ถ้ามีการลดดอกเบี้ย จะมีผลกระทบอะไรกับตราสารหนี้ระยะสั้น กลาง ยาว ครับ ฟังจากทีวีสองคน บอกตรงกันข้ามกัน !

ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ คนนึงเป็นผู้จัดการกองทุน พูดประมาณว่า ถ้าดอกเบี้ยขึ้น จะมีผลลบกับตราสารหนี้ ควรถือ ตราสารหนี้ ระยะสั้น เพื่อลดความเสี่ยง
แต่ฟังจากอีกรายการนึง เป็นนักวางแผนการเงิน บอกว่า ถ้าดอกเบี้ยลง ควรถือ ตราสารหนี้ ระยะสั้นเพื่อลดความเสี่ยง อ้าว ทั้งสองคนบอกว่าควรถือตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งที่ดอกเบี้ยสวนทางกัน

ตามความเข้าใจของผม ถ้าดอกเบี้ยลดลง ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ระยะกลางหรือยาว จะยิ่งดูน่าสนใจ เพราะจะได้มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากมากขึ้น คนก็น่าจะเข้าไปซื้อตราสารหนี้ระยะกลางหรือยาว มากขึ้น ทำให้ มูลค่าหน่วยของกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางและยาว เพิ่มขึ้น ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ

และสรุปแล้ว ถ้าดอกเบี้ยลด ราคาหน่วนของกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น จะขึ้นหรือ ลงครับ แล้ว ราคาหน่วยของกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางและยาว จะมีทิศทางตรงข้ามกับตราสารหนี้ระยะสั้น รึเปล่าครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ดอกเบี้ยตราสารหนี้มันคงที่ตามที่ประกาศไว้ที่หน้าตั๋วครับ เช่น ผมมีพันธบัตร 100,000 บาท จ่ายดอกเบี้ย 6% หมดอายุปี 2560  อาจจะมีคนมาขอซื้อ 105,000 บาท เพราะเขาคิดว่าดีกว่าเอาไปฝากธนาคาร  ส่วนผมอาจจะขาย เพราะได้กำไรวันนี้ทันที 5000 บาท

ถ้า กนง. ลดดอกเบี้ย  คนที่มาซื้อก็ยิ่งอยากถอนเงินจากธนาคาร เพราะดอกเบี้ยเงินฝากลดลง แต่พันธบัตรของผมยังจ่ายดอกเบี้ย 6% ถึงปี 2560 เหมือนเดิม  ดังนั้นผมเห็นว่าคนอยากซื้อมาก ผมก็จะขึ้นราคาเป็น 109,000 บาท  ส่วนคนซื้อก็คิดว่า เอาวะ แพงขึ้น 4000 แต่ก็ยังดีกว่า เพราะดอกเบี้ยลดลงไปมากกว่า 4000 บาทใน 5 ปีอีก

ดังนั้นตราสารหนี้ที่มีอยู่ก่อน จึงมีราคาสูงขึ้น  ส่วนตราสารหนี้ที่ออกใหม่ ก็จะอิงกับอัตราดอกเบี้ยใหม่  ซึ่งตราสารหนี้ระยะสั้นจะหมดอายุเร็ว ทำให้ลดความเสี่ยง เพราะมันจะอิงกับอัตราดอกเบี้ย

ดังนั้นต้องแยกประเด็นครับ
1. ดอกเบี้ยขึ้น ตราสารระยะกลาง ยาว ที่ออกมาก่อน จะลดมูลค่าลง  จึงควรขายทิ้ง แล้วหันมาถือระยะสั้นเพื่อลดความเสี่ยง  คนแรกจึงพูดถูกต้อง
2. ดอกเบี้ยลง ตราสารระยะกลาง ยาว ที่ออกมาที่หลัง จะอิงกับดอกเบี้ยใหม่ซึ่งต่ำลง  การถือตราสารนี้จึงมีความเสี่ยงเพราะหากอนาคต ดอกเบี้ยขึ้น ตราสารพวกนี้ไม่ขึ้นด้วย มูลค่าจึงลดลง จึงควรถือตราสารระยะสั้นเพื่อลดความเสี่ยง   คนที่ 2 ก็พูดถูกอีก

ดังนั้น พูดถูกทั้ง 2 คน แต่พูดกันคนละมุมครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่