เซ็นรับคำสั่งเป็นผู้ต้องหา อนาคตกลายเป็นปัญหา กับคดีที่มีโทษถึงประหารชีวิต

พญาไม้
pradej@hotmail.com

สัปดาห์นี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน วันนี้เมื่อปี 2553 กรุงเทพฯ มี สงครามกลางเมือง คนหลายพันคนบาดเจ็บ เกือบร้อยรายเสียชีวิต เพราะการหวง อำนาจ ของคนมีอำนาจที่ปฏิเสธการมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญของประชาชน

ในที่สุดของที่สุดก็เหมือนกับทุกๆ ครั้ง ฝ่ายประชาชนผู้เรียกร้องได้รับชับชนะ การเลือกตั้ง กลับมาใหม่ แต่ที่เปลี่ยนไปแปลกไป คือ ผลของการเลือกตั้ง พรรคที่อยู่ข้างคนตายคนบาดเจ็บ ได้รับ ชัยชนะ อย่างท่วมท้นล้นประวัติศาสตร์ ปรากฏการณ์นี้น่าจะอธิบายได้ว่าสงครามกลางเมืองคราวที่ผ่านน่าจะเป็นสงครามกลาง เมืองครั้งสุดท้าย

วันที่ 14 พฤษภาคม 2553 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่งตระหง่านเป็น ประธานศอฉ. ท่ามกลางขุนทหาร เพียบด้วยกำลังรบในชุดครบสงครามของไพร่พล 14 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเดียวกัน ไปเซ็นรับคำสั่งเป็น ผู้ต้องหา อนาคตกลายเป็นปัญหา กับคดีที่มีโทษถึงประหารชีวิต

จุดพลิกผัน คืนนั้นวันที่ จตุพร พรหมพันธุ์ กับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประกาศ เลิกการชุมนุม หยุดการตายเพิ่มของประชาชน ถ้า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งถอนกำลังตำรวจทหาร ไม่สั่งกระชับพื้นที่ เหตุการณ์จะพลิกผันไปอีกแบบ การเมืองจะเปลี่ยนไปอีกแบบ........


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk9EZ3dOVEEyTVE9PQ==&sectionid=


                                              ????????????????????????????????????????


"........14 พฤษภาคม 2553 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่งตระหง่านเป็น ประธานศอฉ. ท่ามกลางขุนทหาร เพียบด้วยกำลังรบในชุดครบสงครามของไพร่พล

14 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเดียวกัน ไปเซ็นรับคำสั่งเป็น ผู้ต้องหา อนาคตกลายเป็นปัญหา กับคดีที่มีโทษถึงประหารชีวิต......."


มันก็เป็นไปเช่นนั้นกับผลของการไม่มีสามัญสำนึก  ไม่รู้จักความรับผิดชอบชั่วดี  ไม่รู้จักคิดเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ไม่รู้จักคุณค่าของ "ชีวิต" เพื่อนร่วมแผ่นดินที่ตัวเองได้ลงนามสั่ง "ฆ่า" อย่างไม่สะทกสะท้าน

ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
ไม่มีเรื่องใดมากกว่านี้เลย

นอกจาก...คดีความหลายร้อยหลายพันคดี.....แด่...ฆาตกรบ้องตื้น.....