การเคลื่อนไหวของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี นับจากนี้คงมีนัยและมีความหมาย จนเป็นที่
จับตามองจากฝ่ายรัก ฝ่ายชัง ฝ่ายหนุน ฝ่ายต้านมากขึ้น ไม่ว่าบนเวทีทางเศรษฐกิจ หรือเวทีการเมือง
หลังการปาฐกถาที่ประเทศมองโกเลีย ซึ่งตีแผ่ปัญหาประชาธิปไตยไทย สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว
ทั้งกระดานการเมือง ผิดกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพี่ เดินทางรอบไทย
ขึ้นเหนือไปยังเอเชียกลาง เอเชียตะวันออก วกกลับเข้าสู่ตะวันออกกลาง
เดินสายพบผู้นำต่างชาติ ตั้งวงเจรจา-ถกเถียง ในวาระการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยกับนานาชาติ
เพื่อแผ้วถาง กรุยทางผลประโยชน์ให้รัฐบาลน้องสาวได้สานต่อ
ภาพการเคลื่อนไหวของ "พ.ต.ท. ทักษิณ" ที่ปรากฏในช่วงหลัง จึงเป็นภาพของเศรษฐกิจ นำการเมือง
ไม่ใช่การเมืองนำเศรษฐกิจเหมือนทุกครั้ง
เริ่มจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าร่วมวงเจรจาในที่ลับ และแจ้ง กับกลุ่มบริษัทเอกชนเกี่ยวกับโครงการ
บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านที่ประเทศเกาหลีใต้
โผล่มาเล่นน้ำสงกรานต์ในพม่า ก่อนพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่า
โคจรไปพบนายกรัฐมนตรีอิรัก เจรจาความร่วมมือระหว่างไทยและอิรักด้านพลังงานและอาหาร
วกกลับมาตอนใต้ของไทยเข้าพบอดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัด และนายนาจิบ ราซะก์ นายก
รัฐมนตรีมาเลเซีย พร้อมกับขอความร่วมมือครูสอนศาสนา (อุสตาซ) ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
เพื่อขอความร่วมมือแก้ปัญหาไฟใต้
จากนั้นเดินทางมาฮ่องกง ฐานบัญชาการหลักเพื่อให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย บินไปแวะเวียนคารวะ ก่อนบิน
ตรงพบปะเพื่อนฝูงในประเทศจีน
ทั้งบทบาท "ยิ่งลักษณ์" และบทบาท "พ.ต.ท.ทักษิณ" ประหนึ่งว่าแบ่งบทบาท สลับหน้าที่กันเล่น
เพราะขณะที่ "ยิ่งลักษณ์" สวมบทนักประชาธิปไตย เดินสายประจานกลเกมการใช้อำนาจฝั่งขั้วตรงข้าม
"พ.ต.ท.ทักษิณ" ก็กำหนดวงโคจรรอบไทย นำร่องหารือด้านเศรษฐกิจ
คู่ขนานไปกับการชี้แจงปัญหาประชาธิปไตยของน้องสาว
ทั้งที่ในอดีต การเรียกร้องความไม่เป็นธรรมทางการเมืองมักเกิดขึ้นจากฝ่าย "พ.ต.ท.ทักษิณ" เป็นตัว
เปิดเกม เรียกร้องประชาธิปไตย
การเปิดเกมของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" เริ่มตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ใช้วิธีจ้างล็อบบี้ยิสต์
ชื่อดังของสหรัฐอเมริกาถึง 4 บริษัท เป็นตัววางกลเกมการเมืองบนเวทีโลก
ประกอบด้วย 1.BGR Government Affairs ว่าจ้างให้ดูแลงานล็อบบี้นักการเมืองในสหรัฐ และ
ประชาสัมพันธ์ความเป็นนักประชาธิปไตยของตนเอง
2.Amsterdam & Peroff เป็นสำนักงานกฎหมายของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ซึ่งขณะนี้เป็นทนายให้
กับคนเสื้อแดง ส่งเรื่อง 98 ศพ ไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ
3.Kobre & Kim LLP จ้างให้ล็อบบี้ด้านการวางแผนต่าง ๆ นโยบาย
4.Baker Botts LLP เป็นตัวจักรสำคัญในการล็อบบี้นักการเมืองในสหรัฐ เนื่องจากมีนายเจมส์ เบเกอร์
อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ สมัยประธานาธิบดีจอร์ช บุช เป็นเจ้าของ
"พ.ต.ท.ทักษิณ" ต้องทุ่มเงินไม่น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ตลอดเวลาที่ต้อง
โคจรรอบโลก
ซึ่งบรรดาล็อบบี้ยิสต์ในสหรัฐที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ทุ่มเงินลงไป ล้วนเป็นบุคคลที่เคยทำงานใกล้ชิดกับ
คนมีตำแหน่งในทำเนียบขาว และในสภาคองเกรสของสหรัฐแทบทั้งสิ้น
จนทำให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" พลิกสถานการณ์จากบุคคลต้องห้าม ที่สหรัฐไม่ให้เข้าประเทศในยุครัฐบาล
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนสามารถกลับไปเหยียบย่ำแดนพญาอินทรีได้อีกครั้งเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน
การจ้างล็อบบี้ยิสต์เดินเกมการเมืองตามยุทธศาสตร์ "โลกล้อมไทย" หลายครั้ง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามอย่าง
รัฐบาลอภิสิทธิ์ในขณะนั้น ต้องควักเงินจากกระทรวงการคลังมากกว่า 8 ล้านบาท จ้างล็อบบี้ยิสต์ตอบโต้
"พ.ต.ท.ทักษิณ" เช่นกัน
มาวันนี้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" เปลี่ยนแนวรุกด้วยการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ มาเป็นรุกในโซเชียลมีเดีย ขยายผลงาน
ผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อ "Thaksin Shinawatra"
คู่ขนานไปกับการเดินสายโรดโชว์ประเทศของ "ยิ่งลักษณ์" ทั้งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การเจรจาด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ขยายวงไปถึงเรื่องการเมือง
หลังจาก "ยิ่งลักษณ์" เยือนมองโกเลียที่เป็นต้นตอของสปีชร้อน กำหนดการต่อไปในช่วงครึ่งปีหลังส่ง
ตรงมาจากตึกไทยคู่ฟ้าถึงสำนักโฆษกฯ ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า "ยิ่งลักษณ์" จะเดินสายไปยัง 2 ประเทศ
ที่เป็นมหาอำนาจของโลก ทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก คือ 1.ญี่ปุ่น 2.สหรัฐอเมริกา
แม้การเดินทางไปเยือนต่างประเทศของ "ยิ่งลักษณ์" จะเน้นภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า
ทั้งสองประเทศล้วนมีนัยทางการเมืองแฝงอยู่
สำหรับญี่ปุ่น "ยิ่งลักษณ์" มีคิวตามคำเชิญของนักลงทุนในตลาดหุ้นของญี่ปุ่น โดยมีเจ้าภาพคือ
"ตลาดหุ้นนิกเคอิ" แต่กำหนดการของนายกฯไทย ไปในช่วงเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังเกิดการ
ถกเถียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับไทย
ส่วนสหรัฐเป็นที่รู้กันว่า เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ และเป็นแกนนำมหาอำนาจของระบอบประชาธิปไตย
โลก แม้ยังไม่มีการเปิดเผยวาระที่ "ยิ่งลักษณ์" เตรียมเดินทางไปเหยียบสหรัฐ แต่ทุกฝีก้าวบนแผ่นดิน
ประชาธิปไตยย่อมมีนัยการเมืองแฝงเร้นอยู่
ดังนั้น ในภาวะที่ต้องสู้รบปรบมือกับฝ่ายผู้ต่อต้านประชาธิปไตย ตามที่ "ยิ่งลักษณ์" ให้คำนิยาม
"ยิ่งลักษณ์" จึงต้องเดินเกม "โลกล้อมไทย" ตามรอย "พ.ต.ท.ทักษิณ" ผู้พี่ เพื่อให้อยู่รอดบนกระดาน
การเมืองต่อไป
(ที่มา:ประชาชาติธุรกิจ 9-12 พ.ค.2556)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1368100615&grpid=&catid=12&subcatid=1200
วันนี้ ปชป. เป็นฝ่ายค้าน ....จะทำยังไงดี หรือจะรอ จน ....
สุดท้าย กลุ่มประชาชนทนไม่ไหว บอกว่า ปิดประเทศไปเลย ...ต่างชาติ ... จะมามีอิทธิพลเหนือ
เราได้ยังไง เชื่อสิ .... แล้ว ปชป. ก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ ...ฟอร์มเดิม .....
ผ่านการแทรกแซงของ คณะทหาร .... เพียงแต่ ทหารจะกล้าไหม เท่านั้น .....
ฟื้นแผนโลกล้อมไทย "ยิ่งลักษณ์" ตามรอย "ทักษิณ" เป้าต่อไปคือ "ญี่ปุ่น-อเมริกา" ...มติชนออนไลน์
จับตามองจากฝ่ายรัก ฝ่ายชัง ฝ่ายหนุน ฝ่ายต้านมากขึ้น ไม่ว่าบนเวทีทางเศรษฐกิจ หรือเวทีการเมือง
หลังการปาฐกถาที่ประเทศมองโกเลีย ซึ่งตีแผ่ปัญหาประชาธิปไตยไทย สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว
ทั้งกระดานการเมือง ผิดกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพี่ เดินทางรอบไทย
ขึ้นเหนือไปยังเอเชียกลาง เอเชียตะวันออก วกกลับเข้าสู่ตะวันออกกลาง
เดินสายพบผู้นำต่างชาติ ตั้งวงเจรจา-ถกเถียง ในวาระการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยกับนานาชาติ
เพื่อแผ้วถาง กรุยทางผลประโยชน์ให้รัฐบาลน้องสาวได้สานต่อ
ภาพการเคลื่อนไหวของ "พ.ต.ท. ทักษิณ" ที่ปรากฏในช่วงหลัง จึงเป็นภาพของเศรษฐกิจ นำการเมือง
ไม่ใช่การเมืองนำเศรษฐกิจเหมือนทุกครั้ง
เริ่มจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าร่วมวงเจรจาในที่ลับ และแจ้ง กับกลุ่มบริษัทเอกชนเกี่ยวกับโครงการ
บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านที่ประเทศเกาหลีใต้
โผล่มาเล่นน้ำสงกรานต์ในพม่า ก่อนพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่า
โคจรไปพบนายกรัฐมนตรีอิรัก เจรจาความร่วมมือระหว่างไทยและอิรักด้านพลังงานและอาหาร
วกกลับมาตอนใต้ของไทยเข้าพบอดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัด และนายนาจิบ ราซะก์ นายก
รัฐมนตรีมาเลเซีย พร้อมกับขอความร่วมมือครูสอนศาสนา (อุสตาซ) ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
เพื่อขอความร่วมมือแก้ปัญหาไฟใต้
จากนั้นเดินทางมาฮ่องกง ฐานบัญชาการหลักเพื่อให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย บินไปแวะเวียนคารวะ ก่อนบิน
ตรงพบปะเพื่อนฝูงในประเทศจีน
ทั้งบทบาท "ยิ่งลักษณ์" และบทบาท "พ.ต.ท.ทักษิณ" ประหนึ่งว่าแบ่งบทบาท สลับหน้าที่กันเล่น
เพราะขณะที่ "ยิ่งลักษณ์" สวมบทนักประชาธิปไตย เดินสายประจานกลเกมการใช้อำนาจฝั่งขั้วตรงข้าม
"พ.ต.ท.ทักษิณ" ก็กำหนดวงโคจรรอบไทย นำร่องหารือด้านเศรษฐกิจ
คู่ขนานไปกับการชี้แจงปัญหาประชาธิปไตยของน้องสาว
ทั้งที่ในอดีต การเรียกร้องความไม่เป็นธรรมทางการเมืองมักเกิดขึ้นจากฝ่าย "พ.ต.ท.ทักษิณ" เป็นตัว
เปิดเกม เรียกร้องประชาธิปไตย
การเปิดเกมของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" เริ่มตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ใช้วิธีจ้างล็อบบี้ยิสต์
ชื่อดังของสหรัฐอเมริกาถึง 4 บริษัท เป็นตัววางกลเกมการเมืองบนเวทีโลก
ประกอบด้วย 1.BGR Government Affairs ว่าจ้างให้ดูแลงานล็อบบี้นักการเมืองในสหรัฐ และ
ประชาสัมพันธ์ความเป็นนักประชาธิปไตยของตนเอง
2.Amsterdam & Peroff เป็นสำนักงานกฎหมายของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ซึ่งขณะนี้เป็นทนายให้
กับคนเสื้อแดง ส่งเรื่อง 98 ศพ ไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ
3.Kobre & Kim LLP จ้างให้ล็อบบี้ด้านการวางแผนต่าง ๆ นโยบาย
4.Baker Botts LLP เป็นตัวจักรสำคัญในการล็อบบี้นักการเมืองในสหรัฐ เนื่องจากมีนายเจมส์ เบเกอร์
อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ สมัยประธานาธิบดีจอร์ช บุช เป็นเจ้าของ
"พ.ต.ท.ทักษิณ" ต้องทุ่มเงินไม่น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ตลอดเวลาที่ต้อง
โคจรรอบโลก
ซึ่งบรรดาล็อบบี้ยิสต์ในสหรัฐที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ทุ่มเงินลงไป ล้วนเป็นบุคคลที่เคยทำงานใกล้ชิดกับ
คนมีตำแหน่งในทำเนียบขาว และในสภาคองเกรสของสหรัฐแทบทั้งสิ้น
จนทำให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" พลิกสถานการณ์จากบุคคลต้องห้าม ที่สหรัฐไม่ให้เข้าประเทศในยุครัฐบาล
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนสามารถกลับไปเหยียบย่ำแดนพญาอินทรีได้อีกครั้งเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน
การจ้างล็อบบี้ยิสต์เดินเกมการเมืองตามยุทธศาสตร์ "โลกล้อมไทย" หลายครั้ง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามอย่าง
รัฐบาลอภิสิทธิ์ในขณะนั้น ต้องควักเงินจากกระทรวงการคลังมากกว่า 8 ล้านบาท จ้างล็อบบี้ยิสต์ตอบโต้
"พ.ต.ท.ทักษิณ" เช่นกัน
มาวันนี้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" เปลี่ยนแนวรุกด้วยการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ มาเป็นรุกในโซเชียลมีเดีย ขยายผลงาน
ผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อ "Thaksin Shinawatra"
คู่ขนานไปกับการเดินสายโรดโชว์ประเทศของ "ยิ่งลักษณ์" ทั้งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การเจรจาด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ขยายวงไปถึงเรื่องการเมือง
หลังจาก "ยิ่งลักษณ์" เยือนมองโกเลียที่เป็นต้นตอของสปีชร้อน กำหนดการต่อไปในช่วงครึ่งปีหลังส่ง
ตรงมาจากตึกไทยคู่ฟ้าถึงสำนักโฆษกฯ ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า "ยิ่งลักษณ์" จะเดินสายไปยัง 2 ประเทศ
ที่เป็นมหาอำนาจของโลก ทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก คือ 1.ญี่ปุ่น 2.สหรัฐอเมริกา
แม้การเดินทางไปเยือนต่างประเทศของ "ยิ่งลักษณ์" จะเน้นภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า
ทั้งสองประเทศล้วนมีนัยทางการเมืองแฝงอยู่
สำหรับญี่ปุ่น "ยิ่งลักษณ์" มีคิวตามคำเชิญของนักลงทุนในตลาดหุ้นของญี่ปุ่น โดยมีเจ้าภาพคือ
"ตลาดหุ้นนิกเคอิ" แต่กำหนดการของนายกฯไทย ไปในช่วงเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังเกิดการ
ถกเถียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับไทย
ส่วนสหรัฐเป็นที่รู้กันว่า เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ และเป็นแกนนำมหาอำนาจของระบอบประชาธิปไตย
โลก แม้ยังไม่มีการเปิดเผยวาระที่ "ยิ่งลักษณ์" เตรียมเดินทางไปเหยียบสหรัฐ แต่ทุกฝีก้าวบนแผ่นดิน
ประชาธิปไตยย่อมมีนัยการเมืองแฝงเร้นอยู่
ดังนั้น ในภาวะที่ต้องสู้รบปรบมือกับฝ่ายผู้ต่อต้านประชาธิปไตย ตามที่ "ยิ่งลักษณ์" ให้คำนิยาม
"ยิ่งลักษณ์" จึงต้องเดินเกม "โลกล้อมไทย" ตามรอย "พ.ต.ท.ทักษิณ" ผู้พี่ เพื่อให้อยู่รอดบนกระดาน
การเมืองต่อไป
(ที่มา:ประชาชาติธุรกิจ 9-12 พ.ค.2556)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1368100615&grpid=&catid=12&subcatid=1200
วันนี้ ปชป. เป็นฝ่ายค้าน ....จะทำยังไงดี หรือจะรอ จน ....
สุดท้าย กลุ่มประชาชนทนไม่ไหว บอกว่า ปิดประเทศไปเลย ...ต่างชาติ ... จะมามีอิทธิพลเหนือ
เราได้ยังไง เชื่อสิ .... แล้ว ปชป. ก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ ...ฟอร์มเดิม .....
ผ่านการแทรกแซงของ คณะทหาร .... เพียงแต่ ทหารจะกล้าไหม เท่านั้น .....