ทำไมผู้หญิงถึงต้องการคำว่า”เสมอต้นเสมอปลาย” และชอบกดดันด้วยคำว่า”แต่ฉันหวังดีนะ”

การจีบผู้หญิงผมว่าเราจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นอย่างที่เขาต้องการอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะคบเราไหม
ตัวอย่างเรื่องของผม
ก่อนแต่งงาน
1.    ผมชอบไว้ผมยาว ยาวประมาณติ่งหู จะตัดเมื่อไร ไม่แน่นอน – เขาให้ผมตัดเป็นแบบสั้นใส่เจล ตัดทุกเดือน
2.    ผมชอบใส่ชุดเดิมๆ เก่าๆ ไม่ซื้อเสื้อใหม่ – เขาจะพาไปซื้อและจะคอยบอกให้แต่งแบบไหน
3.    ผมชอบดูหนังโรงดูบ่อยมากชอบนั่งตรงกลาง – เขาบอกให้นานๆ ดูทีและให้นั่งตรงริมๆ
4.    ผมชอบอยู่บ้านไม่ค่อยไปไหน – เขาให้พาไปช็อปปิ้งไปเที่ยว
5.    ผมไม่ชอบออกกำลังกาย – เขาให้วิ่งเครื่องวิ่ง
6.    ผมชอบกินเหล้า – เขาไม่ว่าอะไร
7.    เขาชอบสั่งให้ทำโน่นทำนี่ตามแบบที่เขาคิด – ผมก็ทำตามเป็นส่วนใหญ่
แน่นอนผมก็เปลี่ยนตามที่เขาอยากให้เป็น
หลังแต่งงาน
ผมก็ทำได้อยู่หลายปีนะ  โดย 2 – 3 ครั้งต่อปีที่มีบ้างที่เริ่มเถียงและอยากทำเหมือนเดิม แน่นอนผมก็ต้องตามใจเขาต่อไป
หลังมีลูก
ผมก็ทำได้อยู่นะ แต่มีบางอย่างเริ่มเปลี่ยนไป
1.    ผมเลิกกินเหล้าเพราะอยากเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก
2.    ผมเลิกวิ่งเครื่องวิ่งเพราะช่วยเลี้ยงลูกผมก็ว่าเหนื่อยแล้วนะ
จนมีวันหนึ่งทะเลาะกัน เพราะข้อ 7. นั้นแหละ เมื่อเขาสั่งผมแล้วผมไม่ทำตาม (ขอแก้ตัวว่าเหนื่อยแล้วกัน) โดยผมบอกว่า”เรื่องมากจัง”
จึงเป็นที่มาของคำว่า ทำไมเธอจึง”ไม่เสมอต้นเสมอปลาย”
ผมเลยอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงประชดว่า การที่เราจัดแจงอะไรให้ใครต้องดูด้วยว่าเขาต้องการอะไร
จึงเป็นที่มาของคำว่า ”แต่ฉันหวังดีนะ”
แน่นอนจบไม่สวยเพราะเขายื่นคำว่า”เลิกกัน” มาให้เพราะเขาตัดสินใจผิดที่แต่งงานกับคน”ไม่เสมอต้นเสมอปลาย”

ถึงแม้ว่าผมจะขอโทษไปแล้ว เขาก็ไม่ยกโทษให้ ผมถามว่าจะให้ทำอย่างไรจึงจะหายโกรธ เขาถามกลับว่า ก็เธอทำอะไรไว้หละ ผมจึงบอกให้เขาอภัย ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
ปล ลึกๆ ผมก็ว่าผมก็ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย และข้อดีของผมก็มีทำไมจึงไม่มองข้ามข้อเสียเนอะ
ตัวอย่างข้อดีของผม
1.    ไม่ติดเพื่อนเพราะชอบอยู่บ้าน
2.    ไม่กินเหล้า(เลิกแล้ว)
3.    ไม่เจ้าชู้
4.    ประหยัด
5.    ช่วยเลี้ยงลูก
6.    ไม่พูดคำหยาบ(เมื่อก่อนพูด)
7.    ใจเย็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่