........................รายงานข่าวระบุว่าการประกาศผลมรดกวัฒนธรรมทางเกษตรที่สำคัญของจีน ที่จัดขึ้นโดยกระทรวงเกษตรของจีน ชาดอกมะลิและวัฒนธรรมชาที่เกี่ยวข้องของนครฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมการเกษตรที่สำคัญของชาติร่วมกับสินค้าเกษตรประเภทอื่นรวม 19 รายการ
“ชา” เป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งที่ควบคู่มากับประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน เป็นเครื่องดื่มที่เริ่มบริโภคมาตั้งแต่อดีตจวบจนกระทั่งในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของจีนไปแล้ว สำหรับชาวฝูเจี้ยนก็เช่นเดียวกัน วัฒนธรรมการดื่มชาได้ฝังรากลึกในทุกครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นครฝูโจวที่มีดอกมะลิเป็นดอกไม้ประจำเมือง การผลิตและการดื่มชาดอกมะลิจึงถือได้ว่ามีลักษณะพิเศษ เหตุผลเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศที่มีเหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของใบชา ผนวกกับการหมักชาให้เข้ากับดอกมะลิ ส่งผลให้ชาที่ได้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เมื่อปีที่ผ่านมา ผลผลิตชาดอกมะลิของนครฝูโจวมีปริมาณ 1.1 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่า 1,785 ล้านหยวน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรกว่า 800 ล้านหยวน
วัฒนธรรมการผลิตและดื่มชาของชาวฝูเจี้ยน นอกจากจะสะท้อนถึงภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเกษตรแล้ว ยังสร้างมูลค่ามหาศาลให้แก่เศรษฐกิจของมณฑล จากข้อมูลพบว่าในปี 2555 ผลผลิตใบชาของทั้งมณฑลฝูเจี้ยนมีปริมาณ 3.21 แสนตันคิด คิดเป็นปริมาณสูงสุดอันดับหนึ่งของจีน มีมูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านหยวน อีกทั้งอุตสาหกรรมชาของมณฑลยังสามารถจ้างงานให้คนมากกว่า 3 ล้านคน
สำหรับชาวจีน ชาเป็นเครื่องดื่มของคนทุกเพศทุกวัย ดังนั้นจึงมีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ แต่สำหรับชาวไทย นอกจากชาเขียวบรรจุขวดที่ขายตามร้านสะดวกซื้อ ชาจีนที่ชงจากใบชาบางครั้งอาจถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มของผู้สูงอายุ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชาในไทยจึงอาจต้องเริ่มจากการปรับทัศนคติของผู้บริโภค อาทิ การชูสรรพคุณของชาในด้านสุขภาพและความงาม การเปิดร้านชาที่มีการตกแต่งทันสมัย หรือการพัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบสำเร็จรูปให้ง่ายต่อการบริโภคและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่
ที่มา
http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/china-economic-business/result.php?IBLOCK_ID=69&SECTION_ID=469&ELEMENT_ID=12698
ชาดอกมะลิฝูโจวได้รับคัดเลือกเป็นมรดกวัฒนธรรมทางเกษตรที่สำคัญของจีน
“ชา” เป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งที่ควบคู่มากับประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน เป็นเครื่องดื่มที่เริ่มบริโภคมาตั้งแต่อดีตจวบจนกระทั่งในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของจีนไปแล้ว สำหรับชาวฝูเจี้ยนก็เช่นเดียวกัน วัฒนธรรมการดื่มชาได้ฝังรากลึกในทุกครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นครฝูโจวที่มีดอกมะลิเป็นดอกไม้ประจำเมือง การผลิตและการดื่มชาดอกมะลิจึงถือได้ว่ามีลักษณะพิเศษ เหตุผลเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศที่มีเหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของใบชา ผนวกกับการหมักชาให้เข้ากับดอกมะลิ ส่งผลให้ชาที่ได้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เมื่อปีที่ผ่านมา ผลผลิตชาดอกมะลิของนครฝูโจวมีปริมาณ 1.1 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่า 1,785 ล้านหยวน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรกว่า 800 ล้านหยวน
วัฒนธรรมการผลิตและดื่มชาของชาวฝูเจี้ยน นอกจากจะสะท้อนถึงภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเกษตรแล้ว ยังสร้างมูลค่ามหาศาลให้แก่เศรษฐกิจของมณฑล จากข้อมูลพบว่าในปี 2555 ผลผลิตใบชาของทั้งมณฑลฝูเจี้ยนมีปริมาณ 3.21 แสนตันคิด คิดเป็นปริมาณสูงสุดอันดับหนึ่งของจีน มีมูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านหยวน อีกทั้งอุตสาหกรรมชาของมณฑลยังสามารถจ้างงานให้คนมากกว่า 3 ล้านคน
สำหรับชาวจีน ชาเป็นเครื่องดื่มของคนทุกเพศทุกวัย ดังนั้นจึงมีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ แต่สำหรับชาวไทย นอกจากชาเขียวบรรจุขวดที่ขายตามร้านสะดวกซื้อ ชาจีนที่ชงจากใบชาบางครั้งอาจถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มของผู้สูงอายุ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชาในไทยจึงอาจต้องเริ่มจากการปรับทัศนคติของผู้บริโภค อาทิ การชูสรรพคุณของชาในด้านสุขภาพและความงาม การเปิดร้านชาที่มีการตกแต่งทันสมัย หรือการพัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบสำเร็จรูปให้ง่ายต่อการบริโภคและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่
ที่มา http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/china-economic-business/result.php?IBLOCK_ID=69&SECTION_ID=469&ELEMENT_ID=12698