เธอวิจารณ์ขนมในพันทิป แต่โดนฟ้องที่ยะลา บทเรียนโลกออนไลน์
รายงานพิเศษ
จากบทความ “วิสามัญสำนึก” ของคุณ คำผกา ที่ลงในมติชนสุดสัปดาห์ ประจำวันที่ 17-23 พฤษภาคม พ.ศ.2556 ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงการหมิ่นประมาท นายกฯ ยิ่งลักษณ์ หลังกล่าวปาฐกถา ที่มองโกเลีย มีข้อความตอนหนึ่งที่คุณคำผกา เขียนว่า “อย่าว่าแต่คุณยิ่งลักษณ์จะฟ้องเพราะโดนบริภาษว่า
น้องที่ฉันรู้จักคนหนึ่งเขียนวิจารณ์ (ย้ำว่าวิจารณ์ ไม่ได้บริภาษด้วยผรุสวาจา) ขนมของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในเว็บพันทิป ยังโดนฟ้องหมิ่นประมาทไกลถึงยะลา”
มติชนออนไลน์ได้ตามสืบเรื่องราวของ “น้อง” คนดังกล่าวของ คุณคำผกา และพบว่าตัวจริงเป็นเจ้าของร้านเค้กแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการปกปิดข้อมูลส่วนตัวของเธอ มติชนออนไลน์จึงขอใช้นามแผงของเธอว่า M.
เรื่องราวการฟ้องร้องของคุณ M เกิดขึ้นจากที่เธอตั้งกระทู้ในเว็บพันทิป วิจารณ์โรงแรมแห่งหนึ่งว่าลอกงานขนมจากต่างชาติมาทั้งดุ้น ได้ยกรูปประกอบให้เห็นชัดเจนว่าเหมือนกัน และวิพากษ์วิจารณ์ว่าหากเอาสูตรเขามาเปลี่ยนหน้าตาหน่อยก็ยังดี ฯลฯ ทำให้เกิดการถกเถียงกันขึ้นในเว็บพันทิป จนกระทั้งเว็บ “ดราม่าแอดดิก” เว็บรวมเบาะแสคนทะเลาะกันในโลกไซเบอร์ชื่อดังได้เอาไปลงเผยแพร่ เรื่องจึงยิ่งลุกลามใหญ่โต
เหตุเพราะเรื่องเกิดชึ้นในอินเตอร์เน็ต ผู้เสียหายจะอ้างว่าไปเห็นข้อความที่ไหนก็ได้ จึงฟ้องได้ทุกที่ในประเทศไทย ทางโรงแรมที่ถูกวิจารณ์ได้ตอบโต้ คุณ M ด้วยวิธีฟ้องหมิ่นประมาทที่อำเภอ รามัน จังหวัด ยะลา
เนื่องจากกฎหมายหมิ่นประมาทเป็นกฎหมายอาญา ผู้ถูกฟ้องจึงจำเป็นต้องเดินทางไปรับข้อกล่าวหา คุณ M โดนฟ้องซ้ำสาม-สี่ครั้ง ต้องเดินทางไปยะลาจนเหนื่อยและเสียทรัพย์ไปจำนวนมาก สุดท้ายจึงตัดใจ ยอมไกล่เกลี่ย โดยคุณ M ต้องลงคำขอโทษในหนังสือพิมพ์ เพื่อให้ทางโรงแรมถอนฟ้อง
บทเรียนจากกรณีดังกล่าวทำให้ เราต้องตั้งข้อสังเกตกับมติชนออนไลน์ว่าความผิดข้อหาหมิ่นประมาทยังควรเป็นคดีอาญาหรือไม่ ในเมื่อหลายๆ ประเทศเล็งเห็นปัญหานี้และปรับให้ข้อหาหมิ่นประมาทเป็นความผิดทางแพ่งกันหมดแล้ว
จากตัวอย่างของคุณMทำให้เราอาจเห็นว่าระบบกฎหมายหมิ่นประมาทมีช่องโหว่ขนาดใหญ่อยู่ บริษัทขนาดใหญ่ที่มีกำลังมากกว่า อาจใช้กลยุทธฟ้องคนธรรมดาให้เหนื่อยและยอมแพ้ไป ไม่ต่างจากการใช้ช่องโหว่ของกฎหมายปิดปากประชาชนจนไม่อาจวิจารณ์อะไรได้
กรณีนี้เกิดขึ้นกับสื่อเช่นกันสื่อที่ทำหน้าที่ ตรวจสอบ แต่กลับถูกฟ้องไปทั่วประเทศที่ หนังสือพิมพ์วางแผงจำหน่าย และกลายเป็นการปิดปากสื่อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นี่อาจเป็นอุทาหรณ์ว่า การถูกฟ้องหมิ่นประมาทไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
หรือไม่ก็อาจจะทำให้คิดได้ว่า กฎหมายหมิ่นประมาท มีปัญหาอะไรบางอย่างหรือไม่...
จาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1368704063&grpid=03&catid=01&subcatid=0100
จริงหรือเปล่าเนี่ย แล้วทางแม่ครัว M ทำไมไม่จ้างทนายขอให้โอนคดีให้มาสืบมาอะไรที่กรุงเทพ หรือเชียงใหม่คะ ถึงมันจะยุ่งยากแต่ก็นะ
คนทำธุรกิจคงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องคดีความ ยิ่งเจ้าของธุรกิจ SME พบเจอมาเยอะเห็นอยากให้มันจบๆ กันไป
ถ้าแม่ครัว M มาอ่านหรือผ่านมาเห็นเราขอเป็นกำลังใจเล็กเล็กให้นะคะ ถึงเราไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่คุณก็ให้ความรู้มากมายแก่คนอ่านกระทู้อย่างเรา อีกทั้งยังเปิดโลกทัศน์เรื่องขนมเค้กและของหวานฝรั่งเป็นอย่างดีมาระยะเวลาหนึ่ง
(ไม่ได้ตั้งกระทู้มานาน พอจะเขียนความคิดเห็นตัวเองรู้สึกว่าใช้ภาษาราชการอย่างไรไม่ทราบ)
แหมดิฉันก็จำเนื้อหากระทู้ได้ซะด้วย โอเรียนเต็ล ดาราเทวี เชียงใหม่ ใช่บ่คะ? ใครจะอุดหนุนแนะนำให้อวยอย่างเดียวเน้อ
แหม่ ดิฉันขอยกคำพูดของอาจารย์ท่านนึงเวลาขอให้นักศึกษาทำงานส่ง "There is a clear line between Inspiration and Plagiarism" แปลแบบบ้านๆ ว่า การได้รับแรงบันดาลใจ กับ การลอกเลียนแบบ มันมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนนะคะ อู้ดๆ (เสียงท้ายเติมเองค่ะ)
ดิฉันนึกถึงกระทู้นั้นทีไร ก็ว่าแปลก ตรงที่ปกติแล้วคนชาติตะวันตก หรือฝรั่ง ถ้าเขาประกอบอาชีพที่ต้องใช้ความคิดสรา้งสรรค์ในธุรกิจ เช่น ดีไซเนอร์ เชฟ ปาติซิเยร์(เชฟทำของหวาน) นั้น คงจะรู้สึกกระดาก ละอายใจไม่มากก็น้อย ที่ถูกจับได้ว่าทำของลอกเลียนแบบออกขายทั้งส่วนประกอบ รสชาติ และรูปลักษณ์ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อปะหน้าเท่านั้น
แต่ถ้าไม่เห็นข่าวนี้คงไม่ทราบว่ามีการฟ้องร้องเกิดขึ้น จนไกล่เกลี่ยในศาลจบแล้ว
คิดเห็นอย่างไรกันบ้างคะ
เรื่องจบแล้วเพิ่งทราบ: แม่ครัว M ถูกฟ้องที่ยะลาจนยอมไกล่เกลี่ย ลงคำขอโทษในนสพ.!!
รายงานพิเศษ
จากบทความ “วิสามัญสำนึก” ของคุณ คำผกา ที่ลงในมติชนสุดสัปดาห์ ประจำวันที่ 17-23 พฤษภาคม พ.ศ.2556 ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงการหมิ่นประมาท นายกฯ ยิ่งลักษณ์ หลังกล่าวปาฐกถา ที่มองโกเลีย มีข้อความตอนหนึ่งที่คุณคำผกา เขียนว่า “อย่าว่าแต่คุณยิ่งลักษณ์จะฟ้องเพราะโดนบริภาษว่า น้องที่ฉันรู้จักคนหนึ่งเขียนวิจารณ์ (ย้ำว่าวิจารณ์ ไม่ได้บริภาษด้วยผรุสวาจา) ขนมของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในเว็บพันทิป ยังโดนฟ้องหมิ่นประมาทไกลถึงยะลา”
มติชนออนไลน์ได้ตามสืบเรื่องราวของ “น้อง” คนดังกล่าวของ คุณคำผกา และพบว่าตัวจริงเป็นเจ้าของร้านเค้กแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการปกปิดข้อมูลส่วนตัวของเธอ มติชนออนไลน์จึงขอใช้นามแผงของเธอว่า M.
เรื่องราวการฟ้องร้องของคุณ M เกิดขึ้นจากที่เธอตั้งกระทู้ในเว็บพันทิป วิจารณ์โรงแรมแห่งหนึ่งว่าลอกงานขนมจากต่างชาติมาทั้งดุ้น ได้ยกรูปประกอบให้เห็นชัดเจนว่าเหมือนกัน และวิพากษ์วิจารณ์ว่าหากเอาสูตรเขามาเปลี่ยนหน้าตาหน่อยก็ยังดี ฯลฯ ทำให้เกิดการถกเถียงกันขึ้นในเว็บพันทิป จนกระทั้งเว็บ “ดราม่าแอดดิก” เว็บรวมเบาะแสคนทะเลาะกันในโลกไซเบอร์ชื่อดังได้เอาไปลงเผยแพร่ เรื่องจึงยิ่งลุกลามใหญ่โต
เหตุเพราะเรื่องเกิดชึ้นในอินเตอร์เน็ต ผู้เสียหายจะอ้างว่าไปเห็นข้อความที่ไหนก็ได้ จึงฟ้องได้ทุกที่ในประเทศไทย ทางโรงแรมที่ถูกวิจารณ์ได้ตอบโต้ คุณ M ด้วยวิธีฟ้องหมิ่นประมาทที่อำเภอ รามัน จังหวัด ยะลา
เนื่องจากกฎหมายหมิ่นประมาทเป็นกฎหมายอาญา ผู้ถูกฟ้องจึงจำเป็นต้องเดินทางไปรับข้อกล่าวหา คุณ M โดนฟ้องซ้ำสาม-สี่ครั้ง ต้องเดินทางไปยะลาจนเหนื่อยและเสียทรัพย์ไปจำนวนมาก สุดท้ายจึงตัดใจ ยอมไกล่เกลี่ย โดยคุณ M ต้องลงคำขอโทษในหนังสือพิมพ์ เพื่อให้ทางโรงแรมถอนฟ้อง
บทเรียนจากกรณีดังกล่าวทำให้ เราต้องตั้งข้อสังเกตกับมติชนออนไลน์ว่าความผิดข้อหาหมิ่นประมาทยังควรเป็นคดีอาญาหรือไม่ ในเมื่อหลายๆ ประเทศเล็งเห็นปัญหานี้และปรับให้ข้อหาหมิ่นประมาทเป็นความผิดทางแพ่งกันหมดแล้ว
จากตัวอย่างของคุณMทำให้เราอาจเห็นว่าระบบกฎหมายหมิ่นประมาทมีช่องโหว่ขนาดใหญ่อยู่ บริษัทขนาดใหญ่ที่มีกำลังมากกว่า อาจใช้กลยุทธฟ้องคนธรรมดาให้เหนื่อยและยอมแพ้ไป ไม่ต่างจากการใช้ช่องโหว่ของกฎหมายปิดปากประชาชนจนไม่อาจวิจารณ์อะไรได้
กรณีนี้เกิดขึ้นกับสื่อเช่นกันสื่อที่ทำหน้าที่ ตรวจสอบ แต่กลับถูกฟ้องไปทั่วประเทศที่ หนังสือพิมพ์วางแผงจำหน่าย และกลายเป็นการปิดปากสื่อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นี่อาจเป็นอุทาหรณ์ว่า การถูกฟ้องหมิ่นประมาทไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
หรือไม่ก็อาจจะทำให้คิดได้ว่า กฎหมายหมิ่นประมาท มีปัญหาอะไรบางอย่างหรือไม่...
จาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1368704063&grpid=03&catid=01&subcatid=0100
จริงหรือเปล่าเนี่ย แล้วทางแม่ครัว M ทำไมไม่จ้างทนายขอให้โอนคดีให้มาสืบมาอะไรที่กรุงเทพ หรือเชียงใหม่คะ ถึงมันจะยุ่งยากแต่ก็นะ
คนทำธุรกิจคงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องคดีความ ยิ่งเจ้าของธุรกิจ SME พบเจอมาเยอะเห็นอยากให้มันจบๆ กันไป
ถ้าแม่ครัว M มาอ่านหรือผ่านมาเห็นเราขอเป็นกำลังใจเล็กเล็กให้นะคะ ถึงเราไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่คุณก็ให้ความรู้มากมายแก่คนอ่านกระทู้อย่างเรา อีกทั้งยังเปิดโลกทัศน์เรื่องขนมเค้กและของหวานฝรั่งเป็นอย่างดีมาระยะเวลาหนึ่ง
(ไม่ได้ตั้งกระทู้มานาน พอจะเขียนความคิดเห็นตัวเองรู้สึกว่าใช้ภาษาราชการอย่างไรไม่ทราบ)
แหมดิฉันก็จำเนื้อหากระทู้ได้ซะด้วย โอเรียนเต็ล ดาราเทวี เชียงใหม่ ใช่บ่คะ? ใครจะอุดหนุนแนะนำให้อวยอย่างเดียวเน้อ
แหม่ ดิฉันขอยกคำพูดของอาจารย์ท่านนึงเวลาขอให้นักศึกษาทำงานส่ง "There is a clear line between Inspiration and Plagiarism" แปลแบบบ้านๆ ว่า การได้รับแรงบันดาลใจ กับ การลอกเลียนแบบ มันมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนนะคะ อู้ดๆ (เสียงท้ายเติมเองค่ะ)
ดิฉันนึกถึงกระทู้นั้นทีไร ก็ว่าแปลก ตรงที่ปกติแล้วคนชาติตะวันตก หรือฝรั่ง ถ้าเขาประกอบอาชีพที่ต้องใช้ความคิดสรา้งสรรค์ในธุรกิจ เช่น ดีไซเนอร์ เชฟ ปาติซิเยร์(เชฟทำของหวาน) นั้น คงจะรู้สึกกระดาก ละอายใจไม่มากก็น้อย ที่ถูกจับได้ว่าทำของลอกเลียนแบบออกขายทั้งส่วนประกอบ รสชาติ และรูปลักษณ์ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อปะหน้าเท่านั้น
แต่ถ้าไม่เห็นข่าวนี้คงไม่ทราบว่ามีการฟ้องร้องเกิดขึ้น จนไกล่เกลี่ยในศาลจบแล้ว
คิดเห็นอย่างไรกันบ้างคะ