นิยาย พิสูจน์รักข้ามเวลา บทนำ และ ตอนที่ 6 โดย ณ พัชระ

กระทู้สนทนา




คงไม่มีใครคาดคิด ว่าในหนึ่งปีจะมีมากกว่า 365 วัน เพียงรดาเองก็เช่นกัน ในวันที่เธอต้องการ "สารภาพรัก"
กับคนที่เธอพยายามผลักไส คนที่เห็นและรักเธอเพียงเพราะเธอเป็นเงาของใครอีกคนมาโดยตลอด
"เธอไม่ได้ความจำเสื่อม" "เธอไม่ได้แกล้งที่จะลืมเพื่อให้ชายคนนั้นต้องเจ็บช้ำ"
แต่เธอหาสาเหตุไม่ได้ว่า "เพราะอะไร" ภีร์ชิต นักแสดงที่มีชื่อเสียง ถึงได้รู้สึก "รัก" เธอมากมายขนาดนี้
"เธอจะสวมรอยเป็นใครคนนั้นของเขา... ดีไหม?"
และแล้วในวันที่เธอพร้อมให้ "หัวใจ" มาก่อน "เหตุผล"
กับเป็นวันที่อุบัติเหตุพราก "เธอ" ไปจาก "เขา" ในโลก "ปัจจุบัน" ตลอดกาล
แต่ "โชคชะตา" ไม่ได้ "โหดร้าย"
แค่พา "เธอ" ไปพบว่า "เขารักเธอ" เพราะเหตุใด?
เพียงรดา มี "โอกาสใช้ชีวิตในจุดเดิมอีกครั้ง 2 ปี"
กับ "เขา" ที่มีท่าที ห่างเหิน เย็นชา และ กวนประสาท ไม่มีความรู้สึก "รัก" เธอ แม้แต่น้อย
จาก "เขา" ที่เป็นฝ่ายเฝ้าตามหาเธอ กลับกลายเป็นเธอ "ที่ต้องเฝ้าตามเขา"

เรื่องราวจะลงเอยอย่างไร ?
ภีร์ชิตต้องเจ็บซ้ำสองหรือไม่ ?
เพียงรดาจะกลับมาโลกปัจุบันได้อีกครั้ง หรือ ร่างกายต้องสูญสลาย เพียงเพื่อต้องการปกป้องคนที่เธอรัก?
ลองติดตามดูนะค่ะ ^_^


Cr. คุณ B Beta



ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/30471581
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/30475331
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/30479031
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/30482894
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/30487272

ตอนที่ 6
          
          อัศนัยถือโอกาสที่วันนี้ที่กองถ่ายเลิกกองเร็วขึ้น จึงออกปากชวนเพียงรดาไปทานข้าว เพียงรดาที่กำลังหิวอยู่พอดีจึงตกปากรับคำไป
ภีร์ชิตที่แอบฟังอยู่เขาเริ่มรู้สึกหวงเพียงรดาอย่างบอกไม่ถูก เขาจึงถ่วงเวลาให้เพียงรดาทำงานนานขึ้นเพราะซีนสุดท้ายเขาแกล้งแสดงไม่ผ่าน
ทำให้ผู้กำกับต้องถ่ายใหม่อีกหลายรอบ ภีร์ชิตยกมือไหว้ขอโทษผู้กำกับ
“ผมรู้สึกปวดท้องครับ ผมขอโทษจริงๆ” ภีร์ชิตเอ่ยขอโทษกับทีมงานด้วยเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นพักสักครู่ ค่อยถ่ายต่อแล้วกัน” ผู้กำกับบอกอย่างไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เพียงรดาเห็นอย่างนั้นก็ได้แต่หนักใจเพราะนัดกับอัศนัยไว้แล้ว  สิ่งที่เพียงรดาทำได้คือเดินหน้าเศร้าเข้ามาหาอัศนัยที่ลานจอดรถ
ด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“ฉันคงไปกับคุณอาร์ทไม่ได้แล้วหละค่ะ” เพียงรดาบอก
“ทำไมครับ” อัศนัยถามอย่างใจเสีย
“งานยังไม่เสร็จ คุณภีร์ชิตเกิดปวดท้องขึ้นมา เลยต้องหยุดถ่าย แต่อีกสักพักคงถ่ายต่อ คงใช้เวลานานเหมือนกัน เอาไว้โอกาสหน้านะค่ะ”
เพียงรดาอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น อัศนัยถอนหายใจด้วยความรู้สึกเสียดายมากเพราะเขาได้จองโต๊ะทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว
    เพียงรดากลับเข้ามาทำงาน ภีร์ชิตเห็นรถอัศนัยขับออกไปแล้วก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ภีร์ชิตตั้งใจถ่ายจนเสร็จแบบเทคเดียวผ่าน
จนทีมงานยังแปลกใจ ภีร์ชิตจึงถือโอกาสนี้เลี้ยงข้าวตอบแทนทุกคนที่ทำให้ต้องเลิกกองช้ากว่าปกติ เพียงรดาต้องไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะทีมงานที่เหลือต่างไปกันหมด
“คุณจะไม่ไปก็ได้นะ” ภีร์ชิตพูดขึ้นที่เห็นเพียงรดาเก็บของอย่างเซ็งๆ
“ตอนนี้ฉันกำลังมีข่าวไม่ดีกับคุณอยู่ ถ้าฉันไม่ไปคนเค้าก็เอาไปนินทากันอีก ไปไปอย่างนี้แหละ กินเข้าวแล้วก็จบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ”
หญิงสาวตอบแบบไม่มองแม้แต่หน้าคนถาม เพียงรดาเก็บของให้ไวขึ้นเพื่อต้องการเลี่ยงออกไปไม่อยากอยู่ใกล้ภีร์ชิต
“รังเกียจ กันจังเลยนะ” ภีร์ชิตถามอย่างน้อยใจ
“ใครกันแน่ ฉันทำแบบนี้เพื่อความสบายใจของคุณไงหละค่ะ” เพียงรดาเริ่มสับสนกับท่าทีของเขา
“หมายความว่ายังไง” ภีร์ชิตชักสีหน้าไม่พอใจ


“ฉันรู้ดีค่ะ ถ้าฉันอยู่ใกล้คุณ คุณก็ลำบากใจ ฉันได้งานนี้ทำเพราะความเข้าใจผิดของคุณ ตอนนี้คุณเข้าใจทุกอย่างแล้ว
จะให้ฉันออกก็ทำไม่ได้เพราะงานยังไม่เสร็จ แถมยังมีสัญญานั่นอีก เท่านั้นไม่พอฉันยังทำเรื่องให้คุณไม่พอใจ
เหมือนผู้หญิงแย่ๆคนหนึ่งที่ต้องการเรียกร้องความสนใจจากคุณ เหตุผลเท่านี้คงเพียงพอแล้วนะค่ะ
ที่ฉันคิดว่าเราต่างคนต่างอยู่กันดีกว่า”



เพียงรดาพูดระบายความรู้สึกของเธอ
“ผมขอโทษ” ภีร์ชิตพูดอย่างแผ่วเบา
“คุณว่าอะไรนะค่ะ” เพียงรดาได้ยินได้ไม่ถนัด
“ผมบอกว่าผมขอโทษ” ภีร์ชิตมองหน้าเพียงรดาอย่างจริงจัง

"_______"  ทั้งคู่มองหน้ากัน ทุกสิ่งรอบข้างเงียบจนหน้ากลัว

“เรื่องอะไรค่ะ”  
“เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด เป็นเพราะผม ทำให้เราทั้งสองคนต้องรู้สึกแบบนี้”
“รู้สึก...แบบไหน” เพียงรดาถามเพราะอยากรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของอีกฝ่าย
“รู้สึกผิด ผมรู้สึกผิดที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้”
เพียงรดาผิดหวังในคำตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นความรู้สึกของคุณแค่ฝ่ายเดียว อย่ารวมฉันเข้าไปด้วย”
“คุณหมายความว่ายังไง” ภีร์ชิตถามเพราะอยากรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายเช่นกัน
เพียงรดามองหน้าภีร์ชิตก่อนจะตอบอย่างหวั่นใจว่า
“ฉันไม่เคยรู้สึกผิดที่ได้รู้จักคุณ และไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ผิดอะไรด้วย”

ภีร์ชิตมองหน้าเพียงรดาอย่างไหวหวั่น เพียงรดาเองก็หวั่นไหวไปกับสายตาที่จ้องมองของเขา

“ฉันหมายถึง เป็นเพราะคุณทางบริษัทฉันเลยเพิ่มโบนัสให้ฉันเป็นกรณีพิเศษ ที่ได้สัญญาการทำงานนี้”
เพียงรดาพูดไปอีกทางเพื่อไม่ต้องการให้ภีร์ชิตรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ
“ผลประโยชน์ อย่างนั้นสินะ”ภีร์ชิตพูดอย่างผิดหวังและน้อยใจ
เพียงรดาไม่ตอบเธอได้แต่พยักหน้ารับเบาๆเพื่อโกหกคนที่อยู่ตรงหน้า
ภีร์ชิตมองหน้าเพียงรดาอย่างเข้าใจเธอผิด ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเดินออกออกจากห้องนั้นไปอย่างผิดหวัง
    เพียงรดากลับมาถึงที่คอนโดหญิงสาวทิ้งตัวลงอย่างอ่อนล้า พยามยามคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมารวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านอาหารวันนี้
สายตาของภีร์ชิตที่ดูห่างเหิน ท่าทางที่เย็นชา ทำให้เธอเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก

“ดีแล้วที่เป็นแบบนี้ มันสมควรต้องเป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว”
เพียงรดาบอกกับตัวเองทั้งน้ำตา และตัวเธอเองนั้นก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ว่า  เธอร้องไห้เพราะอะไร
          ทางด้านภีร์ชิตตัวเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เขารู้สึกผิดกับพียงรดาที่เขาตามหาและเขาก็รู้สึกผิดกับเพียงรดาอีกคนที่เขาพยายาม
ยัดเหยียดให้เธอเป็น ภีร์ชิตคิดถึงเพียงรดาจนนอนไม่หลับทั้งคืน เขาเหลือบมองนาฬิกาแล้วก็ถอนหายใจอย่างอ่อนล้า
เพราะเช้านี้เขามีงานแต่เช้า
    เจนจิราตื่นขึ้นมาตอนเช้าเดินออกมาจากห้องเห็นเพื่อนของตัวเองนอนอยู่ที่โชฟาจึงปลุกให้ตื่นเพื่อที่จะได้เข้าไปนอนในห้อง
เมื่อเพียงรดาตื่นขึ้นมาเห็นหน้าเพื่อนก็รีบโผเข้ากอด
“แก” เพียงรดาพูดขึ้น
“มีเรื่องไม่สบายใจอีกหละสิ” เจนจิราถามอย่างรู้ทัน
“จะเล่าเลยมั้ย” เจนจิราถามเพื่อนของเธอ
เพียงรดาได้แต่ก้มหน้านิ่ง
“ฉันไม่รู้จริงๆแก ไม่รู้ความรู้สึกของตัวเอง ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าให้แกฟังจากตรงไหน” เพียงรดาบอกกับเพื่อนอย่างสับสน
เจนจิราตบบ่าเพื่อนอย่างเข้าใจ
“พร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยเล่านะ ตอนนี้แกเข้าไปนอนพักซักหน่อย ใกล้ถึงเวลานัดกองเดี๋ยวเราปลุก” เพียงรดาพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าห้องไป
    ภีร์ชิตมาถ่ายแบบให้นิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่ง แม้เขาพยายามทำงานชิ้นนี้อย่างเต็มที่ แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของช่างภาพ
ทำให้ต้องมีการพักกองกะทันหัน ชะเอมผู้จัดการและพี่ชายที่เข้าใจภีร์ชิตมากที่สุด ส่งกาแฟที่ถือมาให้ภีร์ชิต
“สักหน่อย เผื่อจะดีขึ้น”
“ผมต้องขอโทษจริงๆครับพี่”
ชะเอมมองหน้าอย่างเข้าใจ
“ไม่ได้นอนเลยหละสิเมื่อคืน คงคิดเรื่องยัยเพียงรดานั่นอีกแล้วสินะ”
“ครับพี่ ผมอธิบายไม่ถูกจริงๆ ทั้งรู้สึกผิด ทั้งรัก ทั้งคิดถึง แต่เพราะเค้าไม่ใช่ ผมเลยรู้สึกผิดมากกว่า” ภีร์ชิตเริ่มเล่าความรู้สึกของเขา
“พี่เข้าใจ ใช่ว่าพี่ไม่คิดถึงนะ แต่พี่รู้ว่าคนนี้ไม่ใช่ ต่อให้ยัดเยียดอย่างไร คนที่ไม่ใช่ก็มาแทนที่คนของเราไม่ได้อยู่ดี” ชะเอมบอก


“แต่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ที่ผมรู้สึกผิดคือกับเพียงรดาคนเดิม
เพราะกับคนนี้ทำให้ผมเกิดความรู้สึกอย่างจะรักใครสักคนขึ้นมาอีกครั้ง”



“ภีร์” ชะเอมอุธานขึ้นมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาเริ่มจะไม่เข้าใจความรู้สึกของภีร์ชิต
“ผมรู้สึกกับเพียงรดาคนนี้ไม่น้อยไปกว่าคนเดิม ฟังอาจดูแย่นะครับพี่ แต่ผมไม่อยากสูญเสียอะไรไปอีกแล้ว” ภีร์ชิตบอกอย่างจริงจัง
“ภีร์ไม่ได้คิดจะทำอะไรอยู่ใช่ไหม แล้ววิจิตราหละ สัญญาโฆษณาคู่กันก็ยังไม่หมด ละครก็ยังถ่ายไม่จบ
ทางฝ่ายพีอาร์เค้าโปรโมตเรื่องภีร์กับยัยตาหมดไปเท่าไหร่แล้ว คิดถึงผู้ใหญ่ไว้บ้างนะภีร์”  ชะเอมพยายามเตือนสติภีร์ชิตด้วยความเป็นห่วง
ภีร์ชิตได้ยินอย่างนั้นเขาได้แต่ถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยไปทั้งกายและใจมากขึ้นกว่าเดิม
    
           เจนจิราต้องการช่วยเพื่อนให้พ้นจากความรู้สึกที่เป็นอยู่ จึงชวนเพียงรดาไปเที่ยว แล้วเตรี้ยมกับคุณอาร์ทให้เจอกันระหว่างทาง
ให้เหมือนว่าเป็นการบังเอิญที่ได้เจอกัน
“พรหมลิขิต จริงๆเลยแก” เจนจิราบอกเพื่อนของเธอ
“แกลิขิต ต่างหากหละ” เพียงรดามองเพื่อนอย่างรู้ทัน อัศนัยหน้าเสียที่ถูกจับได้แต่อย่างไรซะอัศนัยก็ได้เที่ยวกับสองสาวอย่างขัดไม่ได้
ทั้งสามไปเที่ยวที่หัวหิน เจนจิราสั่งอาหารทะเลมาเต็มโต๊ะเพื่อเอาใจเพียงรดา
“อย่างนี้ที่เค้าว่ากันว่า ผู้หญิงเวลามีเรื่องไม่สบายใจ จะมาลงที่อาหาร สงสัยจะเป็นเรื่องจริง” อัศยันแกล้งแซวเพียงรดา
เพียงรดายิ้มไม่ตอบ เสียงโทรศัพท์ของอัศนัยดังขึ้น ผู้จัดการกองถ่ายโทรเข้ามา อัศนัยจึงลุกออกจากโต๊ะไปคุยข้างนอก
         ผู้จัดการกองถ่ายโทรมาเรื่องคิวที่ต้องถ่ายซ่อมแล้วทั้งคู่คุยกันเรื่องมาเที่ยวของอัศนัยกับเพียงรดาสักพักก่อนที่จะวางสายไป
หลังจากนั้นผู้จัดการกองถ่ายได้โทรเข้าหาภีร์ชิตด้วยเรื่องเดียวกัน
“ครับพี่” ภีร์ชิตรับทราบเช่นเดียวกัน
“เสียงภีร์ดูเครียดๆนะ หาเวลาไปผักผ่อนซะบ้าง ดูอย่างอาร์ทสิ ป่านนี้น้ำทะเลหัวหินคงเปลี่ยนเป็นสีชมพูไปหมดแล้ว”
“จริงหรอครับ สงสัยเค้าคงมีความรักแล้วมั้งครับ” ภีร์ชิตพูดอย่างไม่รู้ความจริง
“งานนี้อาร์ทต้องขอบคุณภีร์อย่างงามๆนะ”
“ทำไมครับพี่”
“ก็ภีร์เป็นคนทำให้เค้าทั้งสองคนรู้จักไง” ผู้จัดการกองถ่ายยังคงเม้าท์ต่อ
“ใครครับ” ภีร์ชิตเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี
“ก็เพียงรดาช่างภาพของกองเราไง เหมาะสมกันดีเนอะ” ผู้จัดการกองถ่ายออกความคิดเห็น
ภีร์ชิตได้ยินอย่างนั้น เขารู้สึกจุกจนพูดไม่ออก
“ภีร์ ภีร์ ยังฟังพี่อยู่หรือเปล่า” อีกฝ่ายถามเมื่อเห็นภีร์ชิตเงียบไป
“แค่นี้ก่อนนะครับพี่ ผมมีสายเข้า” ภีร์ชิตบอกปัดก่อนที่จะกดวางสายไป
เขาทรุดตัวนั่งอย่างอ่อนใจ ความรู้โกรธและน้อยใจต่างพรั่งพรูมาที่เขา

“ไอ้เราก็คิดถึงจนแทบจะเป็นบ้า แต่คุณกลับไปสนุกกับผู้ชายอีกคน คุณใจร้ายมากเลยนะ รดา”

ภีร์ชิตบ่นกับตัวเองอย่างเจ็บปวด      ภีร์ชิตไม่ยอมให้เรื่องเป็นอย่างนี้ เขาเลยชวนวิจิตราแล้วรีบตามไปที่หัวหินทันที

          เจนจิราและภีร์ชิตชวนเพียงรดาไปเล่นน้ำทะเล เพียงรดาไม่อยากลงน้ำแต่เลี่ยงไม่ได้

"เล่นด้วยคนสิ"    ทั้งสามหันหน้าไปทางเสียงที่พูดแทรกขึ้นมา
ภีร์ชิตเดินเข้ามาพร้อมกับวิจิตรา วิจิตราควงแขนภีร์ชิตอย่างสนิทสนม เพียงรดาได้แต่มองภาพนั้นอย่างเจ็บแปลบในหัวใจ
"อ้าว ไอ้ภีร์ ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้วะ" อัศนัยบอกอย่างไม่เชื่อสายตา
"นั่นสิ กล้ม กลมนะค่ะ" วิจิตราตอบแทนอย่างอารมณ์ดี
เจนจิราได้แต่มองหน้าเพื่อนอย่างเห็นใจ
"แกไม่ต้องเล่นก็ได้นะ จะกลับห้องก่อนมั้ย" เจนจิรากระซิบถามเพื่อน เพียงรดาพยายามแกล้งยิ้มกลบเกลื่นความรู้สึก
"มาถีงนี่แล้วนิ เราตั้งใจมาเล่นน้ำกันไม่ใช่หรอ ไปเล่นกันเถอะค่ะคุณอาร์ท" เพียงรดาไม่พูดเปล่าหญิงสาวดึงมืออัศนัยแล้วเดินไปด้วยกัน
ภีร์ชิตเห็นอย่างนั้นได้แต่ชักสีหน้าเพราะอารมณ์ของเขาเริ่มจะไม่ค่อยดีแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่