังจากนั้นโคจิโร่ที่เริ่มเปลี่ยนไปก็ใช้ไม้แข็งทันที เริ่มจากไล่สองคนที่เป็นต้นเหตุให้ออกไปจากร้านของเขา และหลังจากนี้เขาจะไม่เชื่อใจใครนอกจากตัวเองอีก ซึ่งลูกจ้างของโคจิโร่คนหนึ่งก็ถูกเขาว่าเรื่องที่ไม่ทำตามสูตรทั้งหมด แต่ลูกจ้างคนนั้นก็เถียงออกไปว่า..
-ถ้าหากทำตามวิธีของเขาล่ะก็ จะได้อาหารรสชาติแล้วก็คุณภาพเหมือนเดิมแล้วก็รสต้นทุนได้ด้วย แต่โคจิโร่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาตอกกลับไปว่าที่นี้เขาเป็นเชฟถ้ามีปัญหาล่ะก็ขอให้ออกไปจากร้านนี้ซะ ทำให้เชฟลูกน้องได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด ซึ่งผลตอบรับก็เป็นไปได้ด้วยดี
ร้านโคจิโร่กลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งยังได้รับคำชมเรื่องการใช้ผักที่เยอะขึ้นแต่ไม่ทำให้สาระสำคัญของอาหารฝรั่งเศสเปลี่ยนไป ตอนนี้โคจิโร่รู้แล้วว่าการมองว่าทุกๆคนเป็นศัตรูคือแนวคิดที่ถูก ไม่ต้องเชื่อใจใครใดอีกนอกจากตัวเองเท่านั้น
-สุดท้ายแล้วในที่สุดโคจิโร่ก็ได้รับขนานนามจากคนฝรั่งเศสว่าพ่อมดผัก และได้รับเหรียญรางวัล Purusupooru ที่เขาต้องการในที่สุด
-กลับมาที่ปัจจุบัน โดจิม่าก็ตอกโคจิโร่ไปว่า หลังจากที่นายได้รับเหรียญแล้ว นายก็ไม่รู้สินะว่าอะไรเป็นเป้าหมายต่อไป...หลังจากที่นายทำเป้าหมายของนายได้สำเร็จแล้ว นายก็ไม่มีความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งอื่นๆอีก นายหยุดตัวเองไว้ที่จุดสูงสุดแล้วก็ไม่ได้ก้าวหน้าไปเลยสักก้าว สำหรับพ่อครัวแล้ว สิ่งที่แย่ที่สุดคือการถอยหลังลงและการหยุดอยู่กับที่เดิม ที่นายไม่ได้ทำอาหารจานพิเศษออกมาในวันนี้เพราะนายไม่อยากให้พวกเรารู้ว่าฝีมือการทำอาหารของนายหยุดนิ่งไปแล้วสินะ ได้ยินแบบนั้นโคจิโร่ก็ตะโกนบอกให้โดจิม่าหุบปากทันที
-โคจิโร่ตอบออกไปว่าพวกลูกจ้างของโทสึกิอย่างพวกนายจะมาเข้าใจอะไรฉันได้ ซึ่งโดจิม่าก็ยื่นจานของเมงุมิให้กับเขาแล้วบอกให้ลองทานดูสิ ซึ่งโคจิโร่เอ่ยว่าทำไมเขาต้องกินด้วย
-แต่ลงท้ายแล้วในที่สุดโคจิโร่ก็ยอมกิน...เมื่อทานเข้าไปแล้วเขาเริ่มพูดเลยว่า การใช้ความร้อนยังไม่ได้เรื่อง การตกแต่งก็ยังไม่สวย ชั้นในแต่ละชั้นสัมผัสก็ยังไม่ได้เข้ากันดี(ปาเตไม่ละเอียด) คุณโดจิม่าคุณให้คะแนนจานนี้สงสัยว่าลิ้นคุณจะ.... แต่แล้วโคจิโร่ก็หยุดพูดไปซะดื้อๆ
-โคจิโร่คิดขึ้นมาทันทีว่า ทำไมกัน...ทำไมจานที่ครึ่งๆกลางๆของมือสมัครเล่นแบบนี้ถึงจับใจของเขาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอ(เมงุมิ)ทำลงไปและใส่ลงไปในจานนี้เหมือนจะช่วยเยียวยาหัวใจของคนทานได้ อีกอย่าง โคจิโร่รู้จักรสชาติแบบนี้...
-รสชาติแบบนี้มันเหมือนกับ...แล้วก็ย้อนอดีตไปในสมัยที่โคจิโร่ยังเป็นเด็ก โคจิโร่ที่สภาพตัวมอมแมมหน้ามีรอยแผลเพราะไปทะเลาะกับคนอื่นๆมาก็ถูกแม่ของเขาดุใส่ แม่ของโคจิโร่บอกว่าไปมีเรื่องเพราะปากเสียอีกแล้วสินะ ซึ่งโคจิโร่ก็บอกว่าแม่ไม่ต้องมาสนใจเขาหรอก เขาไม่อยากให้ใครมาเข้าใจเขา แต่แม่โคจิโร่ก็เดินไปคว้ามือของโคจิโร่ขึ้นมาดูก่อนจะเอ่ยว่า
-การใช้คำพูดแรงๆแล้วก็แสดงกริยาแบบนั้นจะทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายๆนะ แต่แม่รู้ว่าจริงๆแล้วเรามีเจตนาดี ได้ยินแบบนั้นโคจิโร่ก็เลยร้องไห้ออกมา ก่อนที่แม่ของโคจิโร่จะจูงมือเขาไปแล้วบอกว่ารีบกลับบ้านก่อนจะมืดดีกว่า วันนี้แม่ทำอาหารจานโปรดของลูกเอาไว้ให้แล้วด้วย ระหว่างทางกลับแม่โคจิโร่ก็ชี้ให้เห็นสิ่งหนึ่งบนฟ้า... "สายรุ้ง" ซึ่งโคจิโร่เองก็รู้แล้วว่ารสชาติของอาหารเมงุมินี้คืออะไร...
-มันคือ"ความรักของแม่"นั้นเอง (หรือรสมือแม่นั้นแหละ) ซึ่งบรรดาภูติน้อยเมงุมิทั้งหลายต่างก็อวยพรให้กับโคจิโร่พร้อมกับพูดว่าแบบนี้นิแหละที่มีความสุข รสชาติอาหารของเมงุมิได้ทะลุเข้าไปละลายน้ำแข็งในใจของโคจิโร่ทำให้โคจิโร่ถึงกับร้องไห้ออกมา...
จบตอน
สารภาพตามตรงว่า...เปิดมาอย่างเกรียนแต่จบแบบซึ้งๆนี้...มันเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการ์ตูนสายหลัก+แนวจัมป์จริงๆแฮะ สำหรับตอนหน้า เมื่อสายรุ้งเข้าไปในใจของโคจิโร่ได้สำเร็จ เชฟแว่นจะเปลี่ยนผลการตัดสินของตัวเองไหม? แล้วชะตากรรมของพวกโซมะจะเป็นยังไงต่อ?
เช่นเคยครับ ผิดตรงไหนท้วงติงได้เลยเน่อ