ติดตามเรื่องอื่นๆได้ที่ www.iroamalone.com นะคะ
ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย 3 โมง ฝนตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทุกคนยืนเบียดเสียดกันอยู่ในเต็นท์เล็กๆหน้าท่าขึ้นเรือ ปากทางเข้าของแม่น้ำใต้ดินแห่งนี้อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร มีเรืออยู่หลายลำรอหลบฝนอยู่ที่ปากถ้ำ กลุ่มของฉันเป็นกลุ่มถัดไปที่จะได้ขึ้นเรือบดลำเล็กนั่น
ฝนหนอฝน หยุดเสียทีสิ
ฉันอยู่ในชุดกันฝนสีแดงที่ถูกสวมทับด้วยเสื้อชูชีพสีส้มสะท้อนแสงเข้ากับหมวกกันน็อคสีเดียวกัน ตอนนี้ความรู้สึกอึดอัดเข้าจู่โจม ไม่ได้่เพราะชุดที่สวมใส่หรอก แต่เป็นเพราะ ‘การรอคอย’ น่ะสิ การรอคอยมันช่างทรมาน...
ถ้าจะพูดถึง ‘การรอคอย’ ฉันคงต้องเล่าย้อนกลับไปเมื่อ 10 ชั่วโมงที่แล้ว ตอนที่ ‘การรอคอย’ ได้เริ่มต้นขึ้น
เมื่อเย็นวานนี้ตอนฉันบินมาถึงเมือง Puerto Princesa ฉันได้ใช้บริการพี่สามล้อคนหนึ่ง ชื่อ จุน (Jun) เพื่อพาพวกเราไปที่พัก ระหว่างทางเขาชวนพูดชวนคุยและสุดท้ายได้เสนอทัวร์พาดูแม่น้ำใต้ดินให้กับเรา ด้วยความที่พวกเราอยากจะไปอยู่แล้ว ประกอบกับว่าพวกเรายังไม่ได้จองอะไรมาล่วงหน้า ซึ่งถือว่าผิดมหันต์ พวกเราเลยตบปากรับคำไปอย่างไม่อิดออด
เรียบร้อย! เขาว่าพรุ่งนี้เช้าเขาจะมารับพวกเราไปทำเรื่องขอใบอนุญาต หลังจากนั้นพอได้ใบอนุญาตมา เราก็พร้อมที่จะออกเดินทางทันที
“Ok. When will you come to pick us up tomorrow?” ฉันถามไป
“5 a.m.”
“5 in the morning?” ฉันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“Yes. See you tomorrow.” จุนยืนยันพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า แล้วเขาก็ขี่สามล้อคู่ใจจากไป
ฉันยังยืนงงๆ นี่ต้องไปต่อคิวขอใบอนุญาตตั้งแต่ตีห้า?
เอาเป็นว่า ตีห้า คือ จุดเริ่มต้นของ ‘การรอคอย’
ฉันเดินหลับตามาขึ้นรถสามล้อตามเวลานัด ขณะขับกันไป สองข้างทางยังมืดสนิท ร้านรวงยังไม่มีที่ท่าว่าจะเปิด ฉันนั่งให้ลมตีหน้าไปได้ไม่ถึง 10 นาที เราก็ถึงจุดหมายซึ่งก็คือ City Coliseum
เมื่อมองไปที่ด้านหน้าของตึกที่ว่า ฉันเห็นกลุ่มคนประมาณ 5-6 คนมารออยู่ก่อนแล้ว พวกเขานั่งกันหงอยๆ (หรือง่วงๆ) คุยกับเงียบๆ จุนเดินเข้ามาบอกว่าเขาเปิดรับบัตรคิวตอน 8 โมง
เฮ้ย!!!!!!!!!! นี่มันตีห้า!!!!!!!!!!
ฉันเพึ่งมารู้ทีหลังว่าเขาอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแม่น้ำใต้ดินแห่งนี้ได้เพียงวันละ 900 คน ใบอนุญาตส่วนใหญ่ถูกบริษัททัวร์จับจองไปหมด พวกเราทุกคนที่นี่ต้องมารอเผื่อว่าจะมีคนสละสิทธิ์
เวลาผ่านไปช้าๆ คนค่อยๆทยอยมาจับจองที่นั่ง ยิ่งนั่งสังเกต ยิ่งเห็นความเป็นระบบระเบียบของการต่อคิวครั้งนี้ ทุกคนที่เพิ่งมาถึงไม่ว่าจะมากับพี่สามล้อ หรือมากันเอง จะต้องเดินไปเขียนชื่อและจำนวนคนบนกระดาษยับๆ ที่ฉีกออกมาจากสมุด พอเขียนเสร็จก็จะไปนั่งต่อคิว นี่คือรายชื่อ ‘ทางการ’ แบบ ‘ไม่เป็นทางการ’
คนคุมคิวคือเจ๊คนหนึ่ง หน้าตางงๆถือแฟ้มเอกสารเดินไปมา จุนแนะนำเธอว่า
“She is my secretary”
ฉันแอบอมยิ้มไม่ได้ ทุกอย่างดูชาวบ้าน ไม่มีความเป็นทางการใดๆ แต่ระบบไร้ที่ติ
นั่งรออยู่ง่วงๆก็พลันได้ยินเสียงตะโกนขายอะไรสักอย่างมาแต่ไกล เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มองไปเห็นชายวัยกลางคนเดินแบกหม้อเหล็กทรงสูงสองใบที่ทรงตัวอยู่บนท่อนไม้สีคล้ำๆท่อนหนึ่ง ปากก็ร้องตะโกนไปว่า
"Taho, Taho, Taho"
พี่น้องชาวฟิลิปปินส์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตะโกนสวนออกไปว่า
"Kuya, kuya" (มารู้ทีหลังว่าแปลว่า พี่)
ชายคนดังกล่าวหยุดเดิน แล้วหันหลังกลับมา วางหม้อลง แล้วเปิดฝาหม้อออก ฉันรีบชะโงกหน้าไปดู สงสัยใคร่รู้ว่า Taho นี่มันคืออะไรกันแน่ กินได้ไหม? ฉันหิว และแล้วคำตอบก็ปรากฎ Taho ไม่ใช่อะไรแปลกประหลาดที่ไหน มันคือ เต้าฮวยร้อนๆราดน้ำเชื่อมกับเม็ดวุ้นสีขุ่น
โดนไปหนึ่งถ้วย อร่อย!
การรอคอย: แม่น้ำใต้ดิน 1 ในสิ่ง 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก (Subterranean River, The Philippines)
ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย 3 โมง ฝนตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทุกคนยืนเบียดเสียดกันอยู่ในเต็นท์เล็กๆหน้าท่าขึ้นเรือ ปากทางเข้าของแม่น้ำใต้ดินแห่งนี้อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร มีเรืออยู่หลายลำรอหลบฝนอยู่ที่ปากถ้ำ กลุ่มของฉันเป็นกลุ่มถัดไปที่จะได้ขึ้นเรือบดลำเล็กนั่น
ฝนหนอฝน หยุดเสียทีสิ
ฉันอยู่ในชุดกันฝนสีแดงที่ถูกสวมทับด้วยเสื้อชูชีพสีส้มสะท้อนแสงเข้ากับหมวกกันน็อคสีเดียวกัน ตอนนี้ความรู้สึกอึดอัดเข้าจู่โจม ไม่ได้่เพราะชุดที่สวมใส่หรอก แต่เป็นเพราะ ‘การรอคอย’ น่ะสิ การรอคอยมันช่างทรมาน...
ถ้าจะพูดถึง ‘การรอคอย’ ฉันคงต้องเล่าย้อนกลับไปเมื่อ 10 ชั่วโมงที่แล้ว ตอนที่ ‘การรอคอย’ ได้เริ่มต้นขึ้น
เมื่อเย็นวานนี้ตอนฉันบินมาถึงเมือง Puerto Princesa ฉันได้ใช้บริการพี่สามล้อคนหนึ่ง ชื่อ จุน (Jun) เพื่อพาพวกเราไปที่พัก ระหว่างทางเขาชวนพูดชวนคุยและสุดท้ายได้เสนอทัวร์พาดูแม่น้ำใต้ดินให้กับเรา ด้วยความที่พวกเราอยากจะไปอยู่แล้ว ประกอบกับว่าพวกเรายังไม่ได้จองอะไรมาล่วงหน้า ซึ่งถือว่าผิดมหันต์ พวกเราเลยตบปากรับคำไปอย่างไม่อิดออด
เรียบร้อย! เขาว่าพรุ่งนี้เช้าเขาจะมารับพวกเราไปทำเรื่องขอใบอนุญาต หลังจากนั้นพอได้ใบอนุญาตมา เราก็พร้อมที่จะออกเดินทางทันที
“Ok. When will you come to pick us up tomorrow?” ฉันถามไป
“5 a.m.”
“5 in the morning?” ฉันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“Yes. See you tomorrow.” จุนยืนยันพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า แล้วเขาก็ขี่สามล้อคู่ใจจากไป
ฉันยังยืนงงๆ นี่ต้องไปต่อคิวขอใบอนุญาตตั้งแต่ตีห้า?
เอาเป็นว่า ตีห้า คือ จุดเริ่มต้นของ ‘การรอคอย’
ฉันเดินหลับตามาขึ้นรถสามล้อตามเวลานัด ขณะขับกันไป สองข้างทางยังมืดสนิท ร้านรวงยังไม่มีที่ท่าว่าจะเปิด ฉันนั่งให้ลมตีหน้าไปได้ไม่ถึง 10 นาที เราก็ถึงจุดหมายซึ่งก็คือ City Coliseum
เมื่อมองไปที่ด้านหน้าของตึกที่ว่า ฉันเห็นกลุ่มคนประมาณ 5-6 คนมารออยู่ก่อนแล้ว พวกเขานั่งกันหงอยๆ (หรือง่วงๆ) คุยกับเงียบๆ จุนเดินเข้ามาบอกว่าเขาเปิดรับบัตรคิวตอน 8 โมง
เฮ้ย!!!!!!!!!! นี่มันตีห้า!!!!!!!!!!
ฉันเพึ่งมารู้ทีหลังว่าเขาอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแม่น้ำใต้ดินแห่งนี้ได้เพียงวันละ 900 คน ใบอนุญาตส่วนใหญ่ถูกบริษัททัวร์จับจองไปหมด พวกเราทุกคนที่นี่ต้องมารอเผื่อว่าจะมีคนสละสิทธิ์
เวลาผ่านไปช้าๆ คนค่อยๆทยอยมาจับจองที่นั่ง ยิ่งนั่งสังเกต ยิ่งเห็นความเป็นระบบระเบียบของการต่อคิวครั้งนี้ ทุกคนที่เพิ่งมาถึงไม่ว่าจะมากับพี่สามล้อ หรือมากันเอง จะต้องเดินไปเขียนชื่อและจำนวนคนบนกระดาษยับๆ ที่ฉีกออกมาจากสมุด พอเขียนเสร็จก็จะไปนั่งต่อคิว นี่คือรายชื่อ ‘ทางการ’ แบบ ‘ไม่เป็นทางการ’
คนคุมคิวคือเจ๊คนหนึ่ง หน้าตางงๆถือแฟ้มเอกสารเดินไปมา จุนแนะนำเธอว่า
“She is my secretary”
ฉันแอบอมยิ้มไม่ได้ ทุกอย่างดูชาวบ้าน ไม่มีความเป็นทางการใดๆ แต่ระบบไร้ที่ติ
นั่งรออยู่ง่วงๆก็พลันได้ยินเสียงตะโกนขายอะไรสักอย่างมาแต่ไกล เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มองไปเห็นชายวัยกลางคนเดินแบกหม้อเหล็กทรงสูงสองใบที่ทรงตัวอยู่บนท่อนไม้สีคล้ำๆท่อนหนึ่ง ปากก็ร้องตะโกนไปว่า
"Taho, Taho, Taho"
พี่น้องชาวฟิลิปปินส์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตะโกนสวนออกไปว่า
"Kuya, kuya" (มารู้ทีหลังว่าแปลว่า พี่)
ชายคนดังกล่าวหยุดเดิน แล้วหันหลังกลับมา วางหม้อลง แล้วเปิดฝาหม้อออก ฉันรีบชะโงกหน้าไปดู สงสัยใคร่รู้ว่า Taho นี่มันคืออะไรกันแน่ กินได้ไหม? ฉันหิว และแล้วคำตอบก็ปรากฎ Taho ไม่ใช่อะไรแปลกประหลาดที่ไหน มันคือ เต้าฮวยร้อนๆราดน้ำเชื่อมกับเม็ดวุ้นสีขุ่น
โดนไปหนึ่งถ้วย อร่อย!