ท่านนบีมูฮัมมัด ทำสิ่งใดให้โลกบ้าง

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงเกรียงไกร  



            ด้วยความเมตตาของพระองค์ ผมถูกเรียกจากฝ่ายจัดทำสูจิบัตร งานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ให้ไปจัดหา เรื่องราวแรงบันดาลใจในพลังความยิ่งใหญ่แห่งอิสลาม ทั้งแบบนามธรรมและรูปธรรม

            คือเรื่องราวของ มหาบุรุษแห่งมนุษยชาติ ท่านนบีมูฮัมมัด ซล. บรมศาสดา อภิมหาศาสนทูต ผู้ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของโลก!  "ศาสนทูต ที่อัลลอฮฺรักที่สุด" ผู้มีพันธกิจ "ประกาศอิสลาม ศาสนาอันเที่ยงแท้" แก่ มวลมนุษย์ และ ญิน (สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่เราไม่อาจมองเห็น)

            เรื่องจึงเริ่มด้วยการเรียนเชิญ ดร.อณัส อมาตยกุล ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยมหิดล มาบรรยายให้ความรู้ ท่านผู้นี้...มิได้มีเพียงปริญญาเอกด้านศาสนา จากมหาวิทยาลัยในชมพูทวีป แต่ยังเป็นผู้ปฏิบัติธรรมสำรวมตนต่ออัลลอฮฺ ซบ. ตลอดมา ชื่อชั้นเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์โลกและศาสนาที่สุดคนหนึ่ง...  แม้บรรยายกลุ่มเล็กแต่เรื่องใหญ่ด้วยคำถามเดียวว่า "ท่านนบีมูฮัมมัดทำสิ่งให้โลกบ้าง" คำถามดูจะก้าวร้าว...แต่ผู้ตอบกลับแย้มยิ้มเยือกเย็นยิ่ง

พระองค์อัลลอฮฺ เติมเต็มธรรมะให้หัวใจผู้ศรัทธา ด้วยศาสดา "มูฮัมมัด ซล."


[img]http://ina99.net/imageupload/33644/Makkah1.jpg[/img]


            "คุณอัยยูบครับ" อาจารย์เริ่มต้นด้วยวาจางามตามแบบฉบับ  

            " พันสี่ร้อยกว่าปีที่แล้ว ท่ามกลางชุมชน "เมืองมักกะฮ์" ที่สถานะขณะนั้นคือเมืองสำคัญ ทั้งด้านศาสนา ศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค คนส่วนใหญ่ยังหลงงมงายอยู่กับการบูชาจเว็ด รูปปั้น ซึ่งถูก อุปโลกแทนพระเจ้าตามความคิด (เช่นเดียวกับทั่วทุกมุมโลก) ชายชื่อ "มูฮัมมัด" (ความหมายว่า ผู้ถูกสรรเสริญ) ผู้ไม่อาจยอมตนต่อ "พระเจ้าตามจินตนาการ" จึงปลีกตนจากชุมชนใหญ่มาแสวงหา ธรรมะ สัจธรรม และ "พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง" จนกระทั่งวันหนึ่ง... ขณะที่ท่านกำลังครุ่นคิดพิจารณาอยู่ที่ "ถ้ำหิรออฺ"  ทูตจากพระเจ้า


นาม "ญิบรีล" ก็มาปรากฎกาย ถ่ายทอดคำสั่งจาก "อัลลอฮฺ ซบ." ให้ว่าตามคำของพระองค์    "จงอ่าน" "จงอ่านด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงบังเกิด" นั่นคือกำเนิดปฐมบท บนหน้าประวัติศาสตร์ และทำให้ชายชื่อมูฮัมมัด ตระหนักชัดว่าท่านได้รับแต่งตั้งเป็น "นบี" ทำหน้าที่นำสารจากอัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้า บอกกล่าวนำทางมวลมนุษย์และญิน ถือเป็นการจบสิ้น วันเวลาแห่งการรอคอยศาสนทูตคนสุดท้ายของโลก  "ท่านนบีมูฮัมมัด" จึงประดุจ "ของขวัญล้ำค่า" ที่มาเติมเต็มศรัทธาแก่มวลมนุษย์"  
ท่านนบีมูฮัมมัด ซล.ให้ความหวังแก่ผู้ศรัทธา



[img]http://ina99.net/imageupload/33644/Hope1.jpg[/img]


แน่นอน...ดร.อณัส ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ ....

            "นั่นคือการประกาศเปิดตัว "แม่ทัพผู้เกรียงไกร ฝ่ายธรรมะ" ที่จะมาโค่นกองทัพ "อธรรม" อันนำโดย "อิบลีส" ไชตอนมารร้ายผู้เรืองอำนาจ กองกำลังที่สั่งสมชัยชนะเหนือมวลมนุษย์มายาวนาน ทั้งฮึกเหิม ทั้งมากมาย ลวงผู้คนลืมชีวิตหลังความตายที่ต้องกลับไปพบพระผู้สร้าง  เอาแต่งมงาย ฝักใฝ่สิ่งสนองอารมณ์ต่ำตรงหน้า หวังเพียง ทรัพย์สิน กิน กาม อำนาจ พยาบาทมาดร้าย งมงายไม่สิ้นสุด  



[img]http://ina99.net/imageupload/33644/Satan1.jpg[/img]


เมื่อเกิด "ศาสนทูตของอัลลอฮฺ" ผู้ศรัทธาทั่วแผ่นดิน จึงสิ้นทุกข์บดบัง เกิดความหวังเปรมปรี  ด้วยรู้ดี "โอกาสมีชัย" มาถึงแล้วแล้ว ท่านนบีฯ จึงเป็นผู้ "หยิบยื่น ความหวัง" ที่จะมีชีวิตใหม่อันสดใสให้เกิดขึ้นในใจของมวลมนุษย์"




ท่านนบีฯ ให้ศาตราวุธแห่งชีวิตพิชิตมาร

[img]http://ina99.net/imageupload/33644/War1.jpg[/img]


            การสถานปนา นบีมูฮัมมัด เป็นศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่เกรียงไกร ประหนึ่งกำเนิดพลังข่มขวัญแผ่ซ่านทั่วหัวระแหงแห่งพลพรรคมาร ความหวาดกลัวทิ่มแทงแฝงลึกไปในหัวใจของข้าศึกเมื่อนึกถึงความจริงที่กำลังจะ ปรากฎ เสมือนรอการบดขยี้จากอภิมหากองทัพธรรมอันเกรียงไกร  จากวันแรกที่ประกาศศาสนา ด้วยสัจวาจาแห่งธรรมที่ว่า  "พระผู้เป็นเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียว คืออัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูว่ะต่ะอาลา"  เพียงเท่านี้หมู่มารก็แทบจะคลั่งด้วยพลังแห่งความจริง  สิ่งที่จะมา





ล้างความเท็จ...และนี่คือ "ดาบแรก..."
          "ดาบที่สอง" ศาสนาอิสลาม ที่ตามมา "ผู้ศรัทธา" ต่าง ปฏิญานตน เป็นคนดีของพระเจ้า เข้าสำรวมตนด้วย ละหมาด 5 เวลา ยกจิตพัฒนาใจศรัทธาด้วยการ ถือศีลอด บดขยี้อัตตาด้วย บริจาคทรัพย์แก่ผู้ยากไร้  ร่วมน้ำใจทำศึกต่อหมู่มารในการ ประกอบพิธีฮัจญ์ อันเกรียงไกร  ณ   อภิมหาสมาคมธรรม เหนือแผ่นดินต้องห้าม นาม "มักกะห์" เมืองหลวงแห่งธรรมะของพระผู้เป็นเจ้า  จนอิสลามเติบใหญ่ในคาบสมุทรอาราเบีย ทั้งขยายไปไกลก็ด้วย "ศาสตราวุธแห่งชีวิตทั้งสอง" ที่ ศาสนทูตของอัลลอฮฺนามมูฮัมมัดนำมามอบให้
ท่านนบีฯ มอบข่าวดีแก่ผู้ศรัทธา



[img]http://ina99.net/imageupload/33644/Iman1.jpg[/img]


ดร.อณัส หยุดพักสักครู่ก่อนแย้มยิ้มกล่าวต่อไปว่า...


            ไม่ทันที่ฝ่ายข้าศึกของ "ธรรมะ" จะตั้งรับทัน ท่านนบีฯ ก็ประกาศ "ข่าวดี" แก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า การศึกนี้ ไม่มีสูญเปล่าเราจงทราบกันเถิด การงานทุกอย่างนั้นจะเกิด "ผลตอบแทนแสนล้ำค่า จากพระมหาบริสุทธิ์ พระองค์อัลลอฮฺ ซบ." เกินกว่าบรรยายด้วยถ้อยคำใด ๆ ในโลก จบคำท่านนบีฯ นี้ดุจมีน้ำทิพย์ชโลมดวงใจผู้ศรัทธา แต่หาดีต่อมารไม่เพราะ "ข่าวดีจากอัลลอฮฺ" เสมือน "ดาบที่สาม" ที่บั่นลงตรงหน้าพญามาร  สารที่พร่ำสอนแปลงศรัทธาแก่สาวก ว่า "ความสุขในโลกคือสรณะ" นั้นเที่ยงแท้ พลันถูกแก้ไขทำลายสิ้น ด้วยศรัทธาในพระเจ้าดุจเสาหลักปักกลางใจเหล่านักรบฝ่ายธรรมะ ให้สละสลัดทิ้งความหวาดหวั่นต่อการทดสอบ แม้จนตรอก เหนื่อยหน่าย ถดถอย ด้อยเกียรติในสายตามนุษย์  จนถึงบททดสอบสุด ๆ คือ "ความตาย" ล้วนไม่พรั่นพรึง! พวกเขาต่างมุ่งหน้าเข้าหาแนวรบแห่งความยากลำบาก ด้วยใจอิ่มอาบความดีมีสุข ทุกข์กายแต่อิ่มใจ ไม่หวั่นไหวในทรัพย์ศฤงคาร ที่มารหยิบยื่น เขาพร้อมจะละเพื่อแลก กับ "ข่าวดี" ที่นบีฯ ของเขาได้ประกาศไว้ "ท่านนบีฯ จึงเป็นผู้ให้ข่าวดีที่ยิ่งใหญ่ ให้กำลังใจอันแก่กล้าในหัวใจผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง"


  ท่านนบีฯ คือผู้ให้พระคัมภีร์จากพระผู้เป็นเจ้า








            พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเกรียงไกร ยังให้ท่านนบีฯ เป็นผู้ถือ "สารแห่งชัยชนะ" ประทานแก่มวลมนุษย์ พระคัมภีร์อัลกุรอ่าน ที่ทูตจากพระเจ้านาม "ญิบรีล" นำส่งลงมานั้นเป็นดั่ง "มหาคัมภีร์พิชัยสงคราม" ที่รวมเรื่องราวการศึกน้อยใหญ่ในอดีต ที่บรรดานบีผู้ยิ่งใหญ่เคยเผชิญหน้าหมู่มาร


[img]http://ina99.net/imageupload/33644/Musa1.jpg[/mg]



ข่าวสารถูกบันทึกไว้เป็น "ความรู้" อุธาหรณ์สอนใจ ทั้งพระคัมภีร์ยิ่งใหญ่นี้ยังมี "ข้อคิดอันล้ำค่า" จากพระผู้เป็นเจ้า ให้ขัดเกลาปัญญา จินตนา ได้ถึงแก่นธรรม  นำชีวิตจิตวิญญาณสู่ความ "สยบยอมต่อสัจธรรมแห่งพระองค์"
พระเจ้าผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียวแห่งอภิมหาจักรวาล สิ่งยิ่งใหญ่ประการหนึ่งของท่านนบีฯ มูฮัมมัด ซล. จึงได้แก่การนำ "พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน" ประทานแก่มวลมนุษย์   ท่านนบีฯ มอบคนดีแก่มวลมนุษย์                            




หัวข้อสุดท้าย... ดร.อณัส ทิ้งทวนทั้งเล่มว่า...

            "ผู้ศรัทธา" ย่อมมีวิถีปฏัติ ที่ร้อยรัดดวงใจไว้กับพระผู้เป็นเจ้า สำหรับพวกเขาเหล่าทหารกล้าแห่งอัลลอฮฺ  ที่ท่านนบีฯ เป็นแม่ทัพนั้น หาได้มุ่งมั่นเพื่อความสุขแห่งตน ทุกผู้คนต่างถือเป็นพันธกิจช่วยทุกชีวิตให้หลุดพ้น  สู่ชีวิตใหม่ใน "ทางธรรมอันเที่ยง" ท่านนบีฯ จึงเป็นผู้หยิบยื่น "คนดีให้มีขึ้นในโลก" โดยแท้  ประจักษ์พยาน วันนี้มีกว่า 1,500 ล้าน


ต่างสืบสานธรรมะของท่านอยู่ทั่วโลก ดุจเครือค่ายโยงใยให้พลังแห่งความดีมีอานุภาพแข็งขัน ผลักดันโลกฝ่าวิกฤต ช่วยชีวิตมวลชนจนนับครั้งไม่ถ้วน พวกเขายังตั้งหน้าทำดีไม่มีสิ้นสุด ซึ่งเชื่อเถิดว่าด้วยธรรมะแห่งอิสลามนี้ พวกเขาจะไม่มีวันพ่ายแพ้...เพราะพวกเขาคือ "ประชาชาติที่ดีของท่านนบีมูฮัมมัด ซล." ศาสนทูตผู้ปกปักรักษาโลกและมวลมหาชน ผู้ทรงคุณธรรมความดีที่สุดแห่งมนุษยชาติ


ข้อมูล ดร.อนัส อมาตยกุล
เรียบเรียง อัยยูบ  ศิลปวงษา


ยังมีบทความอีกมากมาย อ่านบทความเพิ่มเติมได้ทาง
http://www.ina99.net/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่