ลูกสาวของ "ไมเคิ่ล แจ็คสัน" ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หลังพยายามฆ่าตัวตายด้วยการใช้มีดกรีดข้อมือตัวเองเมื่อช่วงเช้าของวันพุธที่ผ่านมา
สื่อจากต่างประเทศเปิดเผยว่า ปารีส แจ็คสัน ลูกสาวของราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับ ไมเคิ่ล แจ็คสัน ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในลอสแอนเจลิสอย่างเร่งด่วนเมื่อช่วงเช้าของวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น จากบ้านที่เธออาศัยอยู่กับย่า และ พี่น้อง หลังพยายามฆ่าตัวตายด้วยการใช้มีดทำครัวกรีดข้อมือตัวเอง โดยมารดาของเธอเป็นผู้ยืนยันข่าวกับทาง Entertainment Tonight
ซึ่งทนายความของ แคทเธอรีน แจ็คสัน ผู้เป็นย่าได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปารีส เคยเสียใจกับเรื่องการจากไปของพ่อมาก แต่ครอบครัวก็ไม่ทราบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับความเศร้าโศกดังกล่าวหรือไม่ ส่วนทนายความของ เด็บบี้ โรว์ แม่แท้ ๆ ของปารีสก็ร้องขอความเป็นส่วนตัวสำหรับเด็กสาววัย 15 ปี ที่ค่อนข้างมีอารมณ์อ่อนไหว โดยเฉพาะเมื่อสูญเสียคนที่รักมากที่สุดในชีวิตไป
นิตยสาร PEOPLE เปิดเผยว่ามีการโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลในเวลาเช้ามืดประมาณตี 1.27 ด้วยเหตุมีผู้มีอาการเสพยาเกินขนาด รวมถึงยังมีการอ้างข้อมูลจาก เด็บบี้ โรว์ แม่ของ ปารีส ซึ่งยอมรับว่าลูกสาวต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพราะใช้มีดทำครัวกรีดข้อมือ หลังกินยาบรรเทาอาการปวดที่ชื่อว่า "ไอบูโปรเฟน" เข้าไปประมาณ 20 เม็ด อย่างไรก็ตามตอนนี้มีคำยืนยันได้ว่าเธอปลอดภัยแล้ว
โดยในช่วงเช้าของวันพุธ ปารีส ยังเพิ่งทวีตข้อความผ่าน Twitter ที่มีคนตามเกิน 1 ล้านของเธอด้วยเนื้อท่อนหนึ่งของเพลง Yesterday ที่เหมือนเป็นการกล่าวอย่างอ้อม ๆ ถึงปัญหาบางในชีวิตว่า "เมื่อวันวาน ปัญหาต่างๆนานาของฉันมันดูห่างหายไป แล้วทำไมวันนี้ดูราวกับว่ามันก็ยังอยู่ที่เดิม"
หลังจากที่ ไมเคิ่ล แจ็คสัน เสียชีวิตอย่างน่าเศร้าเมื่อ 4 ปีก่อน ชีวิตของ ปารีส แจ็คสัน และพี่น้องยังถูกจับตามองจากสื่ออย่างใกล้ชิดมาตลอด เช่นเดียวกับที่ปัญหาคาราคาซังซึ่งเกี่ยวข้องกับการตายของ ไมเคิ่ล ก็ยังไม่ยุติลงเสียที ทั้งเรื่องคดีความต่าง ๆ ที่ยังอยู่ในศาล, ประเด็นว่าด้วยทรัพย์สิน และผลประโยชน์มากมายมหาศาลที่ผู้เป็นพ่อทิ้งเอาไว้ นอกจากนั้นยังมีประเด็นความขัดแย้งในหมู่ญาติเกี่ยวกับสิทธิ์การเลี้ยงดูเด็กๆทั้งสามคน
นอกจากนั้นหลายเดือนที่ผ่านมา ปารีส ยังมีโอกาสได้กลับมาติดต่อและใกล้ชิดกับ เด็บบี้ โรว์ มารดาผู้ให้กำเนิดของเธอเองอีกครั้งหลังจากห่างกันไปนานด้วย
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000067934
ลูกสาวของ "ไมเคิ่ล แจ็คสัน" ใช้มีดกรีดข้อมือพยายามฆ่าตัวตาย หลังกินยาแก้ปวดไปเกินขนาด
สื่อจากต่างประเทศเปิดเผยว่า ปารีส แจ็คสัน ลูกสาวของราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับ ไมเคิ่ล แจ็คสัน ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในลอสแอนเจลิสอย่างเร่งด่วนเมื่อช่วงเช้าของวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น จากบ้านที่เธออาศัยอยู่กับย่า และ พี่น้อง หลังพยายามฆ่าตัวตายด้วยการใช้มีดทำครัวกรีดข้อมือตัวเอง โดยมารดาของเธอเป็นผู้ยืนยันข่าวกับทาง Entertainment Tonight
ซึ่งทนายความของ แคทเธอรีน แจ็คสัน ผู้เป็นย่าได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปารีส เคยเสียใจกับเรื่องการจากไปของพ่อมาก แต่ครอบครัวก็ไม่ทราบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับความเศร้าโศกดังกล่าวหรือไม่ ส่วนทนายความของ เด็บบี้ โรว์ แม่แท้ ๆ ของปารีสก็ร้องขอความเป็นส่วนตัวสำหรับเด็กสาววัย 15 ปี ที่ค่อนข้างมีอารมณ์อ่อนไหว โดยเฉพาะเมื่อสูญเสียคนที่รักมากที่สุดในชีวิตไป
นิตยสาร PEOPLE เปิดเผยว่ามีการโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลในเวลาเช้ามืดประมาณตี 1.27 ด้วยเหตุมีผู้มีอาการเสพยาเกินขนาด รวมถึงยังมีการอ้างข้อมูลจาก เด็บบี้ โรว์ แม่ของ ปารีส ซึ่งยอมรับว่าลูกสาวต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพราะใช้มีดทำครัวกรีดข้อมือ หลังกินยาบรรเทาอาการปวดที่ชื่อว่า "ไอบูโปรเฟน" เข้าไปประมาณ 20 เม็ด อย่างไรก็ตามตอนนี้มีคำยืนยันได้ว่าเธอปลอดภัยแล้ว
โดยในช่วงเช้าของวันพุธ ปารีส ยังเพิ่งทวีตข้อความผ่าน Twitter ที่มีคนตามเกิน 1 ล้านของเธอด้วยเนื้อท่อนหนึ่งของเพลง Yesterday ที่เหมือนเป็นการกล่าวอย่างอ้อม ๆ ถึงปัญหาบางในชีวิตว่า "เมื่อวันวาน ปัญหาต่างๆนานาของฉันมันดูห่างหายไป แล้วทำไมวันนี้ดูราวกับว่ามันก็ยังอยู่ที่เดิม"
หลังจากที่ ไมเคิ่ล แจ็คสัน เสียชีวิตอย่างน่าเศร้าเมื่อ 4 ปีก่อน ชีวิตของ ปารีส แจ็คสัน และพี่น้องยังถูกจับตามองจากสื่ออย่างใกล้ชิดมาตลอด เช่นเดียวกับที่ปัญหาคาราคาซังซึ่งเกี่ยวข้องกับการตายของ ไมเคิ่ล ก็ยังไม่ยุติลงเสียที ทั้งเรื่องคดีความต่าง ๆ ที่ยังอยู่ในศาล, ประเด็นว่าด้วยทรัพย์สิน และผลประโยชน์มากมายมหาศาลที่ผู้เป็นพ่อทิ้งเอาไว้ นอกจากนั้นยังมีประเด็นความขัดแย้งในหมู่ญาติเกี่ยวกับสิทธิ์การเลี้ยงดูเด็กๆทั้งสามคน
นอกจากนั้นหลายเดือนที่ผ่านมา ปารีส ยังมีโอกาสได้กลับมาติดต่อและใกล้ชิดกับ เด็บบี้ โรว์ มารดาผู้ให้กำเนิดของเธอเองอีกครั้งหลังจากห่างกันไปนานด้วย
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000067934