.......................กระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วม กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ากระแสวันพืชมงคล เร่งมาตรการบริหารจัดการการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวแบบครบวงจร 4 แนวทางหลัก หวังสร้างอาชีพใหม่ให้เกษตรกรไทย เป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูง ตั้งเป้าผลิตเมล็ดพันธุ์ให้ได้ 600,000 ตัน ภายใน 3 ปี หวังสร้างรายได้เพิ่มแก่เกษตรกรกว่า 50,000 ล้านบาท/ปี
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ในโอกาสวันพืชมงคล ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญของเกษตรกรไทย เป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรที่สร้างคุณประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ และเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก
ดังนั้น ในฐานะกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นหน่วยงานที่ผลักดันและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี เข้ามามีส่วนพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย ให้มีความอยู่ดีกินดีมากขึ้น โดยการบูรณาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทย ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก
รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวของไทยและส่งออกข้าวจาก 170,000 ล้านบาท เป็น 250,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการผลิตและส่งออกข้าวคุณภาพ ราคา 700 เหรียญ/ตัน ขึ้นไปเป็นหลัก ทั้งนี้ กระทรวงวิทย์ฯ ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เร่งดำเนินงานร่วมกับกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์บริหารจัดการการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวครบวงจร โดยหาช่องทางผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มผลผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ได้ 600,000 ตัน/ปี
เนื่องจากในขณะนี้ปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีมีคุณภาพ นับเป็นปัญหาใหญ่ของชาวนาไทยที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในแต่ละปีชาวนามีความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อการเพาะปลูกประมาณ 1 ล้านตัน ส่วนหนึ่งมาจากชาวนาเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง ขณะที่ภาครัฐและเอกชนสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีได้เพียงปีละ 400,000 ตัน ซึ่งยังไม่เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร เพราะฉะนั้นเกษตรกรส่วนหนึ่งต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจากแหล่งผลิตที่ไม่รู้คุณภาพหรือนำข้าวเปลือกมาเป็นเมล็ดพันธุ์ หากชาวนาใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจะสามารถเก็บไว้ปลูกได้ 3 ฤดูกาล จึงคาดว่ามีความต้องการในการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ 600,000 ตัน/ปี
ดังนั้น กระทรวงวิทย์ฯ และกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมีมาตรการบริหารจัดการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ออกเป็น 4 แนวทาง กล่าวคือ การเพิ่มอาชีพเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูง โดยการส่งเสริมและถ่ายทอดการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพให้กับศูนย์ข้าวชุมชน สหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน และเอกชน
พร้อมทั้งสนับสนุนเงินทุนหรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และราคาจูงใจที่เหมาะสม การพัฒนาผู้ตรวจประเมินคุณภาพแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว การลดเวลาในกระบวนการตรวจรับรองแปลงเมล็ดพันธุ์ (GAP seed) โดยให้สถาบันการศึกษาจากภาครัฐ/เอกชน ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจ และยกระดับกรมการข้าวเป็นผู้ให้การรับรอง และ สวทช. สนับสนุนเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจ เสนอการบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชสำหรับการผลิตเพื่อการค้า เพื่อลดปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่ทราบคุณภาพออกจากระบบ และการใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรของ ธกส. เป็นกลไกส่งเสริมการผลิตและใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี โดยเกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ซึ่งรวมถึง ผู้จำหน่ายต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการข้าว และกำหนดให้ชาวนาที่ใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจากผู้ผลิตและผู้จำหน่ายที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น จากกลไกการบริหารดังกล่าวข้างต้น คาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่ได้คุณภาพ ภายในระยะเวลา 3 ปี
นายวรวัจน์ฯ กล่าวเพิ่มว่า การผลิตข้าวให้ได้คุณภาพดีนั้น ต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ การใช้พันธุ์และเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี การบริหารจัดการ ซึ่งรวมถึง ระบบชลประทาน การใส่ปัจจัยการผลิตในปริมาณและเวลาที่ต้องการ เช่น ปุ๋ย น้ำ สารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลง การเก็บเกี่ยวในระยะเวลาที่เหมาะสม การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าข้าว และระบบ โลจิสติกส์
ดังนั้น หากการผลักดันมาตรการบริหารจัดการเมล็ดพันธุ์ข้าวแบบครบวงจรสำเร็จและเป็นรูปธรรม จะทำให้ข้าวไทยทุกเมล็ดมีคุณภาพสูง มีเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร 600,000 ตัน/ปี เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 50,000 ล้านบาท/ปี และสิ่งสำคัญนั้นทำให้เกิดธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ยั่งยืนดำเนินการโดยกลุ่มเครือข่ายเกษตรกร ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้น จากการจำหน่ายข้าวเมล็ดพันธุ์แทนการขายข้าวเปลือก คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท/ปี
***********************************
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
จุดประกายความคิด สร้างโอกาสธุรกิจไทย
ส่งมอบผลงานวิจัย พัฒนาไทยสู่สังคมฐานความรู้ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผู้ส่งข่าว นางเกศวรงค์ หงส์ลดารมภ์
ฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ สวทช.
โทร. ๐-๒๖๔๔-๘๑๕๐ ต่อ ๗๐๙ โทรสาร ๐-๒๖๔๔-๘๑๙๒ www.nstda.or.th, facebook nstdapr
ที่มา
http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/505199
ก.วิทย์หนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูง
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ในโอกาสวันพืชมงคล ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญของเกษตรกรไทย เป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรที่สร้างคุณประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ และเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก
ดังนั้น ในฐานะกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นหน่วยงานที่ผลักดันและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี เข้ามามีส่วนพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย ให้มีความอยู่ดีกินดีมากขึ้น โดยการบูรณาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทย ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก
รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวของไทยและส่งออกข้าวจาก 170,000 ล้านบาท เป็น 250,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการผลิตและส่งออกข้าวคุณภาพ ราคา 700 เหรียญ/ตัน ขึ้นไปเป็นหลัก ทั้งนี้ กระทรวงวิทย์ฯ ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เร่งดำเนินงานร่วมกับกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์บริหารจัดการการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวครบวงจร โดยหาช่องทางผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มผลผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ได้ 600,000 ตัน/ปี
เนื่องจากในขณะนี้ปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีมีคุณภาพ นับเป็นปัญหาใหญ่ของชาวนาไทยที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในแต่ละปีชาวนามีความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อการเพาะปลูกประมาณ 1 ล้านตัน ส่วนหนึ่งมาจากชาวนาเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง ขณะที่ภาครัฐและเอกชนสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีได้เพียงปีละ 400,000 ตัน ซึ่งยังไม่เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร เพราะฉะนั้นเกษตรกรส่วนหนึ่งต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจากแหล่งผลิตที่ไม่รู้คุณภาพหรือนำข้าวเปลือกมาเป็นเมล็ดพันธุ์ หากชาวนาใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจะสามารถเก็บไว้ปลูกได้ 3 ฤดูกาล จึงคาดว่ามีความต้องการในการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ 600,000 ตัน/ปี
ดังนั้น กระทรวงวิทย์ฯ และกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมีมาตรการบริหารจัดการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ออกเป็น 4 แนวทาง กล่าวคือ การเพิ่มอาชีพเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูง โดยการส่งเสริมและถ่ายทอดการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพให้กับศูนย์ข้าวชุมชน สหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน และเอกชน
พร้อมทั้งสนับสนุนเงินทุนหรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และราคาจูงใจที่เหมาะสม การพัฒนาผู้ตรวจประเมินคุณภาพแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว การลดเวลาในกระบวนการตรวจรับรองแปลงเมล็ดพันธุ์ (GAP seed) โดยให้สถาบันการศึกษาจากภาครัฐ/เอกชน ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจ และยกระดับกรมการข้าวเป็นผู้ให้การรับรอง และ สวทช. สนับสนุนเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจ เสนอการบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชสำหรับการผลิตเพื่อการค้า เพื่อลดปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่ทราบคุณภาพออกจากระบบ และการใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรของ ธกส. เป็นกลไกส่งเสริมการผลิตและใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี โดยเกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ซึ่งรวมถึง ผู้จำหน่ายต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการข้าว และกำหนดให้ชาวนาที่ใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจากผู้ผลิตและผู้จำหน่ายที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น จากกลไกการบริหารดังกล่าวข้างต้น คาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่ได้คุณภาพ ภายในระยะเวลา 3 ปี
นายวรวัจน์ฯ กล่าวเพิ่มว่า การผลิตข้าวให้ได้คุณภาพดีนั้น ต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ การใช้พันธุ์และเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี การบริหารจัดการ ซึ่งรวมถึง ระบบชลประทาน การใส่ปัจจัยการผลิตในปริมาณและเวลาที่ต้องการ เช่น ปุ๋ย น้ำ สารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลง การเก็บเกี่ยวในระยะเวลาที่เหมาะสม การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าข้าว และระบบ โลจิสติกส์
ดังนั้น หากการผลักดันมาตรการบริหารจัดการเมล็ดพันธุ์ข้าวแบบครบวงจรสำเร็จและเป็นรูปธรรม จะทำให้ข้าวไทยทุกเมล็ดมีคุณภาพสูง มีเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร 600,000 ตัน/ปี เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 50,000 ล้านบาท/ปี และสิ่งสำคัญนั้นทำให้เกิดธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ยั่งยืนดำเนินการโดยกลุ่มเครือข่ายเกษตรกร ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้น จากการจำหน่ายข้าวเมล็ดพันธุ์แทนการขายข้าวเปลือก คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท/ปี
***********************************
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
จุดประกายความคิด สร้างโอกาสธุรกิจไทย
ส่งมอบผลงานวิจัย พัฒนาไทยสู่สังคมฐานความรู้ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผู้ส่งข่าว นางเกศวรงค์ หงส์ลดารมภ์
ฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ สวทช.
โทร. ๐-๒๖๔๔-๘๑๕๐ ต่อ ๗๐๙ โทรสาร ๐-๒๖๔๔-๘๑๙๒ www.nstda.or.th, facebook nstdapr
ที่มา http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/505199