สินทรัพย์ปลอดภัย
กองทุนตลาดเงิน ผลตอบแทนประมาณ 2.5-2.8% ต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% ส่วนกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือนประมาณ 3% ต่อ และ 1 ปีที่ 3.2%
สินทรัพย์เสี่ยง
หุ้นไทย ได้ปรับฐานเสร็จแล้ว พบสัญญาณการกลับตัว Bullish Divergence ลุ้นไปทดสอบ High เดิมที่ราว 1,600 จุด กอร์ปกับอานิสงฆ์การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% และ 20% ตามลำดับ ทำให้ EPS ของบริษัทในตลาดสูงขึ้นทันตา ระหว่างนี้อาจจะได้ยินทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เรื่องของผลประกอบการบริษัทในไตรมาส 1 และตัวเลขเศรษฐกิจที่ทยอยประกาศออกมาทั้งในไทยและต่างประเทศ ถ้าตัวเลขดีเกินคาดก็จะส่งผลให้ความรู้สึกของตลาด(Sentiment)เป็นในเชิงบวก ถ้าต่ำกว่าคาดก็จะทำให้ความรู้สึกตลาดเป็นลบ
ทองคำ ยังคงเป็นขาลง และมีความผันผวนสูง ล่าสุดอยู่ที่ $1,460 ซึ่งสามารถกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้แล้ว แต่ด่านใหญ่อยู่แนวต้าน $1,530 ซึ่งเป็นแนวรับหลักที่ได้หลุดลงมา ช่วงนี้ก็ยังให้ชะลอการลงทุนไปก่อนถึงกลางปี
น้ำมัน เริ่มหมดช่วง High season ที่เป็นช่วงฤดูหนาวแล้ว ให้ทะยอยลดพอร์ตการลงทุน ซึ่งปกติราคาน้ำมันจะสูงช่วงฤดูหนาวเพราะต้องใช้พลังงานเพื่อสร้างความอบอุ่น รวมถึงปริมาณ Supply น้ำมันดินที่สหรัฐปีนี้สูงกว่าปีก่อนๆ จึงเป็นแรงกดดันราคาน้ำมันอีก ยังคงมีค่าพรีเมียมสถานการณ์เกาหลีเหนือและตะวันออกกลางบ้าง ที่พอมีปัญหาทีก็ทำให้ราคาน้ำมันดีดขึ้นได้บ้าง
ค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงจากรัฐบาลและธปท.ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าบาทแข็งเกินไป และกำลังพิจารณาเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมแบบขั้นบันไดหากมีการขายออกมาก่อนกำหนดเวลา การออกมาส่งสัญญาณก็เท่ากับเป็นการ Action อย่างหนึ่งเพื่อให้ค่าเงินอ่อนได้ โดยที่ยังไม่ต้องมีมาตรการใดๆ ออกมา ซึ่งคล้ายกับการให้สัมภาษณ์ของประธานเฟด
แต่การลดดอกเบี้ยนโยบายนั้นก็เป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากมีเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.7% ถ้าลดดอกเบี้ยเหลือ 2.5% ก็จะทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ ส่งผลให้คนไม่อยากออมเงิน ภาคธุรกิจเองก็จะกู้มาลงทุนมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยต่ำ อาจจะส่งผลให้เกิดฟองสบู่ได้ ดังนั้นผู้ประกอบการส่งออกคงต้องปรับตัวทำสัญญาฟอร์เวิร์ดกับธนาคารไว้ล่วงหน้า ส่วนการนำเข้าและการท่องเที่ยวต่างประเทศของคนไทยก็ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่า
----------------------------
http://www.facebook.com/newbieinvestor
กราฟข้างล่างแสดงการเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย(เส้นสีแดง), ดัชนีหุ้นฟิลิปปินส์(เส้นสีเขียว) และดัชนีหุ้นอินโดนีเซีย(เส้นสีส้ม) ที่ต่างชาติมองเราในกลุ่ม TIP (Thailand, Indonesia, Philippine) ซึ่งดัชนีหุ้นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ได้ทำ New High หลังจากที่ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ได้แล้ว มาลุ้นหุ้นไทยกันว่าจะทำ New High ตามเขาได้ไหม?
อัพเดทการลงทุน ตามชนิดของสินทรัพย์ (Asset Class)
กองทุนตลาดเงิน ผลตอบแทนประมาณ 2.5-2.8% ต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% ส่วนกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือนประมาณ 3% ต่อ และ 1 ปีที่ 3.2%
สินทรัพย์เสี่ยง
หุ้นไทย ได้ปรับฐานเสร็จแล้ว พบสัญญาณการกลับตัว Bullish Divergence ลุ้นไปทดสอบ High เดิมที่ราว 1,600 จุด กอร์ปกับอานิสงฆ์การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% และ 20% ตามลำดับ ทำให้ EPS ของบริษัทในตลาดสูงขึ้นทันตา ระหว่างนี้อาจจะได้ยินทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เรื่องของผลประกอบการบริษัทในไตรมาส 1 และตัวเลขเศรษฐกิจที่ทยอยประกาศออกมาทั้งในไทยและต่างประเทศ ถ้าตัวเลขดีเกินคาดก็จะส่งผลให้ความรู้สึกของตลาด(Sentiment)เป็นในเชิงบวก ถ้าต่ำกว่าคาดก็จะทำให้ความรู้สึกตลาดเป็นลบ
ทองคำ ยังคงเป็นขาลง และมีความผันผวนสูง ล่าสุดอยู่ที่ $1,460 ซึ่งสามารถกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้แล้ว แต่ด่านใหญ่อยู่แนวต้าน $1,530 ซึ่งเป็นแนวรับหลักที่ได้หลุดลงมา ช่วงนี้ก็ยังให้ชะลอการลงทุนไปก่อนถึงกลางปี
น้ำมัน เริ่มหมดช่วง High season ที่เป็นช่วงฤดูหนาวแล้ว ให้ทะยอยลดพอร์ตการลงทุน ซึ่งปกติราคาน้ำมันจะสูงช่วงฤดูหนาวเพราะต้องใช้พลังงานเพื่อสร้างความอบอุ่น รวมถึงปริมาณ Supply น้ำมันดินที่สหรัฐปีนี้สูงกว่าปีก่อนๆ จึงเป็นแรงกดดันราคาน้ำมันอีก ยังคงมีค่าพรีเมียมสถานการณ์เกาหลีเหนือและตะวันออกกลางบ้าง ที่พอมีปัญหาทีก็ทำให้ราคาน้ำมันดีดขึ้นได้บ้าง
ค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงจากรัฐบาลและธปท.ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าบาทแข็งเกินไป และกำลังพิจารณาเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมแบบขั้นบันไดหากมีการขายออกมาก่อนกำหนดเวลา การออกมาส่งสัญญาณก็เท่ากับเป็นการ Action อย่างหนึ่งเพื่อให้ค่าเงินอ่อนได้ โดยที่ยังไม่ต้องมีมาตรการใดๆ ออกมา ซึ่งคล้ายกับการให้สัมภาษณ์ของประธานเฟด
แต่การลดดอกเบี้ยนโยบายนั้นก็เป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากมีเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.7% ถ้าลดดอกเบี้ยเหลือ 2.5% ก็จะทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ ส่งผลให้คนไม่อยากออมเงิน ภาคธุรกิจเองก็จะกู้มาลงทุนมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยต่ำ อาจจะส่งผลให้เกิดฟองสบู่ได้ ดังนั้นผู้ประกอบการส่งออกคงต้องปรับตัวทำสัญญาฟอร์เวิร์ดกับธนาคารไว้ล่วงหน้า ส่วนการนำเข้าและการท่องเที่ยวต่างประเทศของคนไทยก็ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่า
----------------------------
http://www.facebook.com/newbieinvestor
กราฟข้างล่างแสดงการเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย(เส้นสีแดง), ดัชนีหุ้นฟิลิปปินส์(เส้นสีเขียว) และดัชนีหุ้นอินโดนีเซีย(เส้นสีส้ม) ที่ต่างชาติมองเราในกลุ่ม TIP (Thailand, Indonesia, Philippine) ซึ่งดัชนีหุ้นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ได้ทำ New High หลังจากที่ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ได้แล้ว มาลุ้นหุ้นไทยกันว่าจะทำ New High ตามเขาได้ไหม?