นิยาย พิสูจน์รักข้ามเวลา บทนำ และ ตอนที่ 7 โดย ณ พัชระ

กระทู้สนทนา




คงไม่มีใครคาดคิด ว่าในหนึ่งปีจะมีมากกว่า 365 วัน เพียงรดาเองก็เช่นกัน ในวันที่เธอต้องการ "สารภาพรัก"
กับคนที่เธอพยายามผลักไส คนที่เห็นและรักเธอเพียงเพราะเธอเป็นเงาของใครอีกคนมาโดยตลอด
"เธอไม่ได้ความจำเสื่อม" "เธอไม่ได้แกล้งที่จะลืมเพื่อให้ชายคนนั้นต้องเจ็บช้ำ"
แต่เธอหาสาเหตุไม่ได้ว่า "เพราะอะไร" ภีร์ชิต นักแสดงที่มีชื่อเสียง ถึงได้รู้สึก "รัก" เธอมากมายขนาดนี้
"เธอจะสวมรอยเป็นใครคนนั้นของเขา... ดีไหม?"
และแล้วในวันที่เธอพร้อมให้ "หัวใจ" มาก่อน "เหตุผล"
กับเป็นวันที่อุบัติเหตุพราก "เธอ" ไปจาก "เขา" ในโลก "ปัจจุบัน" ตลอดกาล
แต่ "โชคชะตา" ไม่ได้ "โหดร้าย"
แค่พา "เธอ" ไปพบว่า "เขารักเธอ" เพราะเหตุใด?
เพียงรดา มี "โอกาสใช้ชีวิตในจุดเดิมอีกครั้ง 2 ปี"
กับ "เขา" ที่มีท่าที ห่างเหิน เย็นชา และ กวนประสาท ไม่มีความรู้สึก "รัก" เธอ แม้แต่น้อย
จาก "เขา" ที่เป็นฝ่ายเฝ้าตามหาเธอ กลับกลายเป็นเธอ "ที่ต้องเฝ้าตามเขา"

เรื่องราวจะลงเอยอย่างไร ?
ภีร์ชิตต้องเจ็บซ้ำสองหรือไม่ ?
เพียงรดาจะกลับมาโลกปัจุบันได้อีกครั้ง หรือ ร่างกายต้องสูญสลาย เพียงเพื่อต้องการปกป้องคนที่เธอรัก?
ลองติดตามดูนะค่ะ ^_^



ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/30471581
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/30475331
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/30479031
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/30482894
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/30487272
ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/30492193

ตอนที่ 7

“รดา”  เจนจิราปลุกเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพียงรดาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เพราะเธอยังคงรู้สึกปวดที่หัวของเธอมาก
“มาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย” เพียงรดาถาม เจนจิรามองหน้าเพื่อนก่อนตอบ
“คุณภีร์ชิต อุ้มแกมา ดูเขาเป็นห่วงแกมากเลยนะ อยู่เฝ้าแกตั้งนาน กว่าฉันกับคุณอาร์ทจะกลับมา”
“หรอ”
“หรอ แกตอบสั้นๆแค่นี้นะ นี่ฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่า” เจนจิราถามอย่างสงสัย
    
          เพียงรดาลังเลใจสักพักก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เพื่อนของเธอฟัง อัสนัยที่เดินผ่านเข้ามาพอดี
เขาหยุดฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเจ็บปวดหัวใจ เขาได้แต่ฟังและยอมรับความจริงและพยายามทำใจให้ได้
      ภีร์ชิต อัศนัยและวิจิตราที่คิวถ่ายซ่อม จึงต้องรีบกลับตั้งแต่เช้า ก่อนที่ภีร์ชิตจะกลับเขาได้ฝากช่อดอกไม้กับเจนจิราเพื่อมอบ
ให้กับเพียงรดา
“เป็นห่วงคุณนะ หายไวไว ภีร์ชิต” เพียงรดาอ่านการ์ดใบนั้นอย่างหวั่นใจเพราะจากนี้ไปต้องมีเรื่องวุ่นวายตามมาอีกแน่
“แกจะเอายังไงต่อไป” เจนจิราถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันไม่รู้ ฉันสับสนมากเลยเจน ขอเวลาให้ฉันคิดหน่อย ฉันตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้จริงๆ”
เจนจิรามองเพื่อนอย่างเข้าใจ ก่อนจะช่วยคิดหาทางออก อาจเป็นทางเดียวที่ช่วยให้เพื่อนของเธอแน่ใจและกล้าที่จะตัดสินใจในอนาคต
“ฉันว่า ฉันมีทางช่วยแกแล้วหละ แกไปกับฉันนะ รดา” เจนจิราบอกกึ่งออกคำสั่ง
“ไปไหน” เพียงรดาสงสัย
“ไปปฎิบัติธรรม” เจนจิราบอกเพื่อนอย่างจริงจัง เพียงรดาที่ฟังอยู่แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
    เจนจิราโทรไปลางานกับหัวหน้าตอนแรกหัวหน้าจะไม่ยอมแต่เมื่อรู้สถานที่ที่ทั้งคู่กำลังจะไปก็ไม่อาจขัดได้เพราะกลัวบาป
เจนจิราพาเพียงรดาไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง
“ธรรมชาติและความเงียบสงบอาจจะช่วยแกตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อย”
“อารมณ์ไหนวะแก นานๆจะเห็นแกเป็นแบบนี้”
“เอาน่า  เชื่อฉัน แกอยู่นี่ไปนะ เดี๋ยวฉันมา”
“แล้วแกจะไปไหน” เพียงรดาเริ่มสงสัยในท่าทีของเพื่อน
“ไปดูดวง”
“ดูดวงเนี่ยนะ” เพียงรดาถามย้ำเพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
“อืม แม่ชีคนนี้แม่นมากเลยนะแก และท่านก็จะดูให้เป็นบางคนเท่านั้น ไหนๆวันนี้มาแล้ว ลองไปดูสักหน่อย เผื่อท่านจะเมตตา แกอยากไปมั้ย”
เจนจิราชวน เพียงรดาลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลง
“ไปก็ไป”
    
          ท่ามกลางป่าลึก แต่มีลำธารไหลผ่านด้านหน้า แม่ชีสูงวัยท่านหนึ่งนั่งสมาธิอยู่อย่างสงบ เจนจิราพาเพียงรดาความเข่าเข้าไปนั่งใกล้ๆ
“จะมาถามเรื่องคู่ชีวิตอีกหละสิ” เสียงแม่ชีเอ๋ยทักทั้งๆที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมามอง
ทั้งสองได้แต่นั่งมองหน้ากันอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ฉันไม่รู้หรอก จะมาอีกกี่ปี ถามอีกกี่ครั้ง คำตอบก็คงเดิม” แม่ชีตอบเสียงเรียบ คนขนฟังแทบขนลุก
“กลับเถอะเจน อย่ารบกวนท่านเลย” เพียงรดาบอกเพื่อนอย่างเกรงใจแม่ชี
    แม่ชีลืมตาขึ้นมามองเพียงรดา ก่อนที่จะพยักหน้าอย่างเข้าใจในสัจจธรรม
“เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมชาติของมนุษย์” แม่ชีมองไปทางเพียงรดาเพื่อต้องการสื่อสารอะไรบางอย่างให้หญิงสาวรับรู้
เพียงรดาใจหล่นวูบ เพราะเข้าใจว่าแม่ชีพูดถีงเรื่องอะไร และหมายถึงใคร เจนจิราเริ่มใจคอไม่ดี
“ไม่มีนัยยะ อะไรแอบแฝงใช่มั้ยค่ะ” เจนจิราถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“เธอกับเพื่อนมีวาสนาผูกกันมาแต่ชาติปางก่อน โชคชะตากำหนดให้เธอพาเขามาที่นี่”
แม่ชีบอกเจนจิรา ก่อนจะหันไปทางเพียงรดาเพื่อต้องการบอกอะไรบางอย่าง
“ทุกสิ่งย่อมมีเหตุและผล สักวันหนึ่งเธอจะรู้เองว่าทำไม่เธอถึงมาอยู่ที่นี่ตอนนี้”
    เพียงรดานั่งหน้าซีดอยู่ที่ลานกลางสวน เจนจิราเดินเข้ามาปลอบ
“ฉันขอโทษ แทนที่ฉันจะพาแกมาสงบจิตใจ กลับทำให้แก่ต้องทุกข์ใจแทน อย่าคิดมากเรื่องนั้นเลยนะ”

“ฉันต้องขอบใจแกมากกว่า หลายเดือนที่ผ่านมาเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับฉันตั้งมากมาย ที่นี่อาจทำให้ฉันปลงได้
ยังไงซะคนเราก็ต้องตายอยู่ดี จะแตกต่างก็คงเป็นเวลาว่าจะช้าหรือเร็ว”
เพียงรดาบอกกับเพื่อนอย่างเข้าใจชีวิต เพราะหลังจากวันนี้ไปอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด



    ภีร์ชิตชวนอัศนัยมานั่งดื่มเพื่อปรับความเข้าใจกันในเรื่องของเพียงรดา
“ถ้าไม่ติดว่านายเป็นเพื่อน ป่านนี้นายไปกองอยู่ที่พื้นแล้ว”
“ขนาดนั้นเลย บอกได้มั้ยว่าทำไม”
“ถามได้ ก็เจ็บใจไง เหตุผลง่ายๆ สั้นๆอย่างนี้แหละ เพียงพอแล้ว”
“ขึ้น ขึ้น อารมณ์ขึ้น” ภีร์ชิตพูดแหย่
“ไม่ขำวะภีร์”
“เออ ไม่ขำก็ไม่ขำ” ภีร์ชิตบอก อัศนัยมองหน้าภีร์ชิตก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“ถ้านายชอบคุณรดาเค้าเพียงฝ่ายเดียว ฉันก็ยังมีโอกาสลุ้นได้บ้าง แต่นี่ไม่ใช่”
“นายหมายความว่ายังไง” ภีร์ชิตสงสัย
“เอาไว้ฉันหายเกลียดขี้หน้านายเมื่อไหร่ แล้วฉันจะบอก” อัศนัยพูดอย่างมีเลศนัยเพราะเขาได้กุมความลับอะไรบางอย่างเอาไว้
“อ้าว มีงี้ด้วย ที่หลังถ้าไม่อยากบอก ก็อย่าเกริ่นขึ้นขึ้นมาเชียว”
“หรอ ว่าแต่เรื่องของนายเถอะ สารภาพรักอีท่าไหน คุณรดาเค้าถึงได้หนีเข้าวัดไปอย่างนั้น”
“นั่นสิ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ภีร์ชิตพูดไปขำไปเมื่อนึกถึงเรื่องของเพียงรดา ทั้งที่ในใจเขานั้นไม่ตลกไปด้วยเลย
    ภีร์ชิตกลับมาที่คอนโด ก็ลองโทรหาเพียงรดาอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายยังคงปิดเครื่อง ภีร์ชิตจึงได้แต่ส่งขอความแทนความรู้สึก
“คิดถึงคุณจัง   เพียงรดา”
    เช้าวันรุ่งขึ้นแม่ชีกำลังกวาดลานวัดอยู่ เพียงรดาผ่านเข้ามาเห็นจึงรีบเข้ามาช่วย แม่ชีรับรู้ได้ว่าเพียงรดาเป็นคนจิตใจดี
และน่าเสียดายหากเธอต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร
“คิดมาเรื่องที่ฉันบอกไปหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” เพียงรดาก้มหน้าตอบเพราะไม่กล้าสบสายตา
“เธอกำลังโหกฉันอยู่” แม่ชีมองไปที่เพียงรดาอย่างสื่อความหมายแล้วพูดต่อว่า
“ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องดี มันก็จะเป็นเรื่องที่ดี”
“หมายความว่าอย่างไรค่ะ” เพียงรดาถามอย่างสงสัย

“จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเวลาของตัวเองนั้นเหลือน้อย เมื่อเป็นเพราะโชคชะตากำหนด ก็จงใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่า”


แม่ชีเตือนสติเพียงรดา
เพียงรดายกมือไหว้
“มาหาฉัน ก่อนที่เธอจะกลับ” แม่ชีบอกก่อนที่จะเดินแยกไปอีกทาง
    ภีร์ชิตมาทำงานที่กองถ่ายอย่างไม่มีความสุข เหมือนชีวิตของเขาได้ขาดหายอะไรไปบางอย่างอีกครั้ง เขาได้แต่ส่งข้อความถึง
เพียงรดาในทุกเวลาที่เขามีเวลาว่าง วิจิตราเห็นภีร์ชิตนั่งอยู่คนเดียว เลยเดินมานั่งข้างๆ ภีร์ชิตขยับตัวออกเพื่อเว้นระยะห่าง
“ภีร์ทำแบบนี้หมายความว่ายังไงค่ะ”
“ถ้าใครมาเห็นเข้าคุณจะเสียหาย”
“งั้นภีร์ยังไม่เห็นข่าวนี้ใช่มั้ยค่ะ” วิจิตรายิ่นหนังสือพิมพ์ที่ถือมาส่งให้ภีร์ชิต
    ภีร์ชิตเห็นข่าวของเขากับวิจิตราที่หัวหินทำให้ชายหนุ่มตกใจไม่น้อยแต่เขาก็ต้องยอมรับเพราะเขาชวนเธอไป
เพราะต้องการประชดเพียงรดา
“เรื่องมันออกไปได้ยังไง”
“ภีร์ อย่าลืมสิค่ะ วันที่เราไปมีนักข่าวอยู่ด้วยตั้งสองคน ไม่ใครก็ใครสักคนที่ปล่อยข่าว เห็นว่าทางหนังสือพิม์ฉบับนี้จ่ายไปไม่น้อยเหมือนกัน”
“เป็นไปไม่ได้ นี่ต้องเป็นฝีมือคุณใช่มั้ยตา” ภีร์ชิตถามเพราะรู้ทัน
“ค่ะ ตายอมรับ แต่พูดไปใครเค้าจะเชื่อหละค่ะ ยั่ยนั่นกลับมาเมื่อไหร่ เรื่องยาวแน่”
“คุณทำแบบนี้ทำไม” ภีร์ชิตมองหน้าวิจิตราอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมหรอค่ะ เพื่อความสะใจไงค่ะภีร์ เมื่อตาไม่มีความสุข คุณก็อย่าหวัง ว่าเรื่องของคุณจะราบรื่น” วิจิจราพูดอย่างเป็นต่อ
“คุณร้ายกาจมากเลยนะตา” ภีร์ชิตพูดพร้อมกับมองหน้าเธออย่างไม่พอใจ วิจิตราเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งสะใจมากขึ้น
วิจิตราเดินเข้ามาขยับคอเสื้อให้ภีร์ชิตเหมือนจะยั่วเขา ท่าทางของเธอเหมือนจงใจให้ช่างภาพที่ซ่อนตัวอยู่ถ่ายภาพไว้ได้
ภีร์ชิตขยับตัวหนี
“ภีร์อย่าลืมนะค่ะ ว่าเรื่องนี้ตาเป็นนางเอก ภีร์จะทำอะไรก็ดูให้ดีดีก่อนนะค่ะ ตาเตือนคุณแล้ว”
ภีร์ชิตมองหน้าวิจิตราอย่างเข้าใจความหมาย แต่เขาก็ไม่กลัว
“ตาจะทำอะไรผมก็ได้ ผมจะถือซะว่า มันเป็นการชดใช้ที่ทำให้ตาต้องเสียชื่อ แต่อย่าให้ผมรู้ว่าตาทำอะไรรดา”
ภีร์ชิตมองหน้าวิจิตราอย่างจริงจัง
“ผมเตือนตาแล้วนะ” ภีร์ชิตพูดเสร็จก็เดินจากไปโดยไม่สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจและโกรธเขามากขนาดไหน
    เมื่อถึงวันที่จะกลับ เจนจิรานั่งเก็บของอยู่ด้านในที่พัก เพียงรดาชวนเพื่อนไปหาแม่ชีด้วยกัน
“ไม่ไปหรอก ฉันกลัวน่ะ ถ้าท่านเกิดทักอะไรขึ้นมาอีก ฉันว่าฉันสติแตกแน่” เจนจิราบอกปัดทำให้เพียงรดาต้องไปคนเดียว
    เพียงรดามาหาแม่ชีตรงที่ประจำที่ท่านนั่งสมาธิอยู่ แต่เพียงรดามองไม่เห็นใคร จึงคิดจะกลับ แต่เหมือนมีอะไรสักอย่าง
ผ่านเข้ามาในโสตประสาทหูของเธอทำให้เธอหันหลังกลับมาเดินหาต้นตอของเสียง เธอสังเกตได้ว่าตรงที่นั่งของแม่ชีมีนาฬิกาโบราณ
วางอยู่และเสียงที่เธอได้ยินนั้นคือเสียงเดินของนาฬิกาโบราณนั่นเอง
“เก็บไว้สิ มันเป็นของเธอ” เสียงแม่ชีพูดขึ้นจากด้านหลัง เพียงรดาสะดุ้งตกใจที่ได้ยินเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
“แต่”
“เก็บมันเอาไว้ อย่าถามถึงเหตุผล ฉันช่วยเธอได้แค่นี้” มีชีมองหน้าเพียงรดาอย่างจริงจัง
เพียงรดายกมือไหว้ก่อนที่จะสวมใส่นาฬิกานั้นไว้ที่คอของเธอ
“กลับเลยสินะ” แม่ชีถาม
“ค่ะดิฉันลาก่อนค่ะ”  เพียวรดาเอ่ยลา แม่ชีพยักหน้ารับ เพียงรดาหันหลังเดินกลับ

“เมื่อนาฬิกาหยุดหมุน ให้ไขลานแค่สองรอบ อย่าขาด อย่าเกิน”


เสียงแม่ชีบอก เพียงรดาหันกลับมาดู แต่ทว่าไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นเลยนอกจากเธอ เพียงรดารู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
    เพียงรดากลับมาที่พักพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจนจิราเห็นเพื่อนยืนหน้าถอดสี เลยถามด้วยความเป็นห่วง
เพียงรดาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจึงได้แต่เงียบ
“สร้อยสวยเนอะ” เจนจิราทักเมื่อเห็นสร้อยนาฬิกาโบราณของเพื่อนเธอ
“อืม รีบกลับกันเถอะแก กว่าจะถึง” เพียงรดาบอก ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันขึ้นรถกลับทันที
    เพียงรดากลับมาถึงคอนโดต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำ เพียงรดาเปิดโทรศัพท์เห็นข้อความของภีร์ชิตมากมายที่ส่งมาหาเธอ
เพียงรดายิ้มไปกับข้อความที่เธออ่าน สักพักภีร์ชิตโทรเข้ามาหาเธอ
ภีร์ชิตดีใจมากที่รู้ว่าอีกฝ่ายเปิดเครื่องแล้ว เพียงรดาลังเลใจที่จะรับสาย เธอได้แต่มองภาพสายเรียกเข้าที่โทรศัพท์
จนอีกฝ่ายถอดใจและวางสายไป
“สงสัยคงหลับไปแล้ว น่าน้อยใจชะมัด คุณน่าจะโทรกลับหาผมบ้างนะรดา” ภีร์ชิตบ่นอย่างน้อยใจ
    เพียงรดาอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังเข้านอน เธอเดินผ่านสร้อยนาฬิกาโบราณอย่างรู้แปลกๆยากที่จะอธิบายได้
เพียงรดาหยิบมันขึ้นมาดูอย่างสังเกตุ พลิกไปพลิกมาอยู่หลายรอบ ก่อนที่เธอจะเห็นความผิดปกติเพราะเข็มนาฬิกานั้นเดินถอยหลัง
เธอเริ่มใจคอไม่ดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่