หนังรถซิ่งวิ่งช้า มายากลมาแล้ว แผ่วหวิวๆ วิลล์ สมิธ หนังทำเงินอเมริกาสัปดาห์นี้

US BOX OFFICE May 31-June 2, 2013

(ข้อมูลจาก www.boxofficemojo.com)

หลังทำรายได้ถล่มทะลายในช่วงสุดสัปดาห์ทหารผ่านศึก รายได้รวมในสุดสัปดาห์นี้ก็ถึงคราวรูดมหาราชกันบ้าง เมื่อหนังหลักๆ ทั้งหลายทำเงินหล่นไปเกินกว่า 50% ทั้งนั้น ที่สำคัญหนังที่ว่าเต็งๆ อย่าง After Earth ก็เปิดตัวได้ในระดับเดียวกับหนังไซ-ไฟคว่ำสนิทอย่าง John Carter และ Battleship แต่ที่เป็นเซอร์ไพรส์ก็คือ หนังมายากลปล้นแหลกอย่าง Now You See Me กลับเปิดตัวได้เหนือความคาดหมาย

หนัง Fast & Furious 6 ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับหนังภาคก่อนๆ ในชุด เมื่อหมดแรงเหยียบคันเร่งในสัปดาห์ที่สองของการฉาย หนังทำรายได้ร่วมไปถึง 64% เก็บตังค์มาได้ 35.2 ล้านเหรียญ แต่ก็มากพอจะอยู่บนหัวตารางต่อ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า หนังไม่สามารถพาหนังชุดนี้ไปอยู่ในอีกระดับของการเป็นหนังทำเงิน ถึงตอนนี้หนังทำรายได้รวมไปแล้ว 171 ล้านเหรียญ

ในอันดับ 2 เป็นของหนังเข้าใหม่ แก๊งมายากลปล้นสะบัด Now You See Me ซึ่งเปิดตัวได้ดีมากๆ ที่ 29.3 ล้านเหรียญ ถือเป็นหนังของบริษัทซัมมิทที่ไม่ใช่ The Twilight ที่เปิดตัวสูงสุด ซึ่งตัวบริษัทตกเป็นของไลออน เกทส์ตั้งแต่ต้นปี 2012 แล้ว การเปิดตัวในระดับนี้ถือเป็นที่น่าพอใจมากๆ เมื่อดูจากหนังมายากลเรื่องก่อนๆ ที่ทำรายได้กันไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น The Prestige หรือ The Incredible Burt Wonderstone

งานนี้ถือว่าทางไลออน เกทส์ และซัมมิท เสี่ยงเอาเรื่องที่โยกหนังมาเข้าหลังสุดสัปดาห์วันรำลึกทหารผ่านศึกที่หนังทำเงินกันเป็นล่ำเป็นสัน ซึ่งดูแล้วหนังมายากลทุนปานกลางเรื่องนี้ ไม่น่าจะไปวัดกับหนังภาคต่อ หรือหนังใหญ่ๆ เรื่องอื่นๆ ได้เลย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา ถึอว่าเป็นเหตุการณ์ชนหนังครั้งคลาสสิคของอันดับหนังทำเงินได้เลย เพราะหลังจากเจอหนังภาคต่อมาจนจะอ้วก ความสนุก และความเป็นหนังต้นฉบับในตัว ทำให้หนังดูสด ใหม่ แถมหนังก็ยังมีกลุ่มนักแสดงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ แถมด้วยมอร์แกน ฟรีแมน ที่อยู่ในหนังทำเงินสูงๆ ของปีนี้มาแล้วสองเรื่องคือ Olympus Has Fallen และ Oblivion ซึ่งงานนี้ทางไลออนเกทส์มั่นใจในตัวฟรีแมนถึงขั้นปล่อยสปอตทีวี ที่ศูนย์กลางอยู่ที่ฟรีแมนออกมาเลยทีเดียว

ผู้ชมของ Now You See Me มีพอๆ กันระหว่างชายและหญิง เมื่อ 51% เป็นหญิง และอายุไม่เยอะนัก 52% อายุต่ำกว่า 30 การที่ได้คะแนนจากซีนีมาสกอร์ถึง A- น่าจะทำให้หนังไปได้สวย แม้อาจจะทำรายได้ไม่ถึง 100 ล้านเหรียญ แต่ก็น่าจะใกล้เคียง

หนังไซ-ไฟของพ่อ-ลูกตระกูลสมิธ After Earth ทำได้แค่อันดับ 3 ด้วยรายได้ที่น่าผิดหวัง 27.5 ล้านเหรียญ ซึ่งอยู่ระหว่าง 2 หนังไซ-ไฟรายได้หายนะของปีที่แล้ว John Carter (30.2 ล้านเหรียญ) และ Battleship (25.5 ล้านเหรียญ) แถมทำได้แค่ครึ่งเดียวของ MIB 3 (54.6 ล้านเหรียญ) และ The Karate Kid (55.7 ล้านเหรียญ) หนังสองเรื่องก่อนของวิลล์ และจาเดน ตามลำดับ

สำหรับการเริ่มต้นที่เลวร้ายของ After Earth มีหลายสาเหตุให้มองกัน แต่ที่มองเห็นได้ง่ายที่สุดก็คือหนังไม่มีเสน่ห์ แถมชื่อของผู้กำกับ เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน ก็ถูกซุกเอาไว้ หลังจากทำหนังคว่ำมาหลายเรื่อง แต่ถึงจะไม่ใช้ชื่อเขาในการทำโปรโมท ชยามาลานก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดีกับตัวหนังที่ออกมาเป็นงานดาดๆ มีความน่าสนใจแบบนับครั้งได้ แม้จะมีวิลล์ สมิธที่เป็นซูเปอร์สตาร์แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เมื่อบทของเขาอยู่ในสภาพเหมือนทหารไร้ความสามารถ ปลงตก ซึ่งทำให้พลังดารา และรัศมีของเขาที่คนดูคาดว่าจะได้เห็นหายไป

หนังมีคนดู 51% เป็นชาย และ 60% อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยได้คะแนนจากซีนีมาสกอร์ที่ B ซึ่งหมายความว่าหนังจะได้เสียงบอกปากต่อปากที่ "เบา" มาก เมื่อนึกไปถึงว่า Man of Steel กำลังจะมา หากหนังทำเงินได้เกิน 70 ล้านเหรียญก็ดีถมไปแล้ว โอกาสเดียวที่พอจะกู้หนังมาได้บ้าง ก็คือการเปิดตัวนอกอเมริกาที่ต้องหวังพลังดาราของสมิธเต็มที่ รายได้รวมทั่วโลก 200 ล้านเหรียญน่าจะทำได้ แต่เมื่อมองทุนสร้าง 130 ล้านเหรียญ ยังไงๆ หนังก็จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ John Carter และ Battleship อยู่ดี

Star Trek Into Darkness อยู่ในอันดับที่ 4 ด้วยรายได้สัปดาห์นี้ 16.8 ล้านเหรียญ ลดลง 55% ผ่าน 18 วันรายได้รวมของหนังอยู่ที่ 181.5 ล้านเหรียญ ไล่ตามหนังปี 2009 อยู่ 10 ล้านเหรียญ ขณะที่ Epic ตกมาอยู่ที่ 5 รายได้ลดลง 50% ทำเงินอีก 16.6 ล้านเหรียญ รายได้รวม 65.2 ล้านเหรียญ กับการที่มี Monsters University จ่อรอในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ทำให้หนังน่าจะกลายเป็นหนังบลูสกาย ที่ทำรายได้ต่ำสุด น้อยกว่า Robots (128.2 ล้านเหรียญ)

อันดับ 6 เป็น The Hangover Part III ที่รายได้ร่วงถึง 61% ทำเงินมาได้ 16.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยูที่ 88.5 ล้านเหรียญหลังการฉาย 11 วัน ซึ่งน้อยกว่าหนังภาค 2 กว่าครึ่งแถมต่ำกว่าหนังภาคแรกที่ทำไว้ 110.3 ล้านเหรียญด้วยในระยะการฉายเท่าๆ กัน หนังภาคนี้น่าจะปิดตัวที่ 120 ล้านเหรียญ ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่หนังภาคก่อนทำไว้ 250 ล้านเหรียญ แบบระเนระนาด

หนังบอลลีวู้ด Yeh Jawaani Hai Deewani เปิดตัวในอันดับ 9 ด้วยรายได้ที่น่าประทับใจ 1.57 ล้านเหรียญจาก 161 โรง หนัง Frances Ha ขยับมาที่อันดับ 12 ด้วยรายได้ 552,000 เหรียญจาก 133 โรง ขณะที่ Before Midnight เพิ่มโรงเป็น 31 โรง และทำรายได้ไป 404,311 เหรียญ The East กับ The Kings of Summer ต่างก็ทำรายได้เปิดตัวแบบพอประมาณจากการฉาย 4 โรง The East ทำเงินไป 77,031 เหรียญ ส่วน The Kings รับไป 58,962 เหรียญ

มาดูกันที่ตลาดต่างประเทศบ้าง แม้ในอเมริกา คนดูจะไม่รักหนัง Hangover ภาค 3 แต่คนดูต่างประเทศยังชื่นชอบ เมื่อหนังทำเงินไปถึง 82.3 ล้านเหรียญจาก 54 ตลาดในสุดสัปดาห์นี้ ทำให้รายได้รวมไปอยู่ที่ 110.7 ล้านเหรียญ หนังทำรายได้สวยๆ ในตลาดใหม่ๆ อย่าง เยอรมันนี 15 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนัง อเมริกัน-เบาสมองที่ทำเงินสูงสุดที่นี่ ตามด้วยรัสเซีย 9.3 ล้านเหรียญ, อิตาลี 7.6 ล้านเหรียญ, ฝรั่งเศส 5.4 ล้านเหรียญ, ออสเตรีย 3.1 ล้านเหรียญ, สเปน 2.8 ล้านเหรียญ และเนเธอร์แลนด์ 2.1 ล้านเหรียญ หากเทียบกับภาค 2 หนังภาค 3 ถือว่าออกตัวได้ดีกว่า และน่าจะทำเงินได้เกิน 332 ล้านเหรียญนอกอเมริกา ซึ่งเป็นรายได้ที่ภาค 2 ทำเอาไว้

Fast & Furious 6 รายได้ลดลง 49% ทำเงินมาได้ 75 ล้านเหรียญ ทำเงินนอกอเมริกาไปแล้วถึง 310.2 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าหนังสี่ภาคแรก และน่าจะแซงที่ภาค 5 ทำไว้ 416 ล้านเหรียญในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าหนังยังไม่เปิดตัวใน ออสเตรเลีย (6 มิถุนายน), ญี่ปุ่น (6 กรกฎาคม) และจีน (กรกฎาคม) ทำให้เป็นไปได้ว่า รายได้ของหนังอาจจะไปถึง 500 ล้านเหรียญ

Star Trek Into Darkness เติมเงินมาอีก 37.6 ล้านเหรียญ โดยรายได้หลักๆ มาจากจีน ที่หนังเปิดตัวได้อย่างน่าทึ่งถึง 25 ล้านเหรียญ (เกือบๆ 3 เท่าของรายได้ที่หนังในปี 2009 ทำได้) และยังทำได้ดีกับการเปิดตัวในเกาหลีใต้ 5 ล้านเหรียญ ตอนนี้รายได้รวมนอกอเมริกา 147.4 ล้านเหรียญแซงหนังภาคก่อนไปแล้ว แถมหนังยังไม่เปิดตัวในญี่ปุ่น, บราซิล, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปนอีกต่างหาก

Epic ทำรายได้ 28.3 ล้านเหรียญในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังเปิดตัวได้สวยในรัสเซีย 7.9 ล้านเหรียญ รายได้รวมของหนังอยู่ที่ 84.8 ล้านเหรียญ และกำลังจะเป็นหนึ่งในหนังแอนิเมชั่นที่ทำรายได้ต่ำที่สุด

The Great Gatsby ไปได้ดีในตลาดต่างประเทศ เก็บเงินได้อีก 22.6 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวที่ออสเตรเลีย บ้านเกิดของบาซ เลอหร์แมนน์ด้วยรายได้ 6.7 ล้านเหรียญ และเปิดตัว 1.9 ล้านเหรียญที่เม็กซิโก ตอนนี้หนังรับทรัพย์ไปแล้ว 120 ล้านเหรียญ และทางวอร์เนอร์หวังว่าน่าจะทำรายได้พอๆ กับ Sex and the City 2 (195 ล้านเหรียญ)  

อ่านแล้วชอบอยากให้กำลังใจคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos
และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงมากมายได้ที่ www.sadaos.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่