เครียดมากคะ เรื่องแม่สามี

เรื่องของเรามันอาจจะดูเล็กน้อย แต่มันเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นและวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วแต่มันไม่ได้รับความร่วมมือมันเลยกลายเป็นแบบนี้
เรากับแฟนแต่งงานกันโดยที่คุยกันว่าอีกอย่างน้อย2ปีถึงจะมีลูก เพราะเรามีแพลนอยากทำอะไรอีกหลายอย่างก่อนชีวิตจะหยุดนิ่งเพื่อเลี้ยงลูก หลังแต่งงานได้ไม่กี่เดือนทุกๆคนรอบข้างเชียร์ให้มีลูกแต่เราปฏิเสธตลอด โดยเฉพาะแม่แฟนและแม่เรา แต่แฟนเราทนแรงต้านจากแม่เค้าไม่ไหวจึงมีลูกด้วยกัน1คนบนความไม่พร้อมทางจิตใจของเรา เราโกรธแฟนมากที่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่ปรึกษาเราซึ่งต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปอีกนาน เป็นเหตุให้เราซึ่งไม่รักเด็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเกิดอาการวิตกช่วงหลังคลอดอย่างแรง เล่าถึงตรงนี้อยากให้ทุกท่านเข้าใจถึงว่าเราไม่ต้องการมีลูกเราไม่รักเด็ก ปัญหาเกิดขึ้นหลังจากคลอดเพราะงานเราที่ทำอยู่เป็นธุรกิจส่วนตัวที่ต้องหมุนเงินตลอดเวลาและเราเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจนี้เองหลังจากที่เราเลี้ยงลูกได้ไม่ถึงเดือนแฟนเราก็ได้บริหารจนเงินบ.ไม่เหลือ เงินส่วนตัวไม่เหลือ เพราะแฟนเราถนัดทำงานซึ่งเค้าทำได้ดีมากเมื่อเค้าต้องทำงานด้วยบริหารด้วยเค้าเลยทำเสียหมด และอีกประเด็นเค้าคิดว่าเรายังมีเงินเหลือเก็บอีกก้อนแต่จริงๆแล้วเราไม่มีแล้วนั้นเอง เราจึงคุยกับแม่เราขอให้เค้าช่วยเลี้ยงลูกให้สักระยะเพื่อให้เรากลับไปบริหารงานให่เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ซึ่งแม่ใจดีและให้ความอนุเคราะเราเราเลยตื่นแต่เช้าเตรียมทำทุกอย่างให้ลูกก่อนจึงจะออกไปทำงานได้ซึ่งเมื่อย่างเข้าวัยที่ต้องกินอาหารประมาน6เดือน เราก็จะทำกับข้าวป้อนข้าว อาบน้ำลูกและรอแม่พร้อมจึงออกไปทำงานได้ เวลาทำงานของเราจึงกลายเป็น10.30-11.00น. เลิกงาน15.00-17.00น. โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึง1.3ปี เราสลับกันเลี้ยงกับแม่ ถ้าแม่ว่างจากงานซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของเค้า เค้าจะมาเลี้ยงให้สลับกันกับเรา อันนี้เราเห็นใจแม่เรามากเพราะที่บ้านเราพ่อกับแม่ทำธุรกิจคนละอย่างคนละสายงานกันไม่สามารถดูแลแทนกันได้เลย แม่เสียสละจนงานแม่เริ่มมีปัญหาเราเลยบอกให้แม่เข้าไปทำงานเพราะเด็กคือภาระของเราที่จะต้องรับผิดชอบเอง ตลอดเวลาจนถึงตอนนี้2ขวบกว่า เรายังคงเลี้ยงลูกเราโดยที่แม่แฟนหรือผู้เป็นย่าไม่ได้รู้สึกถึงว่าจะช่วยเหลือหรืออย่างไร เราทำงานในที่ดินของพ่อแม่เรา แต่เงินที่เราได้ทุกบาททุกสตางค์ไม่ได้จุนเจือพ่อแม่เราเลย เราเอาไปผ่อนบ้านที่เราไม่ค่อยได้อยู่แต่พ่อแม่แฟนอยู่และเราก็นอนที่โรงงานแทน สุดท้ายเราอยากขายมาซื้อใกล้ๆโรงงานเพื่อที่เวลาลูกโตขึ้นจะได้มีห้องของเค้า ให้เค้าได้อยู่ในบ้านที่เป็นบ้าน ให้เราได้อยู่บ้านที่ตัวเองผ่อนด้วยหยาดเหงือแรงงาน แต่แม่แฟนกลับพูดว่า ไปซื้ออยู่กันเองได้ไหมหลังนี้เค้าไม่อยากย้าย น้ำตาตกข้างในเลย นึกถึงคำที่เค้าพูดว่ามีมาเลยหลานอ่ะเค้าจะเลี้ยงดูเองทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำงานอะไร แค่นี้ง่ายมาก มีมาเลยมีมาเล้ยยย เรียกร้องทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นผู้รับอย่างเดียวโดยที่จะไม่เป็นผู้ให้ เราไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมายแค่ขอให้เค้าเข้าใจว่าทุกสิ่งที่เค้าอยากได้มันต้องแลกมาด้วยหยาดเหงือของเราและเค้าต้องช่วยแบ่งเบาโดยการเลี้ยงลูกให้เรา เพื่อให้เราออกไปทำงาน แต่นี่เค้าไม่เลี้ยงแต่จะเอาเงินจะเอาเที่ยวตปท.จะเอาฯลฯ จนทุกวันนี้เค้ายังไม่เคยเลี้ยงหลานให้เราได้เกิน5วันเลย ทุกครั้งที่พยายามให้เค้าเลี้ยงไม่ว่าจะเอาไปให้เลี้ยงที่บ้าน เอาเค้ามาเลี้ยงที่โรงงาน ได้ไม่กี่วันต้องมีเหตุให้ทะเลาะกันกับแฟนเรา หาเรื่องมางอนทาน้อยใจได้ตลอด แต่ถ้าไม่ให้เลี้ยงลูกเค้าจะไม่งอนเลย ชีวิตเค้าก็คือไปเดินห้าง ไปนั่งถักไหมพรม ช้อปปิ้ง นั่งรถเล่นชมเมือง จนเราตัดปัญหาเอาลูกไปฝากเนริส ฝาก9.00-14.30น. เราขอเวลาแค่นี้เพื่อเคลียร์งาน นัดลูกค้่า ทำบัญชี ฯลฯ เค้ายังมาพูดอีกว่าสงสารหลานไม่ต้องเอาไปหรอก เดี่ยวแม่ไปช่วยเลี้ยงเอง แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นมา ถามว่าเค้ารู้ไหมว่าเราไม่มีคนช่วยดู เค้ารู้อยู่แล้วเต็มอกแต่ประเด็นมันอยู่ที่เค้าไม่เลี้ยง แต่ประเด็นของเราไม่เลี้ยงแล้วจะพูดทำไมบ่อยๆครั้งว่าจะเลี้ยงเอง เฉลี่ยเดือนละ4-5ครั้งเป็นอย่างน้อย เราเหนื่อยกับงานและลูกมาก แต่เราก็เหนื่อยกับแม่ผัวคนนี้มากเช่นกัน
อยากขอกำลังใจหรือวิธีคิดที่ทำให้เราหลุดจากความคิดแบบนี้ ขอบคุณคะ
แท็กคืออะไร?3. เลือกแท็กที่เกี่ยวข้องกับกระทู้นี้ (ไม่เกิน 5 แท็ก)  ขอความร่วมมือกำหนดแท็กเฉพาะที่ตรงกับประเด็นหลักของกระทู้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่