จงอย่าปิดกั้น "โอกาส" ของชีวิต ข้อคิดสำหรับคนที่อยากออกจากกรอบ

เคยบ้างไหม ที่สมัยเรายังเด็กๆ พ่อแม่พร่ำสอนเราว่า
"ขยัน อดทน ประหยัด มานะ อดออม แล้วจะร่ำรวย"

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ในสังคมปัจจุบัน ถ้าทำอย่างนั้น แล้วมันจะรวยจริงหรือ???
มีตัวอย่างอยู่มากมาย ดาษเดื่อ อยู่ในสังคม ที่คนที่ทำงานหนัก เก็บออม มุ่งมั่น มานะ พยายาม แล้วกลับ "ไม่รวย"

เยอะแยะ ถมถืด ไปนะครับ ไม่ต้องที่ไหนไกล รอบๆตัวข้าพเจ้าก็เยอะแยะไป

ดังนั้น นี่คือคำถามของเด็ก Gen Z ที่มีต่อผู้ใหญ่ Gen Y / Gen X / Baby Boomer หรือถ้าขุดมาถามจากใต้รากมะม่วงได้ก็คงถามรุ่น ก่อน Baby Boomer อีกรุ่นนึงนะ

ถามว่า "ทำยังไงถึงจะประสบความสำเร็จ หรือ รวย"

แต่เมื่อย้อนมาดู อัตชีวประวัติ ของบุคคลที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายแล้ว สิ่งหนึ่งที่คนเหล่านั้นล้วนมีเหมือนกันคือ

"โอกาส"

คนเรานั้น จริงๆแล้ว ไม่ได้ต้องการอะไรมาก นอกจาก "โอกาส"

เชื่อไหมคนบางคน มองเห็นโอกาสเสมอ แม้ว่าในวิกฤติ (อาทิคุณตัน/ เถ้าแก่น้อย)
คนบางคน เห็นโอกาสก็ต่อเมื่อผู้อื่นหยิบยื่นมาให้
คนบางคน ทั้งชีวิต มีโอกาสผ่านมาเยอะแยะ เห็นแล้วแต่กลับไม่คว้าไว้
คนบางคน ทั้งชีวิต หมดหน้าตัก แทบไม่มี โอกาส สวยๆผ่านเข้ามาในชีวิตเลย
และคนบางคน โอกาสผ่านเข้ามาทั้งชีวิต แต่กลับเลือกที่จะมองไม่เห็น ซะอย่างนั้น

เด็กรุ่นผม ถูกสอนมาว่า "การเอ็นทรานส์ติด นั่นคือโอกาสของชีวิต"
ใครบอก?
"สังคมบอก"

เด็กรุ่นใหม่ ถูกสอนมาว่า จะทำอะไรก็ตาม ให้มันเก่งทางใดทางหนึ่งไปเลย นั่นแหละคือโอกาสของชีวิต
ดังนั้นเด็กรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่ อยากทำอะไรตามใจกู (อยากเป็นดารานักร้องมากที่สุด)
ถามว่า ใครบอก?
"สังคมบอก"

น่าแปลกไหมครับ สังคมจะกำหนดให้ ชีวิตของคนหมู่มากของประชากรทั้งประเทศเป็นไป แต่ทั้งๆที่ประชากรมากกว่า 95% ในสังคมของประเทศไทยกลับมีชีวิตที่คล้ายๆกัน และเหมิอนกัน
แล้วที่สำคัญ คือ "มันยิ้มไม่รวยเหมือนๆกันนี่น่ะสิ"

ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากบอกคือ บางครั้ง ทัศนะคติของเรา ที่ถูกปลูกฝังมาทั้งชีวิต กลับกลายเป็นอุปสรรค ในการที่เราจะเห็นโอกาสต่างๆในชีวิต บางครั้ง มีโอกาสดีๆผ่านเข้ามาในชีวิต แต่เรากลับถูก "กรอบ"ของสังคม ตีไว้ไม่ให้เราได้เจอกับโอกาสงามๆ

ผมเพิ่งได้คุยกับรุ่นพี่คนนึง ทำงาน 18ปี กับบริษัทๆนึง จนสุดท้าย ทุกวันนี้ บริษัทจ้างพนักงานต่อไม่ไหว กำลังจะเลิกจ้างพนักงาน ผมเองก็ไม่ได้ถามนะว่า 18 ปีที่ผ่านมา พี่คนนั้น ทิ้งโอกาสดีๆในหน้าที่การงานไปมากน้อยแค่ไหน

รุ่นพี่อีกคน ติดหล่มอยู่กับงานในบริษัทชั้นนำ แต่โอกาสก้าวขึ้นไปเป็นระดับ Manager = 0% โอกาสเดียวที่พี่เค้าจะได้ขึ้นไปเป็น Manager คือ พรุ่งนี้ Manager คนปัจจุบัน ตายกระทันหัน นั่นคือถึงจะได้ขยับไปเป็น Manager

ผมเคยชวนญาติพี่น้อง ผองเพื่อน มาลงทุนในหุ้น ในวันที่มันอยู่ที่ 800 จุด แค่ผมบอกว่าหุ้น เสียงด่าก็ตามมา "ขรม" เลย แต่พอวันนี้ หุ้นทะยานมาที่ 1600 จุด คนเหล่านั้นกลับมาถามผมว่า จะเข้าไปลงทุนทันไหม?

และเช่นกัน เพื่อนผมหลายคน ที่ไม่ได้ Ent ติด แต่กลับมีร้านอาหารที่ขึ้นชื่อระดับประเทศ บางคนEnt ไม่ติด แต่ไปเรียนการช่างพลเรื่อน เปรียบเป็นระดับ อาชีวะ แต่ปัจจุบัน เค้าเป็นนายช่างใหญ่ ของการบินไทย ที่รักคุณเท่าฟ้า นี่แหละครับ
มีอีกหลายชีวิต ที่ผมมองว่า เค้าเลือกโอกาสให้กับตัวเอง โดยไม่ต้องแคร์สังคม

ฯลฯ................. และ ฯลฯ มากมายก่ายกองของตัวอย่าง

ดังนั้น สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคือ

อะไรก็ตาม ที่มันคือ "โอกาส" ของชีวิตที่เข้ามา จงอย่าดูถูก หรือเพิกเฉย
จงลองรับฟัง ลบทัศนะคติเก่าๆออกไปซะ ลองเปิดใจ เปิดโลกมองมุมใหม่ๆ แล้วบางครั้ง เราอาจจะเห็นอะไรใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆในชีวิตก็ได้ครับ

"คนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร นั่นไม่เป็นอะไรมากครับ ยังเป็นคนที่เจริญก้าวหน้าได้
แต่ที่คนที่ ไม่รู้ว่าตัวเอง ไม่รู้อะไร คนคนนั้นต่างหาก ที่มีชีวิตที่น่าสงสาร"

ฝันดีครับ

Credit : Facebook คุณ Takiyaki Fatman Slim

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่