ขออนุญาตนำเหตุการณ์ที่เพื่อนเจอมาตั้งกระทู้คะ เพราะไม่มีล๊อกอินพันทิพคะ พอดีมีคนแนะนำให้มาตั้งเลยขอยืมเพื่อนมาตั้งคะ ขอตั้งในเชิงเล่าสู่กันฟังคะ และหากมีใครมีข้อคิดเห็น รบกวนเสนอแนะและให้คำปรึกษาได้นะคะ
มีลิงค์ไฟล์เสียงเพิ่มคะเป็นวันเดียวกับตอนที่ซื้อยา แล้วกลับมาหาคนขายอีกทีตอนที่รู้ว่าเป็นยากลุ่มเดียวกันกับที่แพ้คะ
ป.ล.ตอนแรกไม่ได้เก็บยานั้นไว้ เขาคืนตังให้ แต่ภายหลังกลับไปเอาแล้วนะคะ
http://upload.one2car.com/download/download.aspx?pku=17699BCBC9QU5B9V3X5QFSC9S4H62X
**************---------------------------------------------------------------------******
อันตรายจากร้านขายยา
เรื่องมีอยู่ว่าเราไปขอซื้อยาแก้อักเสบที่ร้านขายยาใกล้กับอาคารซอฟแวร์ปาร์ค(ตรงที่กินข้าว) พอเข้าไปในร้านคนขายก็กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เราเลยบอกไปว่า “ขอซื้อยาแก้อักเสบหน่อยค่ะ หนูแพ้เพนนิซิลลิน (Penicillins) นะคะ” ป้าแกก็ไปหยิบยาให้แล้วบอกว่าราคา 50 บาท แล้วป้าก็มัวคุยโทรศัพท์ไม่ได้สนใจอะไรเลย เราก็เลยให้เงินไปแล้วบอกว่าไม่ต้องใส่ถุงค่ะ
พอซื้อเสร็จก็รีบขึ้นไปทำงานและรีบกินยา แต่พอกินแล้วพี่อ้อมถามว่ามันกินก่อนหรือหลังอาหาร ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า อีป้าไม่ได้บอกอะไรมาเลยนี่หว่า เลยรีบเข้าอินเตอร์เน็ท แล้วพิมพ์ชื่อยาลงไป ปรากฏว่าไปพบข้อความเกี่ยวกับยาว่ายาตัวนี้อยู่ในกลุ่มเพนนิซิลลิน และข้อระวังในการใช้ยาเขียนว่า “ห้ามใช้ในกลุ่มผู้แพ้เพนนิซิลิน” ตกใจเลยจ้า เพราแม่เคยบอกว่าตอนเด็กๆตัวเองแพ้มาก และการแพ้ยาหารรุนแรงมีโอกาส ช็อกและหมดสติได้
ก็เลยรีบขึ้นไปคลินิกของที่ตึกที่ทำงานอยู่ และตอนนั้นเริ่มใจสั่นแล้ว พยาบาลก็บอกว่ายาที่ซื้อมาชื่อ คลอกซาซิลลิน (Cloxacillin) เป็นยากลุ่มเดียวกับที่เราแพ้ แล้วให้เรากินยาแก้แพ้ กับดื่มน้ำมากๆให้ฤทธิ์ยาเจือจาง เราก็เลยรีบดื่มน้ำทีเดียว 1.5 ลิตร แล้วก็ดื่มนมตาม(เพราะคิดว่ามันช่วยได้)
อาการก็เริ่มรู้สึกแย่ขึ้น เหมือนตอนที่เราความดันต่ำ คือรู้สึกไม่สบายตัว เวียนหัว ใจเต้นแรงมาก ก็รีบลงไปที่ร้านขายยา ปรากฏว่าป้าแกไม่อยู่ ลูกสาวที่เฝ้าร้านอยู่เลยโทรไปเรียกมา พอป้าแกมาถึงเราก็เล่าเรื่องให้ฟังว่าเป็นยังไง ทำไมเอายานี้มาให้ มันเป็นยากลุ่มเดียวกันไม่ใช่หรอ ตอนนี้ตัวเองก็ใจสั่น แถมทำงานไม่ได้ ทำไมไม่ระวังในการจ่ายยา
แล้วป้าแกตอบแบบมั่นใจเลยว่า “น้องคะ ยาตัวนี้คนละกลุ่มกับเพนนิซิลินนะคะ น้องคงไม่ได้แพ้ตัวนี้”
เราก็เลยบอกว่า “งั้นที่หนูใจสั่นมากนี่คือหนูคิดเอาเองหรอคะ แล้วทำไมที่คลินิกกับในอินเตอร์เน็ตบอกว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน ทั้งๆที่หนูบอกแล้วว่าหนูแพ้ แล้วพี่ทำไมยังเอาอันนี้มาให้หนู หนูเป็นคนธรรมดาก็ไม่รู้หรอกว่านี่มันคือยาอะไร หนูรู้แค่ว่าตัวเองแพ้ยาอะไร แถมตอนมาซื้อก็ไม่บอกด้วยว่ากินยังไง มีผลค้างเคียงอะไร นี่มันเป็นสิทธิ์ที่ผู้บริโภคจะต้องรู้ไม่ใช่หรอคะ”
ป้าแกเลยหน้าด้านตอบมาว่า “ก็ตอนซื้อหนูไม่ถามเองนี่” ต๊ายยยย กล้าโบ้ยความผิดนะ
เราเลยตอกกลับไปว่า “แต่นี่เป็นสิ่งที่ควรจะแจ้งนะคะ ถึงจะไม่ได้ถามก็เถอะ อย่าถ้าตาสีตาสามาซื้อยา เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นยาอะไรกินยังไง ก็ต้องบอกเขาใช่ไหมคะ อย่างเวลาหนูซื้อยาที่อื่น เขาก็จะถามเสมอเลยว่าเป็นอะไร ใช้เองไหม แต่ที่นี่ไม่ถามเลย เป็นเภสัชกรจริงหรือเปล่าคะ”
ป้าแกยังตีหน้าซื่อแล้วไขสือพูดออกมาอีกว่า “เป็นค่ะ แต่พี่ไม่เข้าใจว่าจะเอาอะไร” คือแบบ นี่พูดมาขนาดนี้ยังไม่รู้อีกหรอ
ก็เลยบอกว่าไปคือที่มานี่หนูอยากรู้ว่าพี่จะช่วยอะไรหนูได้บ้าง
ป้าแกก็แบบสตอบอกมาว่า “งั้นขอโทษนะคะ” คิดในใจ ง่ายจังนะ พูดมาเนี่ยก็ไม่ได้เห็นจะมีความจริงใจเลย ก็เลยได้แต่พูดทิ้งท้ายไว้ว่า ยังไงก็เพิ่มความระมัดระวังในการจ่ายยาด้วยนะคะ แล้วป้าแกก้อเลยตัดบทว่า “ค่ะ ขอโทษค่ะ พอดีมีธุระ ญาติต้องผ่าตัด” เราเลยกลับออกมาพร้อมกับได้เงินคืนค่ายา 50 บาท
ประเด็นว่า หลังจากนั้นก็เข้าอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลยา ทุกเวปบอกเหมือนกันหมดว่าเป็นเพนนิซิลิน ซึ่งอีป้าย้ำว่าคนละกลุ่ม แถมผลข้างเคียงก็เหมือนกับที่เราเป็น และห้ามใช้ในผู้ที่แพ้เพนนิซิลินด้วย แต่โชคดีที่กินน้ำเยอะมาก สุดท้านกินไปเกิน 2 ลิตร ยาเลยไม่ค่อยดูดซึมมากเท่าไหร่มั้ง แต่ก็ยังใจเต้นอยู่ ซึ่งมันเกิดจากความมักง่าย ไร้จรรยาบรรณ ปัดความรับผิดชอบ ประมาทเลินเล่อ แถมตัวเองผิดแล้วยังยืนกราน ขาดซึ่งความเห็นอกเห็นใจที่เราเป็นผู้ป่วยซึ่งมีสาเหตูมาจากตัวเองแท้ๆ แบบนี้จะทำยังไงดี
**------------------------------------------**************************
คะตอนนี้เรื่องก็มีเท่านี้คะอยากถามความเห็นจากคนในนี้ว่าถ้าเจอกรณีแบบนี้เราจะทำอย่างไรได้บ้างคะ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องอันตราย สิทธิของผู้บริโภคคะ ต้งอขออภัยในคำไม่สุภาพบางคำ อันนี้ก๊อปปี้ข้อความมาเลย จากสถาณการณ์ตอนนั้นที่เกิดขึ้น จริงๆแล้วมีคลิปเสียงด้วยคะ ที่อัดไว้เพราะเริ่มเห็นป้าแกแสดงความไม่รับผิดชอบคะ
อันตรายจากร้านขายยา******* กระทู้เตือนภัย และขอคำแนะนำคะ
มีลิงค์ไฟล์เสียงเพิ่มคะเป็นวันเดียวกับตอนที่ซื้อยา แล้วกลับมาหาคนขายอีกทีตอนที่รู้ว่าเป็นยากลุ่มเดียวกันกับที่แพ้คะ
ป.ล.ตอนแรกไม่ได้เก็บยานั้นไว้ เขาคืนตังให้ แต่ภายหลังกลับไปเอาแล้วนะคะ
http://upload.one2car.com/download/download.aspx?pku=17699BCBC9QU5B9V3X5QFSC9S4H62X
**************---------------------------------------------------------------------******
อันตรายจากร้านขายยา
เรื่องมีอยู่ว่าเราไปขอซื้อยาแก้อักเสบที่ร้านขายยาใกล้กับอาคารซอฟแวร์ปาร์ค(ตรงที่กินข้าว) พอเข้าไปในร้านคนขายก็กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เราเลยบอกไปว่า “ขอซื้อยาแก้อักเสบหน่อยค่ะ หนูแพ้เพนนิซิลลิน (Penicillins) นะคะ” ป้าแกก็ไปหยิบยาให้แล้วบอกว่าราคา 50 บาท แล้วป้าก็มัวคุยโทรศัพท์ไม่ได้สนใจอะไรเลย เราก็เลยให้เงินไปแล้วบอกว่าไม่ต้องใส่ถุงค่ะ
พอซื้อเสร็จก็รีบขึ้นไปทำงานและรีบกินยา แต่พอกินแล้วพี่อ้อมถามว่ามันกินก่อนหรือหลังอาหาร ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า อีป้าไม่ได้บอกอะไรมาเลยนี่หว่า เลยรีบเข้าอินเตอร์เน็ท แล้วพิมพ์ชื่อยาลงไป ปรากฏว่าไปพบข้อความเกี่ยวกับยาว่ายาตัวนี้อยู่ในกลุ่มเพนนิซิลลิน และข้อระวังในการใช้ยาเขียนว่า “ห้ามใช้ในกลุ่มผู้แพ้เพนนิซิลิน” ตกใจเลยจ้า เพราแม่เคยบอกว่าตอนเด็กๆตัวเองแพ้มาก และการแพ้ยาหารรุนแรงมีโอกาส ช็อกและหมดสติได้
ก็เลยรีบขึ้นไปคลินิกของที่ตึกที่ทำงานอยู่ และตอนนั้นเริ่มใจสั่นแล้ว พยาบาลก็บอกว่ายาที่ซื้อมาชื่อ คลอกซาซิลลิน (Cloxacillin) เป็นยากลุ่มเดียวกับที่เราแพ้ แล้วให้เรากินยาแก้แพ้ กับดื่มน้ำมากๆให้ฤทธิ์ยาเจือจาง เราก็เลยรีบดื่มน้ำทีเดียว 1.5 ลิตร แล้วก็ดื่มนมตาม(เพราะคิดว่ามันช่วยได้)
อาการก็เริ่มรู้สึกแย่ขึ้น เหมือนตอนที่เราความดันต่ำ คือรู้สึกไม่สบายตัว เวียนหัว ใจเต้นแรงมาก ก็รีบลงไปที่ร้านขายยา ปรากฏว่าป้าแกไม่อยู่ ลูกสาวที่เฝ้าร้านอยู่เลยโทรไปเรียกมา พอป้าแกมาถึงเราก็เล่าเรื่องให้ฟังว่าเป็นยังไง ทำไมเอายานี้มาให้ มันเป็นยากลุ่มเดียวกันไม่ใช่หรอ ตอนนี้ตัวเองก็ใจสั่น แถมทำงานไม่ได้ ทำไมไม่ระวังในการจ่ายยา
ป้าแกเลยหน้าด้านตอบมาว่า “ก็ตอนซื้อหนูไม่ถามเองนี่” ต๊ายยยย กล้าโบ้ยความผิดนะ
เราเลยตอกกลับไปว่า “แต่นี่เป็นสิ่งที่ควรจะแจ้งนะคะ ถึงจะไม่ได้ถามก็เถอะ อย่าถ้าตาสีตาสามาซื้อยา เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นยาอะไรกินยังไง ก็ต้องบอกเขาใช่ไหมคะ อย่างเวลาหนูซื้อยาที่อื่น เขาก็จะถามเสมอเลยว่าเป็นอะไร ใช้เองไหม แต่ที่นี่ไม่ถามเลย เป็นเภสัชกรจริงหรือเปล่าคะ”
ก็เลยบอกว่าไปคือที่มานี่หนูอยากรู้ว่าพี่จะช่วยอะไรหนูได้บ้าง
ประเด็นว่า หลังจากนั้นก็เข้าอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลยา ทุกเวปบอกเหมือนกันหมดว่าเป็นเพนนิซิลิน ซึ่งอีป้าย้ำว่าคนละกลุ่ม แถมผลข้างเคียงก็เหมือนกับที่เราเป็น และห้ามใช้ในผู้ที่แพ้เพนนิซิลินด้วย แต่โชคดีที่กินน้ำเยอะมาก สุดท้านกินไปเกิน 2 ลิตร ยาเลยไม่ค่อยดูดซึมมากเท่าไหร่มั้ง แต่ก็ยังใจเต้นอยู่ ซึ่งมันเกิดจากความมักง่าย ไร้จรรยาบรรณ ปัดความรับผิดชอบ ประมาทเลินเล่อ แถมตัวเองผิดแล้วยังยืนกราน ขาดซึ่งความเห็นอกเห็นใจที่เราเป็นผู้ป่วยซึ่งมีสาเหตูมาจากตัวเองแท้ๆ แบบนี้จะทำยังไงดี
**------------------------------------------**************************
คะตอนนี้เรื่องก็มีเท่านี้คะอยากถามความเห็นจากคนในนี้ว่าถ้าเจอกรณีแบบนี้เราจะทำอย่างไรได้บ้างคะ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องอันตราย สิทธิของผู้บริโภคคะ ต้งอขออภัยในคำไม่สุภาพบางคำ อันนี้ก๊อปปี้ข้อความมาเลย จากสถาณการณ์ตอนนั้นที่เกิดขึ้น จริงๆแล้วมีคลิปเสียงด้วยคะ ที่อัดไว้เพราะเริ่มเห็นป้าแกแสดงความไม่รับผิดชอบคะ