คุณคิดยังไง
'สมโพธิ แสงเดือนฉาย' ผู้ให้กำเนิด อุลตร้าแมน
4 เมษายน 2544 กองบรรณาธิการ
เปิดตำนาน "อุลตร้าแมน" ยอดมนุษย์ผู้ครองหัวใจเด็ก และผู้ใหญ่ วีรบุรุษจากจอภาพยนตร์ญี่ปุ่น ที่ถือกำเนิดจากมันสมอง ของคนไทย "สมโพธิ แสงเดือนฉาย"
เจ้าพ่อหนังสัตว์ประหลาด ของไทย และเขาคนนี้คือผู้ถือครองลิขสิทธิ์ ตุ๊กตาดังซึ่งขายดิบขายดีไปทั่วโลก ทำเม็ดเงินมหาศาลเข้ากระเป๋า กระทั่งบริษัทญี่ปุ่นดัดหลัง ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 1,750 ล้านบาท ในข้อกล่าวหาละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ความจริงเป็นเรื่อง พิสูจน์ได้ สุดท้ายศาลญี่ปุ่นตัดสินให้คนไทย นักคิดเป็นผู้ชนะหลังหมดค่าทนายไป 80 ล้านบาท และใช้เวลาต่อสู้คดีถึง 5 ปี เจ้าตัวประกาศสร้างพิพิธภัณฑ์ "เมืองยอดมนุษย์อุลตร้าแมน" ขึ้นบนแผ่นดินไทย
น้อยคนที่จะทราบว่า บุคคลที่เป็นผู้ริเริ่มคิดค้นและสร้างตุ๊กตา อุลตร้าแมน และจัมโบ้เอ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเด็กๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะ เด็กชาวญี่ปุ่น จนกลายเป็นกระแสความคลั่งไคล้ที่มีต่อตัวตุ๊กตา 2 ประเภทนี้ มาโดยตลอดร่วม 30 ปี และความนิยมต่อฮีโร่ตัวนี้ไม่เคยตกยุคตกสมัย จะเป็นคนไทยที่กลายมาเป็นผู้ครอบครองและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตุ๊กตา อุลตร้าแมนที่มีจำหน่ายไปทั่วโลก ยกเว้นลิขสิทธิ์ในประเทศญี่ปุ่นแต่เพียงผู้ เดียว
"สมโพธิ แสงเดือนฉาย" อดีตผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับหนัง ไทย ผู้สร้างตำนานหนังสัตว์ประหลาด คือเจ้าของตำรับอุลตร้าแมนตัวจริง ชีวิตของสมโพธิพลิกชีวิตจากแค่เด็กวัดธรรมดามาเป็นมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวย กอบ โกยรายได้มหาศาลปีละเป็นพันล้านจากค่าลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนที่วางจำหน่าย ไปทั่วโลก ณ ปัจจุบัน มาเป็นระยะเวลานานเกือบ 30 ปี แต่ใช่ว่าชีวิตของ นายสมโพธิ แสงเดือนฉาย ผู้มั่งคั่งร่ำรวยจากตุ๊กตาอุลตร้าแมนที่เขาคิดค้นขึ้น เองจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เขาต้องยุติบทบาทของ ตนเองกับภารกิจหน้าที่การงานต่างๆ ที่มีอยู่ทุกอย่าง เพื่อวิ่งรอกขึ้นศาลที่ประ เทศญี่ปุ่น ต่อสู้คดีความฟ้องร้องในฐานะจำเลย ซึ่งถูกเรียกร้องค่าเสียหายถึง 1,750 ล้านบาท นกรณีการถือครองลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนทั่วโลก ว่า เป็นการจด ลิขสิทธ์ที่ไม่ถูกต้อง และไม่ใช่ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ตัวจริง
การฟ้องร้องของบริษัทญี่ปุ่นที่ชื่อ บริษัท ซึบูราญ่า โปรดักส์ชั่น จำกัด ในครั้งนั้น ทำให้นายสมโพธิต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการเดินทาง ขึ้นโรงขึ้นศาลที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น ควบคู่กับการรวบรวมข้อมูลเอกสาร และพยานต่างๆ ไปศาลเพื่อนำสืบพยานในฐานะที่ตกเป็นจำเลย เป็นจำนวน เกือบ 400 คน ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ทุ่มไปสำหรับการต่อสู้คดีเพื่อเอาชนะใน ฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนทั่วโลกที่ถูกต้องแต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นแต่ในประ เทศญี่ปุ่นนั้น นายสมโพธิยอมรับว่าเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายไปไม่น้อย
เฉพาะแค่ค่าจ้างทนายความเพื่อสู้ศึกในศาลที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นั้น นายสมโพธิเปิดเผยว่า เขาต้องเสียค่าใช้จ่ายไปมากกว่า ฝ่ายโจทก์ที่ยื่นฟ้อง เป็นจำนวนเงินมากกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประ มาณ 80 ล้านบาท โดยว่าจ้างทนายความมือหนึ่งร่วม 10 คน จากสหรัฐ อเมริกา อังกฤษ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และไทย มาว่าความให้ ซึ่งขณะนี้คดีกำลัง จะแล้วเสร็จ โดยนายสมโพธิเป็นฝ่ายชนะไปได้ในที่สุด และขณะนี้กำลังรอ คำประกาศจากศาลฎีกา
ขณะเดียวกัน ทางบริษัท ซึบูราญ่า โปรดักส์ชั่น จำกัด ในญี่ปุ่น ก็ยังได้ยื่นฟ้องนายสมโพธิในเมืองไทยด้วย โดยคดีความที่เกิดขึ้น ขณะนี้ถือว่าเป็นคดีทรัพย์สินทางปัญหาและการค้าระหว่างประเทศที่มีการสืบ พยานนานที่สุดคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพราะทั้งสองฝ่ายได้อ้างพยานของ ตนเพื่อสืบพยาน รวมแล้ว 693 อันดับ โดยฝ่ายโจทก์อ้างพยาน 335 อันดับ ขณะที่ฝ่ายจำเลยอ้างพยาน 358 อันดับ
อีกทั้งเป็นคดีแรกที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่าง ประเทศได้ทำการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ จากสตูดิโอวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของ กสท. ด้วยการเบิกความผ่านล่ามโดยที่ พยานเบิกความจากห้องส่งของศูนย์โทรคมนาคม บริษัท เคดีดี กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
และใช้ระยะเวลาการสืบนานติดต่อกันถึง 2 ปีเต็ม โดยบาง ครั้งศาลต้องนั่งพิจารณาคดีตั้งแต่เวลา 09.00-22.30 น.ด้วยซ้ำไป ซึ่งคดีดัง กล่าวได้ข้อสรุปว่า ศาลได้พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งคดีอาญา และแพ่ง ขณะเดียวกัน ในส่วนของการฟ้องแย้งของจำเลยที่เรียกค่าเสียหายจากโจทก์ ถึง 1,750 ล้านบาทนั้น ศาลพิพากษาให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยจำนวน 12 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
นายสมโพธิ แสงเดือนฉาย กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงการเปิดเผยตัว ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังคนสำคัญที่เป็นเจ้าของไอเดียผลิตยอดมนุษย์ "อุลตร้าแมน" ทั้งๆ ที่ไม่เคยออกมาเปิดตัวให้ใครๆ ได้รับรู้ความจริงมานาน กว่า 30 ปีว่า หากไม่มีการฟ้องร้องขึ้นมา เขาคงไม่ออกมาพูดถึงการเป็นเจ้า ตำรับอุลตร้าแมนอย่างแน่นอน
"ถ้าไม่มีคดีการฟ้องร้องอย่างนี้ ผมก็ไม่เปิดเผยตัวแน่ เพราะผมให้เกียรติอาจารย์ของผมเสมอ และการที่ได้ลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนทั่ว โลกแต่เพียงผู้เดียวนั้น มันก็มีที่มาและมีเอกสารการโอนกรรมลิขสิทธิ์โดยลูก ชายของอาจารย์ เอยิ ซึบูราญ่า อย่างถูกต้อง"
การได้ลิขสิทธิ์ครั้งนั้น สืบเนื่องมาจากที่ลูกชายของอาจารย์เอ ยิที่เขาให้ความนับถือ และเป็นผู้เปิดโอกาสให้เขาได้คิดค้นไอเดียผุดยอด มนุษย์อุลตร้าแมนออกมาก ได้ยื่นเสนอลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนโดยแลกกับเงิน 16.2 ล้านเยน ที่นายสมโพธิให้หยิบยืมเพื่อนำไปสร้างภาพยนตร์เรื่องจัมโบ้เอ หาเงินใช้หนี้ให้กับอาจารย์เอยิที่เสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง
และจากเงินทุน 16.2 ล้านเยน ที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบ เป็นกำร่วม 100 ล้านเยน ให้กับลูกชายของอาจารย์เอยิภายในระยะเวลา 2-3 ปี ได้ทำให้ลูกชายของอาจารย์ปฏิเสธที่จะคืนเงิน และแบ่งส่วนรายได้ต่างๆ ให้แก่นายสมโพธิ แต่เลือกที่จะโอนลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนให้แทน
"เงินพวกนี้ให้เขายืมไปภายใน 2-3 ปี เอาไปสร้างหนังเพื่อใช้ หนี้ให้กับ บริษัท โตโฮ ที่อาจารย์เป็นหนี้อยู่ ลูกชายอาจารย์บินมาหาผมที่ เมืองไทยเลยนะ บอกว่าจะขายโรงถ่ายเอาเงินไปใช้หนี้ แต่ผมก็บอกว่าอย่า ขายเลย ถ้าไม่มีเงิน ผมพอมี ผมก็ให้เขายืมไปสร้างหนังเรื่องจัมโบ้เอ ให้เขายืมไป 16.2 ล้านเยน หนังประสบความสำเร็จจนสร้างเรื่องที่ 2 ได้ ขายลิขสิทธิ์ให้กับต่างประเทศไปฉายทั่วโลก ได้เงินไปร่วม 100 ล้านเยน เขาก็มาบอกผมว่าเขาขอไม่คืนเงินนะ แต่จะโอนกรรมสิทธิ์ให้แทน ผมก็เลย ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นี้โดยที่ตัวเองก็ไม่เคยอยากได้"
นายสมโพธิย้อนประวัติถึงที่มาของการเป็นผู้ให้กำเนิด อุลตร้าแมนว่า เป็นไอเดียและจินตนาการที่คิดค้นขึ้นโดยตัวเขา ซึ่งขณะนั้นได้ ไปศึกษาวิชาการทำภาพยนตร์ที่ บริษัท โตโฮ ประเทศญี่ปุ่น ด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปี ระหว่างเป็นลูกศิษย์โปรดของอาจารย์เอยิ ซึบูราญ่า
นายสมโพธิเล่าว่า เขาเป็นคนที่เสนอไอเดียที่จะผลิตยอดมนุษย์ ขึ้นมาเพื่อปราบสัตว์ประหลาด ซึ่งก็คือ "อุลตร้าแมน" สุดยอดมนุษย์ที่เขาคิด ค้นขึ้นมา เป็นจินตนาการจากสมัยที่ตัวเขายังเป็นเด็กวัด ได้สัมผัสและเห็นใบ หน้าพระพุทธรูปที่อมยิ้ม จึงนำรูปแบบมาดัดแปลงสอดใส่ลงในตัวอุลตร้าแม นที่มีหน้าตาสวยงาม ดูมีเสน่ห์ แต่แฝงไว้ซึ่งความแข็งแรงบึกบึน
"มันเริ่มจากความคิดของผมที่ว่า โตโฮสร้างแต่สัตว์ประหลาด แต่ไม่เคยมีการสร้างยอดมนุษย์มาปราบสัตว์ประหลาดสักตัว ผมเลยเสนอไอเดียนี้กับอาจารย์"
ทีมา
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2247628
ตะลึงไหมละ ! อุลตร้าแมนเป็นของคนไทย
'สมโพธิ แสงเดือนฉาย' ผู้ให้กำเนิด อุลตร้าแมน
4 เมษายน 2544 กองบรรณาธิการ
เปิดตำนาน "อุลตร้าแมน" ยอดมนุษย์ผู้ครองหัวใจเด็ก และผู้ใหญ่ วีรบุรุษจากจอภาพยนตร์ญี่ปุ่น ที่ถือกำเนิดจากมันสมอง ของคนไทย "สมโพธิ แสงเดือนฉาย"
เจ้าพ่อหนังสัตว์ประหลาด ของไทย และเขาคนนี้คือผู้ถือครองลิขสิทธิ์ ตุ๊กตาดังซึ่งขายดิบขายดีไปทั่วโลก ทำเม็ดเงินมหาศาลเข้ากระเป๋า กระทั่งบริษัทญี่ปุ่นดัดหลัง ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 1,750 ล้านบาท ในข้อกล่าวหาละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ความจริงเป็นเรื่อง พิสูจน์ได้ สุดท้ายศาลญี่ปุ่นตัดสินให้คนไทย นักคิดเป็นผู้ชนะหลังหมดค่าทนายไป 80 ล้านบาท และใช้เวลาต่อสู้คดีถึง 5 ปี เจ้าตัวประกาศสร้างพิพิธภัณฑ์ "เมืองยอดมนุษย์อุลตร้าแมน" ขึ้นบนแผ่นดินไทย
น้อยคนที่จะทราบว่า บุคคลที่เป็นผู้ริเริ่มคิดค้นและสร้างตุ๊กตา อุลตร้าแมน และจัมโบ้เอ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเด็กๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะ เด็กชาวญี่ปุ่น จนกลายเป็นกระแสความคลั่งไคล้ที่มีต่อตัวตุ๊กตา 2 ประเภทนี้ มาโดยตลอดร่วม 30 ปี และความนิยมต่อฮีโร่ตัวนี้ไม่เคยตกยุคตกสมัย จะเป็นคนไทยที่กลายมาเป็นผู้ครอบครองและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตุ๊กตา อุลตร้าแมนที่มีจำหน่ายไปทั่วโลก ยกเว้นลิขสิทธิ์ในประเทศญี่ปุ่นแต่เพียงผู้ เดียว
"สมโพธิ แสงเดือนฉาย" อดีตผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับหนัง ไทย ผู้สร้างตำนานหนังสัตว์ประหลาด คือเจ้าของตำรับอุลตร้าแมนตัวจริง ชีวิตของสมโพธิพลิกชีวิตจากแค่เด็กวัดธรรมดามาเป็นมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวย กอบ โกยรายได้มหาศาลปีละเป็นพันล้านจากค่าลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนที่วางจำหน่าย ไปทั่วโลก ณ ปัจจุบัน มาเป็นระยะเวลานานเกือบ 30 ปี แต่ใช่ว่าชีวิตของ นายสมโพธิ แสงเดือนฉาย ผู้มั่งคั่งร่ำรวยจากตุ๊กตาอุลตร้าแมนที่เขาคิดค้นขึ้น เองจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เขาต้องยุติบทบาทของ ตนเองกับภารกิจหน้าที่การงานต่างๆ ที่มีอยู่ทุกอย่าง เพื่อวิ่งรอกขึ้นศาลที่ประ เทศญี่ปุ่น ต่อสู้คดีความฟ้องร้องในฐานะจำเลย ซึ่งถูกเรียกร้องค่าเสียหายถึง 1,750 ล้านบาท นกรณีการถือครองลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนทั่วโลก ว่า เป็นการจด ลิขสิทธ์ที่ไม่ถูกต้อง และไม่ใช่ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ตัวจริง
การฟ้องร้องของบริษัทญี่ปุ่นที่ชื่อ บริษัท ซึบูราญ่า โปรดักส์ชั่น จำกัด ในครั้งนั้น ทำให้นายสมโพธิต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการเดินทาง ขึ้นโรงขึ้นศาลที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น ควบคู่กับการรวบรวมข้อมูลเอกสาร และพยานต่างๆ ไปศาลเพื่อนำสืบพยานในฐานะที่ตกเป็นจำเลย เป็นจำนวน เกือบ 400 คน ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ทุ่มไปสำหรับการต่อสู้คดีเพื่อเอาชนะใน ฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนทั่วโลกที่ถูกต้องแต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นแต่ในประ เทศญี่ปุ่นนั้น นายสมโพธิยอมรับว่าเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายไปไม่น้อย
เฉพาะแค่ค่าจ้างทนายความเพื่อสู้ศึกในศาลที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นั้น นายสมโพธิเปิดเผยว่า เขาต้องเสียค่าใช้จ่ายไปมากกว่า ฝ่ายโจทก์ที่ยื่นฟ้อง เป็นจำนวนเงินมากกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประ มาณ 80 ล้านบาท โดยว่าจ้างทนายความมือหนึ่งร่วม 10 คน จากสหรัฐ อเมริกา อังกฤษ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และไทย มาว่าความให้ ซึ่งขณะนี้คดีกำลัง จะแล้วเสร็จ โดยนายสมโพธิเป็นฝ่ายชนะไปได้ในที่สุด และขณะนี้กำลังรอ คำประกาศจากศาลฎีกา
ขณะเดียวกัน ทางบริษัท ซึบูราญ่า โปรดักส์ชั่น จำกัด ในญี่ปุ่น ก็ยังได้ยื่นฟ้องนายสมโพธิในเมืองไทยด้วย โดยคดีความที่เกิดขึ้น ขณะนี้ถือว่าเป็นคดีทรัพย์สินทางปัญหาและการค้าระหว่างประเทศที่มีการสืบ พยานนานที่สุดคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพราะทั้งสองฝ่ายได้อ้างพยานของ ตนเพื่อสืบพยาน รวมแล้ว 693 อันดับ โดยฝ่ายโจทก์อ้างพยาน 335 อันดับ ขณะที่ฝ่ายจำเลยอ้างพยาน 358 อันดับ
อีกทั้งเป็นคดีแรกที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่าง ประเทศได้ทำการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ จากสตูดิโอวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของ กสท. ด้วยการเบิกความผ่านล่ามโดยที่ พยานเบิกความจากห้องส่งของศูนย์โทรคมนาคม บริษัท เคดีดี กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
และใช้ระยะเวลาการสืบนานติดต่อกันถึง 2 ปีเต็ม โดยบาง ครั้งศาลต้องนั่งพิจารณาคดีตั้งแต่เวลา 09.00-22.30 น.ด้วยซ้ำไป ซึ่งคดีดัง กล่าวได้ข้อสรุปว่า ศาลได้พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งคดีอาญา และแพ่ง ขณะเดียวกัน ในส่วนของการฟ้องแย้งของจำเลยที่เรียกค่าเสียหายจากโจทก์ ถึง 1,750 ล้านบาทนั้น ศาลพิพากษาให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยจำนวน 12 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
นายสมโพธิ แสงเดือนฉาย กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงการเปิดเผยตัว ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังคนสำคัญที่เป็นเจ้าของไอเดียผลิตยอดมนุษย์ "อุลตร้าแมน" ทั้งๆ ที่ไม่เคยออกมาเปิดตัวให้ใครๆ ได้รับรู้ความจริงมานาน กว่า 30 ปีว่า หากไม่มีการฟ้องร้องขึ้นมา เขาคงไม่ออกมาพูดถึงการเป็นเจ้า ตำรับอุลตร้าแมนอย่างแน่นอน
"ถ้าไม่มีคดีการฟ้องร้องอย่างนี้ ผมก็ไม่เปิดเผยตัวแน่ เพราะผมให้เกียรติอาจารย์ของผมเสมอ และการที่ได้ลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนทั่ว โลกแต่เพียงผู้เดียวนั้น มันก็มีที่มาและมีเอกสารการโอนกรรมลิขสิทธิ์โดยลูก ชายของอาจารย์ เอยิ ซึบูราญ่า อย่างถูกต้อง"
การได้ลิขสิทธิ์ครั้งนั้น สืบเนื่องมาจากที่ลูกชายของอาจารย์เอ ยิที่เขาให้ความนับถือ และเป็นผู้เปิดโอกาสให้เขาได้คิดค้นไอเดียผุดยอด มนุษย์อุลตร้าแมนออกมาก ได้ยื่นเสนอลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนโดยแลกกับเงิน 16.2 ล้านเยน ที่นายสมโพธิให้หยิบยืมเพื่อนำไปสร้างภาพยนตร์เรื่องจัมโบ้เอ หาเงินใช้หนี้ให้กับอาจารย์เอยิที่เสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง
และจากเงินทุน 16.2 ล้านเยน ที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบ เป็นกำร่วม 100 ล้านเยน ให้กับลูกชายของอาจารย์เอยิภายในระยะเวลา 2-3 ปี ได้ทำให้ลูกชายของอาจารย์ปฏิเสธที่จะคืนเงิน และแบ่งส่วนรายได้ต่างๆ ให้แก่นายสมโพธิ แต่เลือกที่จะโอนลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนให้แทน
"เงินพวกนี้ให้เขายืมไปภายใน 2-3 ปี เอาไปสร้างหนังเพื่อใช้ หนี้ให้กับ บริษัท โตโฮ ที่อาจารย์เป็นหนี้อยู่ ลูกชายอาจารย์บินมาหาผมที่ เมืองไทยเลยนะ บอกว่าจะขายโรงถ่ายเอาเงินไปใช้หนี้ แต่ผมก็บอกว่าอย่า ขายเลย ถ้าไม่มีเงิน ผมพอมี ผมก็ให้เขายืมไปสร้างหนังเรื่องจัมโบ้เอ ให้เขายืมไป 16.2 ล้านเยน หนังประสบความสำเร็จจนสร้างเรื่องที่ 2 ได้ ขายลิขสิทธิ์ให้กับต่างประเทศไปฉายทั่วโลก ได้เงินไปร่วม 100 ล้านเยน เขาก็มาบอกผมว่าเขาขอไม่คืนเงินนะ แต่จะโอนกรรมสิทธิ์ให้แทน ผมก็เลย ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นี้โดยที่ตัวเองก็ไม่เคยอยากได้"
นายสมโพธิย้อนประวัติถึงที่มาของการเป็นผู้ให้กำเนิด อุลตร้าแมนว่า เป็นไอเดียและจินตนาการที่คิดค้นขึ้นโดยตัวเขา ซึ่งขณะนั้นได้ ไปศึกษาวิชาการทำภาพยนตร์ที่ บริษัท โตโฮ ประเทศญี่ปุ่น ด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปี ระหว่างเป็นลูกศิษย์โปรดของอาจารย์เอยิ ซึบูราญ่า
นายสมโพธิเล่าว่า เขาเป็นคนที่เสนอไอเดียที่จะผลิตยอดมนุษย์ ขึ้นมาเพื่อปราบสัตว์ประหลาด ซึ่งก็คือ "อุลตร้าแมน" สุดยอดมนุษย์ที่เขาคิด ค้นขึ้นมา เป็นจินตนาการจากสมัยที่ตัวเขายังเป็นเด็กวัด ได้สัมผัสและเห็นใบ หน้าพระพุทธรูปที่อมยิ้ม จึงนำรูปแบบมาดัดแปลงสอดใส่ลงในตัวอุลตร้าแม นที่มีหน้าตาสวยงาม ดูมีเสน่ห์ แต่แฝงไว้ซึ่งความแข็งแรงบึกบึน
"มันเริ่มจากความคิดของผมที่ว่า โตโฮสร้างแต่สัตว์ประหลาด แต่ไม่เคยมีการสร้างยอดมนุษย์มาปราบสัตว์ประหลาดสักตัว ผมเลยเสนอไอเดียนี้กับอาจารย์"
ทีมา http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2247628