บุคคลย่อมพิจารณาเห็นโลกโดยความเป็นของสูญ ด้วยสามารถการพิจารณาเห็นสังขาร
โดยความเป็นของว่างเปล่า อย่างไร? ใครๆ ย่อมไม่ได้แก่นสารในรูป ในเวทนา ในสัญญา
ในสังขาร ในวิญญาณ.
รูปไม่มีแก่นสาร ไร้แก่นสาร ปราศจากแก่นสาร โดยสาระว่าความเที่ยง
เป็นแก่นสาร โดยสาระว่าความสุขเป็นแก่นสาร โดยสาระว่าตนเป็นแก่นสาร
โดยความเที่ยง โดยความยั่งยืน โดยความมั่นคง หรือโดยมีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา.
ในวรรคที่สอง มันมีทั้งคำว่า เที่ยง ทั้งคำว่า สุข และทั้งคำว่า ตน
ตรรกที่ว่า เที่ยง เป็นสุข เป็นอัตตา ที่ใครบางท่านว่าเป็นตรรกที่ผิด
มันไม่แย้งกับวรรคนี้หรือ
การบ้านคืนนี้สำหรับผู้รู้ และไม่รู้ หรือรู้บ้างไม่รู้บ้างทั้งหลาย
อิ อิ อิ
ขอสนทนาบ้าง นี่จะตีความว่าอย่างไร?
โดยความเป็นของว่างเปล่า อย่างไร? ใครๆ ย่อมไม่ได้แก่นสารในรูป ในเวทนา ในสัญญา
ในสังขาร ในวิญญาณ.
รูปไม่มีแก่นสาร ไร้แก่นสาร ปราศจากแก่นสาร โดยสาระว่าความเที่ยง
เป็นแก่นสาร โดยสาระว่าความสุขเป็นแก่นสาร โดยสาระว่าตนเป็นแก่นสาร
โดยความเที่ยง โดยความยั่งยืน โดยความมั่นคง หรือโดยมีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา.
ในวรรคที่สอง มันมีทั้งคำว่า เที่ยง ทั้งคำว่า สุข และทั้งคำว่า ตน
ตรรกที่ว่า เที่ยง เป็นสุข เป็นอัตตา ที่ใครบางท่านว่าเป็นตรรกที่ผิด
มันไม่แย้งกับวรรคนี้หรือ
การบ้านคืนนี้สำหรับผู้รู้ และไม่รู้ หรือรู้บ้างไม่รู้บ้างทั้งหลาย
อิ อิ อิ