นิยาย พิสูจน์รักข้ามเวลา บทนำ และ ตอนที่ 10 โดย ณ พัชระ

กระทู้สนทนา




คงไม่มีใครคาดคิด ว่าในหนึ่งปีจะมีมากกว่า 365 วัน เพียงรดาเองก็เช่นกัน ในวันที่เธอต้องการ "สารภาพรัก"
กับคนที่เธอพยายามผลักไส คนที่เห็นและรักเธอเพียงเพราะเธอเป็นเงาของใครอีกคนมาโดยตลอด
"เธอไม่ได้ความจำเสื่อม" "เธอไม่ได้แกล้งที่จะลืมเพื่อให้ชายคนนั้นต้องเจ็บช้ำ"
แต่เธอหาสาเหตุไม่ได้ว่า "เพราะอะไร" ภีร์ชิต นักแสดงที่มีชื่อเสียง ถึงได้รู้สึก "รัก" เธอมากมายขนาดนี้
"เธอจะสวมรอยเป็นใครคนนั้นของเขา... ดีไหม?"
และแล้วในวันที่เธอพร้อมให้ "หัวใจ" มาก่อน "เหตุผล"
กับเป็นวันที่อุบัติเหตุพราก "เธอ" ไปจาก "เขา" ในโลก "ปัจจุบัน" ตลอดกาล
แต่ "โชคชะตา" ไม่ได้ "โหดร้าย"
แค่พา "เธอ" ไปพบว่า "เขารักเธอ" เพราะเหตุใด?
เพียงรดา มี "โอกาสใช้ชีวิตในจุดเดิมอีกครั้ง 2 ปี"
กับ "เขา" ที่มีท่าที ห่างเหิน เย็นชา และ กวนประสาท ไม่มีความรู้สึก "รัก" เธอ แม้แต่น้อย
จาก "เขา" ที่เป็นฝ่ายเฝ้าตามหาเธอ กลับกลายเป็นเธอ "ที่ต้องเฝ้าตามเขา"

เรื่องราวจะลงเอยอย่างไร ?
ภีร์ชิตต้องเจ็บซ้ำสองหรือไม่ ?
เพียงรดาจะกลับมาโลกปัจุบันได้อีกครั้ง หรือ ร่างกายต้องสูญสลาย เพียงเพื่อต้องการปกป้องคนที่เธอรัก?
ลองติดตามดูนะค่ะ ^_^



ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/30471581
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/30475331
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/30479031
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/30482894
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/30487272
ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/30492193
ตอนที่ 7 http://ppantip.com/topic/30503825
ตอนที่ 8 http://ppantip.com/topic/30523537
ตอนที่ 9 http://ppantip.com/topic/30526970

ตอนที่ 10

ปี 2556
           ครอบครัวเพียงรดาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเธอ เจนจิราไปร่วมงานนี้ด้วย หญิงสาวใจลอยตลอดเวลาที่อยู่ในงาน นึกถึงแต่เรื่องของเพียงรดาที่ภีร์ชิตเล่าให้เธอฟัง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะเชื่อได้ เจนจิรานั่งอยู่ในสวนกลางวัด คิดทบทวนไปเรื่อยๆ
"วัด วัด แม่ชี ใช่แล้ว" เจนจิรานึกอะไรบางอย่างออก เธอรีบโทรศัพท์ไปหาภีร์ชิตทันที
          เจนจิราพาภีร์ชิตไปหาแม่ชีที่ลานปฏิบัติธรรม เพื่อถามเรื่องของเพียงรดา ภีร์ชิตจำได้ว่าเขาเคยตามเพียงรดามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน
เมื่อทั้งคู่ไปถึง แม่ชีก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่จะมาถามเรื่องอะไร
"ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาเถอะ" แม่ชีบอก
"นั่นแสดงว่า เธอยังไม่ตายใช่มั้ยครับ" ภีร์ชิตถามอย่างมีความหวังสุดชีวิต
แม่ชีมองหน้าเขา ด้วยใบหน้าที่นิ่ง เหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง
"แล้วคุณช่วยเธอไว้ ได้ทัน หรือเปล่า" แม่ชีถามแบบแฝงนัยยะ
ภีร์ชิตแปลกใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
"ทันครับ" เขาตอบ เจนจิราไม่ค่อยเข้าใจที่ทั้งคู่โต้ตอบกัน แต่พยายามเรียบเรียงเรื่องราว
"เธอจะได้กลับมาหรือเปล่าครับ" ภีร์ชิตถาม
"อย่างที่ฉันบอก ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาเถอะ" แม่ชีบอกอย่างสงบนิ่ง แค่นี้ก็ทำให้ภีร์ชิตพอจะมีหวังขึ้นมาบ้าง
เมื่อภีร์ชิตและเจนจิรากลับไปแล้ว แม่ชีนั่งมองนาฬิกาโบราณที่กลับมาอยู่ที่เดิม แม่ชีพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"คงยังไม่ถึงเวลาของเธอสินะ" แม่ชีพูดกับนาฬิกาเรือนนั้น นาฬิกาเหมื่อนมีการตอบสนองด้วยการส่องแสงแวววาวขึ้นมา
         เจนจิรานั่งคุยกับภีร์เรื่องของเพียงรดาเพื่อให้หายข้อข้องใจ
"ถ้าเรื่องที่คุณบอกฉันเป็นเรื่องจริง นั่นก็หมายความว่า ตอนนี้เพียงรดา ย้อนเวลากลับไปเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว"
"ครับ"
"เหลือเชื่อมาก ฉันคิดว่าจะมีแต่ในละครเรื่องทวิภพซะอีก"
"ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ถ้ารดาไม่บังเอิญใส่ชุดนั้นเป็นชุดสุดท้าย และเราก็หาศพของเพียงรดาไม่เจอ ถึงแม้ว่าใครจะคิดว่า โดนเผาไปกับซากรถแล้วก็ตาม" ภีร์ชิตอธิบาย
"แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป"
"รอครับ เราคงได้แต่รอเวลา ผมเชื่อว่าปาฏิหาริย์ จะทำให้เธอกลับมา"
ทั้งเจนจิราและภีร์ชิตต่างมองหน้ากันอย่างมีความหวัง แต่ต้องรออีกนานเท่าไหร่นี่สิ คือสิ่งที่ทั้งคู่หวั่นใจ

ปี 2553

         วันนี้เพียงรดาต้องลุยเดี่ยวทำงานกับภีร์ชิตเพียงลำพัง ภีร์ชิตมีนัดฟิตติ้งละคร มีประชุมบท เข้าไปคุยเรื่องงานอีเวนท์
เพียงรดาพยายามควบคุมเวลาให้ตรงกับแผนงาน แต่เธอลืมสมุดคิวไว้ที่คอนโด เธอเลยนั่งจดรายละเอียดของงานอีกครั้ง
เธอจดเรื่องเวลาพลาด แต่โชคดีที่ว่า ภีร์ชิตเองก็มีสมุดคิวงานของเขาเองอยู่เช่นเดียวกัน
"คุณรู้หรือเปล่า หน้าที่ของคุณ การรักษาเวลา มันสำคัญมากแค่ไหน" เขาตำหนิเธอ
"ฉันขอโทษ" เพียงรดาสำนึกผิด
"แล้วสมุดคิวงานที่พี่เอมให้คุณอยู่ที่ไหน"
"ฉันลืมอยู่ที่คอนโด" เพียงรดาตอบอย่างเสียงอ่อย
ภีร์ชิตได้ยินอย่างนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ
"ให้มันได้อย่างนี้สิ คุณรู้มั้ยความผิดร้ายแรงของคนทำอาชีพอย่างคุณคืออะไร"
เพียงรดาได้แต่เงียบ
"มันคือสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่" ภีร์ชิตบอก พร้อมกับส่งกระเป๋าของเขาให้เธอ
"ในนี้มีของส่วนตัวของผม คุยสามารถเปิดมันได้ ทุกอย่าง ยกเว้น โทรศัพท์มือถือ" ภีร์ชิตบอกอย่างหัวเสียก่อนจะเดินกลับไปทำงาน
          เพียงรดาเปิดกระเป๋าของภีร์ชิตเพื่อหาสมุดคิว เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นของส่วนตัวของเขา เพียงรดาเปิดสมุดคิวของภีร์ชิตที่ละหน้า
เหมือนต้องการซึมซับนิสัยของเขา ความรู้สึกที่เธอมีให้เขามันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงรดาได้แค่คิด
แล้วก็เหนื่อยใจ จะมีทางไหนที่เธอสามารถกลับไปที่โลกปัจจุบันได้
          เพียงรดาไปหาซื้อกาแฟให้ภีร์ชิต ระหว่างเดินกลับ ด้วยความที่เธอไม่ทันได้สังเกตุทำให้เธอเดินชนกับคนหนึ่งเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"คุณอาร์ท" เพียงรดาเอ่ยทักเพราะเธอจำเขาได้ ในขณะที่อัศนัยมองเธออย่างงงๆ เพราะในตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นนักแสดงเต็มตัว
เพียงรดามองอัศนัยอย่างอายๆเพราะไม่คิดว่าเขาจะได้เจอเธอในสภาพที่เป็นทอมแบบนี้
"เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ" อัศนัยถามเพราะเห็นท่าทีของเพียงรดาเหมือนทั้งคู่รู้จักกัน เพียงรดาตบหัวตัวเองเบาๆ
"โอ้ย ผมลืมไป เรายังไม่รู้จักกันหรอก" เพียงรดาบอก เธอเผลอลืมไปว่าเธออยู่โลกอดีต
"ยังไม่รู้จัก ทำไมต้องมี ยัง ด้วยหละครับ" อัศนัยถามอย่างขำๆ
"ก็เดี๋ยวสักวันวันเราคงได้รู้จักกันหนะครับ อย่างไปสนใจเลย ผมต้องขอโทษ ไม่รู้ทำคุณเจ็บหรือเปล่า" เพียงรดาบอกด้วยเสียงห้าว
"ไม่เป็นไร คุณเนี่ยมนุษย์สัมพันธ์ดีจังเลยนะครับ แต่น่าเสียดาย"
"เสียดายอะไร"
"ถ้าคุณเป็นผู้หญิง คุณคงน่ารักมาก" อัศนัยบอกตามตรง เพียงรดาอายหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่พยายามทำขรึมเพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ทอม
"แหม คุณก็พูดไป เราสองคนชอบผู้หญิงเหมือนกัน คุณรู้อยู่แล้วก็อย่ามาแซว เกิดผมเปลี่ยนใจขึ้นมา คุณยุ่งแน่คราวนี้" เพียงรดาแถ
"ครับผมรู้ แต่ยังคงสงสัยอยู่"
"สงสัยว่า"
"ผู้ชายไม่ดีตรงไหน" อัศนัยถามตามตรง เพียงรดาได้แต่ยิ้มเขิน
"ขออย่างนี้มันเปลี่ยนกันได้ คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ผมขอตัวก่อน" เพียงรดาบอกก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปอีกทาง
          ภีร์ชิตนั่งรอกาแฟอย่างหัวเสีย เขาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เพราะอีกไม่กี่นาทีเขาต้องเข้าประชุมแล้ว ภีร์ชิตพยายามชะเง้อหา ไม่นานนัก
ก็เห็นเพียงรดารีบเดินมาพร้อมกาแฟที่ซื้อมา เขาปั้นหน้าเหวี่ยงใส่หญิงสาวทันที
"ถ้าผมสั่งกาแฟร้อน ป่านนี้ก็คงเย็นหมดแล้ว" ภีร์ชิตพูดใส่หน้าเธอทันทีที่เดินเข้ามาใกล้ เพียงรดารับรู้ได้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี
"คุณนี่ไม่รู้จักรักษาเวลาเลยนะ วันนี้เป็นวันอะไร คุณถึงทำให้ผมอารมณ์เสียได้ตลอด"
"หยุดเหวี่ยงสักทีนะค่ะ คุณภีร์ชิต ถ้าฉันผิดฉันก็ขอโทษ แต่ฉันไม่เข้าใจ คุณจะพูดดีๆกับฉันบ้างไม่ได้เลยหรือค่ะ" เพียงรดาเริ่มตัดพ้อ
"พูดดีดี ทำไมหละ นี่เราอยู่ในฐานะอะไรคุณลืมไปแล้วหรอ" ภีร์ชิตถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เพียงรดาอึ้งในคำถาม แต่เธอก็ต้องยอมรับความเป็นจริงตอนนี้ให้ได้
"นายจ้างกับลูกจ้าง" เพียงรดาตอบอย่างแผ่วเบา
"ดี รู้ตัวก็ดีแล้ว" ภีร์ชิตบอกกับเพียงรดาก่อนจะหยิบกาแฟเย็นที่มือของเพียงรดา เข้าหันหลังให้เธอแต่ก่อนที่เขาจะเข้าห้องประชุม
ภีร์ชิตได้หันมาบอกเพียงรดาว่า
"ถ้าคุณทำดี ผมก็ชม แต่เมื่อคุณทำพลาด ผมก็ต้องว่า มันเป็นเรื่องปกติของคนทำงานไม่ใช่หรอ" ภีร์ชิตพูดจบก็เดินเข้าห้องประชุมทันที
เพียงรดาเข้าใจความหมายในสิ่งที่ภีร์ชิตบอกกับเธอ ความมีเหตุผลและความตรงไปตรงมาของเขา ทำให้เธอรูัสึกในบางครั้งได้ว่า
"ในความปากร้ายของเขา มีความจริงใจและอ่อนโยนซ่อนอยู่"
          เพียงรดานั่งรอภีร์ชิตอยู่ด้านนอก ความเพลียทำให้เธอเผลอหลับไปที่โซฟา ภีร์ชิตที่นั่งประชุมอยู่ด้านในเห็นทุกการกระทำของเธอ
เพราะกระจกห้องประชุมนั้นเป็นกระจกใส เขาเห็นเพียงรดาที่กำลังหลับอยู่ก็อดนึกเห็นใจไม่ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานพลาด
แต่เขาก็รับรู้ถึงความพยายามของเธอที่จะทำให้งานออกมาดี
          ในช่วงพักเบรก ก่อนประชุมรอบที่ 2 จะเริ่มขึ้น ภีร์ชิตออกมาดูเพียงรดาที่หลับอยู่ด้านนอก เขาถอดเสื่อแขนยาวที่ใส่อยู่
แล้วนำมาห่มให้กับเธอ
"เหนื่อยหน่อยนะ" ภีร์ชิตบอกกับเพียงรดาที่กำลังหลับอยู่ ก่อนจะเดินเข้าห้องประชุม เพียงรดาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ มองแผ่นหลังของภีร์ชิต
ที่ห่างไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ เพราะในท่าทีที่เย็นชาอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ใจร้ายกับเธอไปซะทีเดียว
    เพียงรดาสารภาพเรื่องที่เธอทำงานพลาดให้เอกมลฟังที่คอนโด เธอพร้อมที่จะพิจารณาตัวเองถ้าเขาต้องการ
“พี่ไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้นหรอก”
“ทำไมค่ะ” เพียงรดาถามด้วยความสงสัย
“เพราะภีร์เป็คคนรับเธอเข้าทำงาน แล้วมาฝากไว้กับพี่เท่านั้น ถ้าคนที่จะไล่รดาออกได้ คงมีภีร์คนเดียวหละมั้ง” เอกมลบอกก่อนที่จะขอตัวเข้าไปนอน เพียงรดายังคงนั่งอยู่ที่เดิม พยายามคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ป่านนี้ชีวิตเธอในปี 2556 จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

ปี 2556
          ที่กองละครของภีร์ วิจิตรายังไม่มีคิวถ่าย จึงเดินออกมารับลมด้านนอก ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา
“คุณ เรื่องค่าจ้างผม อีกครึ่งหนึ่งเมื่อไหร่จะได้” อีกฝ่ายเอ่ยถามทันทีที่เธอรับสาย
“แต่แกทำงานพลาด ฉันให้แค่ไปขู่ ว่าให้เลิกยุ่งกับภีร์ แต่แกทำให้ยัยเพียงรดานั่นตกเขาตาย ฉันบอกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าโทรมา ทำไมพวกแกไม่ไปกบดานกันไกลๆซะ จะได้ไม่ต้องสาวมาถึงฉันได้” วิจิตรดาบอกอย่างอารมณ์เสีย
“ก็เงินมันหมดหนะคุณ” อีกฝ่ายย้ำเจตนาที่แน่ชัด
“ฉันยุ่งอยู่ ไม่มีเวลาไปไหนหรอกตอนนี้” วิจิตราบอก
“หรอ แล้วไอ้ที่ นั่งเล่นและคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกตอนนี้มันหมายความว่ายังไง” อีกฝ่ายถาม
วิจิตราเริ่มใจคอไม่ดีเพราะเธอเหมือนตัวเองนั้นกำลังถูกจ้องมองตลอดเวลา
"แกอยู่ที่นี้ใช่มั้ย" วิจิตราถามอย่างหวั่นๆ
"แหม คุณก็น่าจะรู้อยู่ คนสวยอย่างคุณเนี่ย ความฉลาดคงมีอยู่บ้าง ก็น่าจะรู้นะ ว่าตอนนี้ คุณควรทำอะไร" อีกฝ่ายพูดจริงจัง
ทำให้วิจิตราเริ่มรู้สึกกลัว
"แกต้องการเท่าไหร่" ในทีสุดวิจิตราต้องยอมทำตาม อีกฝ่ายยิ้มอย่างพอใจ วิจิตรายืนหัวเสีย โดยที่ไม่รู้ว่า อัศนัยนั้นรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว

ปี 2553
          เอกมลไปหาภีร์ชิตที่ห้องเพื่อคุยเรื่องคิวงานต่างๆ และเผลอคุยเรื่องของเพียงรดาที่พร้อมจะออกได้ทุกเมื่อหากเขาเห็นว่าเหมาะสม
"เก่งแล้วนี่ครับ คงหายดีแล้ว ถึงได้นึกอวดเก่งขึ้นมา" ภีร์ชิตพูดประชดอย่างไม่พอใจ แต่เขาก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมเขาต้องรู้สึกแบบนี้
"ก็เพราะ ปากภีร์เป็นอย่างนี้ไง พี่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ตอนแรกพี่คิดว่าภีร์เห็นใจเค้า สงสารเค้า แต่ตอนนี้ภีร์ทำให้พี่คิดว่าภีร์ เกลียดขี้หน้ายัยนั่นขึ้นมาอย่างไรไม่รู้" เอกมลถามอย่างสงสัย
"เปล่านี่ครับ" ภีร้ชิตบอก
"แล้วภีร์เป็นอะไร ทำไมถึงทำแบบนี้ พี่ว่าจะลาพักร้อนสักหน่อย ถ้ายัยนั่นออกไป สงสัยงานนี้พี่คงแห้ว" เอกมลพูดเชิงตัดพ้อ ภีร์ขิตเข้าใจที่ผู้จัดการของเขาพูดดี เพียงแต่เขาหาสาเหตุไม่ได้เท่านั้น ยิ่งเขาอยู่ใกล้เธอมากเท่าไหร่ ใจของเขาบอกให้อยู่ห่างจากเธอให้มากขึ้นเท่านั้น
หรืออาจเป็นเพราะ เขากลัวการที่จะเปิดใจเพราะนั่นนำมาซึ่งการแพ้ใจตัวเองในที่สุด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่