Weight training 3 เดือนด้วยตัวเองที่บ้าน กับความเปลี่ยนแปลงที่ได้(ตามรูป)...เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ


สืบเนื่องจากกระทู้นี้ครับ http://ppantip.com/topic/30202412 ตั้งแต่วันนั้นที่ตั้งกระทู้จนถึงวันนี้ก็ผ่านมา2เดือน มาตามสัญญาว่าจะupdate ให้ดูอีกครั้ง ซึ่งถ้ารวมวันแรกที่ออกวิ่ง(บนลู่วิ่งส่วนตัว)ถึงวันนี้ก็ 5 เดือนเต็มแล้วครับ จากน้ำหนักชั่งครั้งแรกก่อนออกวิ่ง 85.5 กิโล จนปัจจบันแกว่งอยู่ที่73-74 กิโล รอบเอวจาก36" กลายมาเป็น 32" นี่ล่ะครับผลจากการออกกำลัง

แต่ต้องบอกว่าช่วงหลังตั้งแต่เดือนเมษาจนถึงวันนี้แทบจะweight อย่างเดียวเลย นานๆจะไปทำคาร์ดิโอสักที แต่เพิ่มการweight เป็น1ชม.เป็นอย่างน้อยในแต่ละครั้งที่เล่น จริงๆแล้วผมว่าคาร์ดิโอควบคู่ไปด้วยจะดีกว่า แต่หลังๆพอเริ่มweightหนักขึ้นบอกตรงๆว่าแทบจะทำคาร์ดิโอต่อไม่ไหว ผมเลยตัดสินใจweightมันอย่างเดียวให้หนักไปเลยดีกว่า แต่คุณก็จะไม่ได้หัวใจกับปอดอย่างเต็มที่เท่ากับการทำคาร์ดิโอ รวมทั้งไม่ลีนเท่าที่ควรอีกด้วย แต่ช่วงนี้ผมขอbuild กล้ามอย่างเดียวก่อนให้มันใหญ่ๆกว่านี้ก่อนแล้วเรื่องอื่นว่ากันทีหลัง

ผมขอเล่าย้อนหลังไปนิดนึงถึงช่วงเริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ ช่วงนั้นต้องบอกว่าผมซีเรียสกับการนับแคลอรี่มาก in take ต้องไม่มากกว่า ที่คุณburn ในแต่ละวัน ผมมีทั้งตัวนับก้าวและโปรแกรม fitness pal สำหรับtrack แคลอรี่ในแต่ละวัน ถ้าวันไหนผมเดินหรือวิ่งรวมๆกันได้สัก 10,000 ก้าวเนี่ย จะรู้สึกภูมิใจมากๆ แบบว่านับแคลกันจนเครียด แต่หลังๆเมื่อคุณออกกำลังกายไปได้สักพักนึง คุณจะรู้สึกว่ามันมีความจำเป็นน้อยลง ไม่ต้องไปซีเรียสกับมันถึงขนาดนั้น(พอๆกับน้ำหนักบนตาชั่ง แรกก็ชั่งมันแทบทุกวันเว้นวัน แต่เดี๋ยวนี้นานๆครั้งพอ)เพียงแต่ว่าให้รู้คร่าวๆก็พอว่าวันนึงคุณกินอะไรไปบ้างสักประมาณกี่แคล (เพราะในชีวิตจริงอาหารที่กินเข้าไปมักจะซ้ำๆเดิมซะส่วนมากเช่นนั้นแล้วมันก็ไม่ค่อยแตกต่างจากเดิม เว้นแต่ว่าคุณเปลี่ยนเมนูแบบรายวันก็อีกเรื่องนึง อย่าพยายามกินจุบกินจิบเป็นใช้ได้) แล้ววันนี้คุณต้อง work out กี่แคลที่สำคัญก็แค่หลีกเลี่ยงอะไรที่มันไม่clean ก็พอ เช่นไขมันเลว, น้ำตาล, แป้งขาว เป็นต้น (จริงๆเหมือนง่ายแต่ชีวิตจริงยากมาก ถ้าผมเลี่ยงได้มากกว่านี้ six pack งามกว่านี้แน่นอน แต่ทุกวันนี้บางทียังตามใจปากเกิน เพียงแต่ว่าต้องยับยั้งชั่งใจเอาแค่หายอยากก็พอ ไขมันเลยยังเพียบอยู่) แต่แนะนำเลยสำหรับมือใหม่ที่เริ่มลดน้ำหนักการนับแคลอรี่นี่เห็นผลแน่นอน กินเข้าไปน้อยกว่าใช้ออกมา ยังไงก็ลด แต่ต้องระวังเรื่องโยโย่ถ้าไม่ออกกำลังเอาแต่อดเพื่อให้แคลที่ใช้มากกว่าแคลที่กิน อันนี้ผิดหลักการร้อยเปอร์เซ็นต์ ผลที่ได้มันจะไม่ยั่งยืนเหมือนการออกกำลังครับ ฟันธง!



อุปกรณ์ที่ใช้และการ workout
อย่างที่บอกว่าผมเริ่มทุกอย่างที่บ้านดังนั้นอุปกรณ์ต่างๆก็ไม่ค่อยซับซ้อนอะไรมากนัก เริ่มจาก treadmill ตัวแรก หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยดัมเบลแบบปรับน้ำหนัก พร้อมม้านอน แรกๆมีเท่านี้จริงๆ หลังๆก็เพิ่ม ez bar พร้อมแผ่นน้ำหนัก อันนี้ผมชอบมากเวลาเล่นbiceptและtricept ผมว่ามันช่วยได้เยอะทีเดียวเล่นแล้วโดนเต็มๆ แถมยังเอามาประยุกต์ใช้กับท่า press หลายๆท่า ได้อีก ขอแนะนำเหมือนกันไอ้ตัวนี้ อีกตัวนึงที่ผมลองแล้วชอบมากๆอีกอันก็คือab roller(ตัวสีฟ้าๆที่เห็น) วันแรกๆที่ซื้อมา ลองซะหลายเซ็ต ต้องบอกว่ามันโดนเต็มๆทั้งท้องและหลัง โดยเฉพาะท้องเนี่ย วันรุ่งขึ้นนี่โดนไม่ได้เลยปวดไปหมดตรงหน้าท้องส่วนบน อันนี้ก็แนะนำเหมือนกัน ล่าสุดได้ดัมเบลแบบเขย่า(dumbell shake) มาอันนึง อันนี้ผมว่าไว้วอร์มดี เหนื่อยพอใช้ได้ทีเดียว เล่นได้ท่อนแขนทั้งหมด แต่ประยุกต์บางท่าได้ท้องด้วยเหมือนกัน ถ้าเอาแค่กระชับเนี่ยตัวนี้ใช้ได้เลยแต่เอาใหญ่นี่เห็นจะลำบาก อย่างที่บอกเอาไว้วอร์มหรือเล่นตอนว่างๆ แก้การบ้าพลังได้ดีทีเดียว ส่วนการworkoutก็ไม่มีอะไรมากผมก็ศึกษาเอาจากในเน็ตนี่แหละเล่น 3 วันพัก 1 วัน วันแรกก็ อกกับไตรเซ็บ วันที่สองก็ หลังกับ ไบเซ็บ ส่วนวันสุดท้ายก็ ขากับ ไหล่,บ่า (จริงๆขาผมเล่นไม่เน้นเท่าไหร่แค่ squat ท่าเดียว 3-4เซ็ต บางทีก็ไม่เล่น เน้นไหล่ ,บ่า อย่างน้อย 3 ท่า หรือไม่วันนี้ก็มีคาร์ดิโอบ้าง) แต่ละส่วนก็เน้นให้ได้เซ็ตละสักประมาณ10-12ทีเป็นอย่างน้อย สัก 3-4 เซ็ต และให้ได้อย่างน้อยสัก 3 ท่าต่อกล้ามเนื้อหนึ่งส่วน ถ้าส่วนไหนเน้นมากๆก็เพิ่มจำนวนเซ็ตหรือน้ำหนักเข้าไปอีก ถ้าเล่นไปสักพักแล้วรู้สึกเบาลงก็ให้เพิ่มน้ำหนักเข้าไปให้ยกได้เท่าเดิมจนหมดแรง แต่กล้ามไม่ใช่ลูกโป่งเป่าปู๊ดเดียวใหญ่ ผมว่ามันขึ้นช้ามากไม่เหมือนอย่างที่เราคาดหวัง 3เดือนที่เล่นเปรียบเหมือนการสร้างบ้านช่วงนี้คือการลงเสาสร้างฐานราก เพื่อรองรับการเล่นที่หนักขึ้นต่อไปในอนาคต

อาหารเสริม
บ่องตง(บอกตรงๆ) ไม่แน่ใจครับว่าจำเป็นมั้ย แต่ผมกินเวย์กับพวกBCAAและวิตามินรวมบ้างตั้งแต่เริ่มเล่นได้สักพัก เลยไม่รู้ว่าถ้าไม่กินจะขึ้นน้อยกว่านี้มั้ย แต่ถ้าไม่กินคงไม่ใหญ่กว่านี้แน่นอน จริงๆแล้วผมว่าการ workout และอาหารหลักสำคัญกว่า รวมถึงการพักผ่อนด้วย แต่ส่วนตัวผม ผมคิดว่าช่วงที่เราลดน้ำหนักเวลาเราจะกินอะไรทีบางครั้งก็เกรงว่าไอ้นี่มันจะกี่แคลอรี่ ไขมันเยอะมั้ย ถ้าซีเรียสมากๆก็อาจจะไม่กินเลย ทำให้ขาดสารอาหารบางอย่าง โดยเฉพาะโปรตีน สารอาหารที่สำคัญสำหรับการซ่อมและสร้างกล้ามเนื้อก็อาจจะขาดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นเพื่อกันพลาด เหนื่อยกันแทบตายกับการworkoutแต่กล้ามไม่ขึ้นหรือขึ้นนิดเดียวซึ่งจะพาลให้หมดกำลังใจกันไปซะเปล่าๆ ดังนั้นถ้าพอมีกำลังก็จัดไปเถอะครับ อาหารเสริมก็คืออาหารเสริมไม่ใช่ยา(ยกเว้นวิตามินรวม อันนี้ต้องระวังนิดนึง) อันตรายไม่มี มีอย่างเดียวคือเปลือง!

สุดท้ายขอฝากข้อคิดไว้สักนิด
1. อย่าผลัดวันประกันพรุ่งสำหรับการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก และเลือกการการออกกำลังกายให้ถูกวิธี(ศึกษาได้จากในอินเตอร์เน็ตครับมีเยอะมาก)
2. อย่าลดน้ำหนักแบบผิดวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ อดอาหารไม่เช่นนั้นคุณจะไม่fit ไม่firmและไม่ยั่งยืน
3. สม่ำเสมอ และมีวินัยให้กับตัวเองให้จงหนัก ถ้ามีเวลาและสะดวกเข้าฟิตเนสและปรึกษาเทรนเนอร์จะดีที่สุด
4. อย่าท้อเป็นอันขาดถ้ายังไม่ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่ช่วง"หิดปลาทู(hit the plateau)" ให้หาสิ่งกระตุ้นหรือสิ่งเร้าอะไรก็ได้เพื่อสร้างกำลังใจไปสู่เป้าหมายอีกครั้ง

ข้อเสียหลังจากลดน้ำหนักได้แล้ว
1. คุณจะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าของคุณให้พอดีกับตัวเอง (กางเกงต้องแก้ใหม่ไม่งั้นอาจจะหลุดได้)
2. คุณจะดูดีขึ้นผิดหูผิดตา จนหลายคนชมคุณ จนทำให้คุณเขินอายได้
3. คุณอาจจะต้องตอบคำถามเดิมๆซ้ำๆจนทำให้คุณเบื่อ ว่าทำได้อย่างไร!
4. คุณจะเสพติด สารเอนโดฟิน!!! ถ้าวันไหนขาดการworkout คุณอาจจะรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายตัว
5. ทั้งหมด..ล้อเล่น! แต่จะเกิดขึ้นจริง

ป.ล. ที่เขียนมาทั้งหมดเพียงเพื่ออยากสร้างกำลังใจ หรือแรงจูงใจให้กับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักว่า ทุกอย่างถ้าทำอย่างถูกวิธีมันหวังผลได้100% อย่างเดียวจริงๆคือ"ใจของคุณเอง"ครับ การผลัดวันประกันพรุ่งคือข้ออ้างต่างๆที่คุณยกมันขึ้นมาเพื่อสร้างกำแพงกั้นตัวเอง เมื่อใดก็ตามที่คุณก้าวข้ามกำแพงนี้ไปได้แล้วละก็ รางวัลที่คุณจะได้รับมันมีค่าเหลือเกิน ไม่ว่าคุณจะมีเงินแค่ไหนก็หาซื้อมันไม่ได้ ผมอายุ40นิดๆละ ยังทำได้ หลายคนในนี้น่าจะอายุน้อยกว่าผมเยอะ ถ้างั้นยิ่งง่ายกว่าผมอีก อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ผมเองยังเสียดายเวลาที่ผ่านมา กำแพงที่ผมสร้างขึ้นมันสูงเหลือเกิน กว่าจะปีนข้ามพ้น อายุก็ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้ แต่ถ้าคุณตั้งใจก้าวข้ามกำแพงที่คุณสร้างขึ้นมาเองให้ได้ เชื่อเถอะครับว่าถ้าคุณทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว คุณจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน...อีก สอง เดือนเจอกันใหม่ครับ!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่