....เกมส์ สั่ง ตาย บทที่ 11....+....บทส่งท้าย.... โดย ราชพฤกษ์

กระทู้สนทนา
ในที่สุดก็เขียนนิยาย"จบเรื่อง"เป็นเรื่องแรก  ทีนี้ก็เหลือการเกลาและแก้ไขในจุดที่ผิดพลาด ถ้ามีข้อแนะนำ หรือข้อสงสัยหรือผิดพลาดอะไรก็บอกผมได้นะครับ  เพราะหลังจากที่ตรวจทานต้นฉบับเสร็จ จะส่งเพื่อเสนอสำนักพิมพ์ แล้วลุ้นมาก อยากให้ผ่าน ^^ พี่ๆ เพื่อนๆ คนไหนมีประสบการณ์การส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์ มาช่วยแลกเปลี่ยนเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ
...........................
บทที่ 11

    ความรู้สึกหนักอึ้งที่ถาโถมเข้าใส่ร่างกายอันบอบช้ำตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมาได้หายไปหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่า โปร่งเบาจนเหมือนกับขนนกที่ปลิวล่องลอยอยู่กลางอากาศ คลองจักษุมืดสนิท ไม่เห็นสิ่งใดอีกแล้ว สติอันเลือนลางคล้ายกับกำลังตื่น หากทว่าเป็นตื่นในฝันอันเนิ่นนาน
    
ความรู้สึกของคนที่ตายไปแล้วมันเป็นแบบนี้นี่เอง

    เอกราชคิดในใจ ความเจ็บปวดที่แล่นเข้าทำร้ายอย่างไม่ทันตั้งตัวคงได้ปลิดชีวิตเขา และตอนนี้วิญญาณของตนคงล่องลอยอยู่ระหว่างรอชั่งบาปบุญว่าจะไปนรก หรือสวรรค์...เกมคงจบแล้วสินะ เขาแพ้แล้ว
    
แต่เดี๋ยวก่อน ความรู้เย็นสะท้านไปจนถึงกระดูกจู่ๆ ก็เกิดขึ้นมันคืออะไร พร้อมๆ กับเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นฉุดดึงเขาลงไปอย่างแรง แล้วความเจ็บปวดก็แล่นกลับมาอีกครั้ง เอกราชพลันสะดุ้งตื่น ไขว่คว้าลมหายใจเฮือกใหญ่อย่างเร็ว หัวใจกลับมาสูบฉีดเลือด ส่งไปเลี้ยงทั้งร่างกาย ร่างที่สีดขาวราวกระดาษกลับมามีสีเรื่ออีกครั้ง

    เรายังไม่ตายหรือนี่

    เปลือกตาลืมขึ้นอย่างเร็ว แล้วก็พบว่าเขากำลังนอนมองเพดานสูงของคฤหาสน์ สายตาอันพร่าลายพยายามปรับครรลองภาพอยู่ชั่วครู่ หัวสมองอันมึนงงเริ่มนึกย้อนเหตุการณ์ เท่าที่จำได้คือ ชายหนุ่มถูกตีเข้าที่หัว แล้วก็สลบไป…แต่นานเท่าใดไม่ทราบ
    
เขายันตัวกำลังจะลุกขึ้น หากบางอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ชายหนุ่มแทบหยุดหายใจ ความตื่นตระหนกมีชัยเหนือเขาอีกครั้ง เอกราชพยายามออกแรงอยู่หลายครั้งหากไม่เป็นผล ท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปไร้ความรู้สึก ขยับสั่งการไม่ได้
    
เป็นอัมพาตไปครึ่งตัว!

    และในตอนนั้นเองที่เสียงแหบต่ำพลันดังขึ้น เตือนให้ชายหนุ่มรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

    “ต่อให้ออกแรงแค่ไหน ก็เปล่าประโยชน์”    

    ดวงหน้าที่ฉายความหวั่นกลัวเงยขึ้นอย่างเร็ว สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือจอมอนิเตอร์นับร้อย เรียงรายอยู่หน้าแผงควบคุมโดยมีเงาหนึ่งนั่งหันหลังให้ชายหนุ่ม นัยน์ตาที่ตะลึงค้างจ้องเขม็งมองไปบนหน้าจอ แทบไม่อยากเชื่อสายตา เขากำลังอยู่ในรังบัญชาการของมัน

    หน้าจอหนึ่งกำลังส่งภาพกองศพน่าสยดสยองในห้องรับรอง และอีกจอใกล้กันคือโถงทางเดินสลัว โดยมีศพของสมรักษ์อยู่ที่มุมภาพ ในขณะที่ชายหนุ่มยังตกอยู่ในสภาวะตะลึงลาน เจ้าของเสียงนั้นก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับค่อยๆ หมุนเก้าอี้กลับมา

    “เก่งมากที่นายอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้”

    น้ำเสียงแบบนี้เป็นสุ้มเสียงเดียวกับ‘เสียงปริศนาไม่มีผิดเพี้ยน เอกราชเบิกตาเพ่งมองร่างนั้นหนึกขึ้น หากทั้งห้องตกอยู่ในความสลัว และชายคนนั้นอยู่ทางแสงจากมอนิเตอร์ที่พุ่งเข้ามา ทำให้มองเห็นเป็นเงาสีดำ

    “แกต้องการอะไรถึงทำแบบนี้” เอกราชตะเบ็งเสียงดัง ในตอนนี้ความกลัวแทบไม่เหลืออยู่แล้ว มันแปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง และขุ่นข้อง

    ชายคนนั้นไม่ตอบ ค่อยๆ ย่างสามขุมตรงเข้ามา แล้วหยุดยืนค้ำร่างของชายหนุ่ม รอยยิ้มเหยียดผุดขึ้นช้าๆ ก่อนตามมาด้วยเสียหัวเราะร่าอย่างมีชัย เอกราชอยากจะพุ่งขึ้นไปชกหน้ามันเสียเต็มประดา หากแต่ท่อนล่างยังไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง

    “บอกแล้วไงว่าอย่างฝืน” มันพูด ดูพึงใจที่เห็นสภาพของเหยื่อ

    ร่างสูงใหญ่ค่อยๆย่อตัวลง จนใบหน้าของมันห่างจากเอกราชแค่คืบ แม้ตกอยู่ในความขมุกขมัว หากตอนนี้ทุกส่วนของเค้าหน้าก็ปรากฏขึ้นเต็มๆ แล้วความทรงจำส่วนลึกก็ถูกเปิดออก แม้จะเคยพบกันเพียงเวลาสั้นๆ แต่เพิ่งผ่านมาไม่นาน เพราะจำได้แม่นว่า ชายคนที่อยู่ตรงหน้า คือคนเดียวกับที่เขาเก็บกระเป๋าเงินให้เมื่อหลายคืนก่อน!
    
“คะ...คุณ” เสียงของชายหนุ่มตะกุกตะกักไม่เป็นคำ อ้าปากค้าอย่างตะลึงลาน
    
“ฉันให้คุณไพบูลย์ ฉีดยาเข้าไปในตัวแก” ชายคนนั้นพูดอย่างเป็นปกติ ไม่สนใจต่อท่าทีชายหนุ่ม “ทำให้เป็นอัมพาตไปช่วยขณะ แต่ก็ออกฤทธิ์นายพอไปจนถึงเวลาตายของแก”

    คำว่า‘ตาย’ปลุกเขาให้ได้สติ รีบสวนไปด้วยเสียงละล่ำละลัก

    “แกเป็นใคร ต้องการอะไรจากพวกเรา”

    มันยืนขึ้น ก่อนเริ่มเดินในลักษณะทอดน่องไปรอบๆ ราวกับกำลังสนทนาในสวนหลังบ้าน แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดพูดขึ้นด้วยเสียงหยัน พลางเลิกคิ้ว
    
“นายก็รู้เรื่องหมดแล้วนี่ ได้อ่านจากหนังสือพิมพ์จนกระจ่างชัดเลยไม่ใช่เหรอ...อีกอย่าง มันเป็นความต้องการของนายเองที่อยากได้เงินสองล้าน เพื่อไปรักษาแม่กับน้อง”
    
“ไอชั่ว แกเป็นคนทำแม่กับน้องฉันใช่ไหม” เอกราชตวาดลั่นด้วยความโกรธแค้น ดวงใจสองดวงของเขาถูกย่ำยี เพียงเพื่อเป็นหนึ่งในตัวล่อ ให้เขามาติดกับในเกมส์โสมมของมัน

    “เปล่าๆ ฉันไม่ได้ทำอะไรพวกมันเลย” มันบีบเสียงสูงเป็นการยั่วโทสะ “มันเป็นความโง่ของแกที่หลงเชื่อตามคำพูดของ‘ยายแม้น’ ซึ่งไม่รู้ว่าแม้นไหน”

    เสียงหัวเราะร่วนเสียดลึกไปถึงขั้วหัวใจ ตอกย้ำถึงความเลินเล่อของเขาเองที่เมื่อทราบข่าวก็ตะลีตะลานรีบกลับบ้าน ไม่ทันได้โทรไปถามข่าวคราวหาที่บ้านสักครั้งเดียว ด้วยไว้ใจในความสนิทสนมกับ‘ยายแม้น’ ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นยายแม้นปลอมเสียนี่
    
คนที่เป็นอัมพาตครึ่งตัวนึกด่าตัวเองด้วยความเจ็บใจ หากก็ยังไม่ไว้ใจในคำพูดของชายคนนั้นนัก คนชั่วช้าอย่างมัน แม้แต่เรื่องความตายยังพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
    
“แต่ก็ต้องขอบใจแกที่ทำให้เรื่องมันง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้” มันว่าพลางแสยะยิ้ม “หลายปีที่ฉันเฝ้าสืบหาตัวแก...ไม่สิ ฉันหาตัวพ่อแก และไอ้สมรักษ์ แต่สุดท้ายก็พบว่ามันชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อน เหลือแต่ไอ้แก่สมรักษ์คนเดียว แต่เกมส์จะให้เล่นคนเดียวก็ไม่สนุกจริงไหม”

    แววตาวาวโรจน์ตวัดมามองเขา ก่อนหัวเราะเสียงแหลม ดูมันช่างสนุกสนาน ที่ได้เล่าถึงผลงานอันชั่วร้ายเกินกว่าคนปกติจะคิดได้
    
“ฉันก็ไม่สิ้นหวังเสียทีเดียว เพราะไอ้นภดลยังมีลูกของมันเหลืออีกตั้งสามตัว...ตอนแรกฉันกะคิดว่าจะฆ่าพวกแกทั้งหมด เพื่อให้สาสมกับสิ่งที่พ่อแกกับไอ้สมรักษ์เคยทำ แต่ฆ่าให้ตายทีเดียวมันถือว่าปรานีไป เพราะพวกแกต้องได้รับรู้รสชาติความเจ็บปวด และทุกข์ทรมานอย่างที่เคยทำกับครอบครัวฉัน”

    เอกราชกวาดสายตามองรอบๆ หาทางหนีทีไล่ ทั้งสองอยู่บริเวณกลางห้อง ห่างออกไปหลายสิบเมตรกว่าจะถึงประตู ด้วยสภาพแบบนี้เขาคงไม่รอดตั้งแต่ก้าวแรก และที่สำคัญ เขาเหลือบเห็นร่างผอมเกร็งของคุณไพบูลย์ยืนซุ่มเงียบอยู่ในเงามืดข้างประตู คุมเชิงอีกชั้นเผื่อเกิดการผิดพลาด เป็นการปิดประตูตายโดยสมบูรณ์

    “อันดับแรกฉันต้องทำให้มันแนบเนียนโดยการวางตัวล่อ นั่นคือคือเงิน” มันยังคงพูดต่อไป  “สิ่งที่พร้อมจะทิ่มแทงลูกตาของคนโลภให้มืดบอด ฉันได้มือปืนอย่างไอ้สุทัศน์ โสเภณีฆาตกรอย่างนังสุตาภา หรือว่าพนักงานธนาคารที่กำลังตกอับเพราะถูกจับได้ว่ายักยอกเงินลูกค้า...ฉันเลือกคนที่มั่นใจว่าพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเงิน แม้กระทั่งต้องฆ่าคน แล้วทีนี้ฉันก็จำลองเหตุการณ์เหมือนเมื่อสิบห้าปีก่อน ครั้งที่พ่อแก ไอ้สมรักษ์ และเพื่อนมันอีกคนที่ตายห่าไปแล้วทำไว้กับครอบครัวฉัน”

    ฉับพลันนั้นร่างที่เดินอยู่ชะงักกึก กายสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ดวงตาถลึงเต็มเบ้า แววเคียดแค้นฉายวาบเป็นประกาย มันกำมือ ขบกรามแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน กิริยาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เป็นความอาฆาตแค้นอย่างสุดขีด ทำให้เอกราชรู้สึกลัวว่ามันอาจจะลงมือฆ่าเขาเสียเดี๋ยวนี้ แต่มันก็เริ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงดุต่ำลอดไรฟัน
    
“คืนนั้นเมื่อสิบห้าปีก่อน พวกมันสามคนย่องเข้ามาในบ้าน ในขณะที่สามคนพ่อแม่ลูกกำลังหลับใหล มันจับพวกฉันจากเตียง มัดรวมกันไว้ แล้วขนของทรัพย์สินที่มีค่าทั้งหมดภายในบ้าน ซึ่งมันควรจะจบลงที่ โจรหนีไป ทิ้งเหยื่อโชคร้ายในบ้านไว้ ในสภาพที่ถูกมัดมือมัดเท้า...แต่ความจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น

    พวกมันหนึ่งคนได้เสนอเกมส์อันวิตถารขึ้น บังคับให้พวกฉันเป็นเหยื่อใต้อาณัติ มันบังคับให้พ่อฉันซ้อมแม่ต่อหน้าพวกมัน ราวกับเป็นการแสดงอันน่าอภิรมย์ และพ่อก็ยอมสยบอยู่ใต้แทบเท้า ทั้งเตะ ทั้งต่อย เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังตลอดเวลาครึ่งชั่วโมง แต่แม่ก็เข้มแข็ง ไม่ร้องขอชีวิตแม้แต่คำเดียว ทั้งๆที่พ่อ...สมควรที่ต้องยืนหยัดปกป้องคนในบ้าน กลับยอมทำตามที่พวกมันสั่งด้วยความขลาดกลัว ยอมแม้กระทั่งทำร้ายแม่บาดเจ็บปางตาย ท่ามกลางเสียงหัวเราะ และแววตาประดุจสัตว์ร้ายของพวกมัน

    ฉันต้องทนเห็นแม่นอนหายใจรวยริน สภาพบอบช้ำอย่างหนัก แม้อยากจะช่วย ก็ทำไม่ได้ เพราะถูกพ่อของแกล็อคแขนล็อคขาเอาไว้ ฉันก้มกราบแทบเท้า วิงวอนขอให้ปล่อยชีวิตพวกเราสามคนพ่อแม่ลูกไป แต่มันไม่ฟังเสียง พวกมันคนหนึ่งจ่อปืนไปที่หัวพ่อ พร้อมยื่นมีดให้กับท่าน วินาทีนั้นฉันเหมือนตายไปก่อนแล้ว พวกมันยื่นข้อเสนอให้พ่อลงมือฆ่าแม่ โดยแลกกับการหลอกว่าจะยอมไว้ชีวิต

    ฉันรู้มานานแล้วว่าท่านทั้งสองกำลังจะเลิกกัน แต่ไม่คิดว่าจะรักตัวกลัวตายถึงขนาดยอมทำร้ายคนที่เคยผูกพันกันมา เพียงเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง สุดท้ายพ่อก็แทงลงไปที่ร่างของแม่มิดด้าม ฉันยังจำได้ถึงเสียงหวีดร้องของตัวเอง และประกายตาแห่งความเจ็บปวด และผิดหวังของแม่ ท่านรวดร้าว ทรมานเกินกว่าจะเปล่งเสียงร้องใดๆ ดวงตาที่เบิกค้างก่อนตายมันยังตามหลอกหลอนฉันจนถึงทุกวันนี้
    
แต่นั่นยังไม่สาแก่ใจพวกมัน ไอ้สมรักษ์มันจ่อปืนยิงซ้ำไปที่หัวแม่ ทั้งๆที่ท่านหมดลมหายใจไปแล้ว ในตอนนั้นฉันเหมือนเป็นบ้า ร่างกายเหมือนจะแหลกสลายลงตรงนั้น ภาวนาให้นรกบนดินมันจบสิ้นไปเสียที แต่มันก็เป็นเพียงแค่ขุมแรกที่ฉันต้องเจอ”
    
เอกราชนิ่งตะลึงงัน ก้อนแข็งแล่นขึ้นมาจุกลำคอจนหายใจไม่ออก เหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด เรื่องราวในอดีตที่ได้รับฟังมันช่างเลวร้าย อันโหดเหี้ยมไม่ต่างจากที่เขาเพิ่งเผชิญ และแย่ยิ่งกว่านั้นคือการถูกทำร้ายจากคนในครอบครัว ซึ่งพ่อของเขาเป็นหนึ่งในสาเหตุนั้น

    ในหัวสมองมีอะไรมากมายตีวนจนอื้ออึงไปหมด เหตุการณ์ที่ได้รับฟังมันไปไกลเกินกว่าที่เขาจะคาดฝันถึง รวมถึงการนำมาสู่ความจริงอันน่าพรั่นพรึงถึงอดีตอันเลวร้ายของพ่อตัวเอง ที่เขาเคยคิดมาตลอดว่าพ่อคือฮีโร่ในดวงใจ ยอมเสียสละเพื่อทุกคนในครอบครัว มาบัดนี้มันกลับถูกสั่นคลอนจนพังทลายลงไปหมดสิ้น
    
“พวกมันเป็นสัตว์นรกภายใต้หน้ากากมนุษย์ เกมสุดท้ายที่บันเทิงใจของมันคือการให้พ่อยิงตรงเข้าไปที่หัวใจของฉัน มันโยนปืนให้ท่าน ในนั้นมีกระสุนแค่นัดเดียว ซึ่งถ้าหากพ่อแสดงอาการขัดขืนแม้แต่นิดเดียว ฉันก็จะไม่เจ็บปวดใจเท่านี้ พ่อกลัวความตายที่จ่อหัวด้วยปากกระบอกปืน มากกว่าเห็นลูกของตัวเองตาย...ช่างน่าขยะแขยงสิ้นดี”

    ท้ายประโยคชายคนนั้นชักสีหน้าเหยเก ยกมือขึ้นลูบบริเวณอกข้างซ้าย ความเจ็บปวดเมื่อครั้งอดีตแล่นย้อนกลับมาทำร้ายทุกครั้งยามนึกถึงมัน เอกราชนึกภาพตามในหัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เกิดคล้อยตามความรันทดหดหู่ที่ชายคนนี้ได้รับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่